ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

  การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PROJECT-BASED LEARNING)

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

ภาพที่ 1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานอาชีพเรื่องการออกแบบเครื่องกดเจลล้างมือจากไม้ไผ่ จาก facebook : Janejira Pochai

            สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2543 อ้างถึงใน วัฒนา มังคสมัน, 2551) ได้ให้ความหมายของการสอนแบบโครงงานไว้ว่า เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เลือกและสร้างกระบวนการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกด้วยตนเองโดยใช้วิธีการและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและสามารถนำผลการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตได้

          รูปธรรม (ดุษฎี โยเหลาและคณะ, 2557: 19-20) การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่มีครูเป็นผู้กระตุ้นเพื่อนำความสนใจที่เกิดจากตัวนักเรียนมาใช้ในการทำกิจกรรมค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวนักเรียนเอง นำไปสู่การเพิ่มความรู้ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ การฟังและการสังเกตุจากผู้เชี่ยวชาญ โดยนักเรียนมีการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม ที่จะนำมาสู่การสรุปความรู้ใหม่ มีการเขียนกระบวนการจัดทำโครงงานและได้ผลการจัดกิจกรรมเป็นผลงานแบบ

          ทิศนา แขมมณี (2560) ให้ความหมายของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงการเป็นหลักไว้ว่า เป็นการจัดสภาพการณ์ของการเรียนการสอน โดยให้ผู้เรียนได้ร่วมกันเลือกทำโครงการที่ตนสนใจ โดยร่วมกันสำรวจ สังเกต และกำหนดเรื่องที่ตนสนใจ วางแผนในการทำโครงการร่วมกัน ศึกษาหาข้อมูลความรู้ที่จำเป็น และลงมือปฏิบัติงานตามแผนงานที่วางไว้จนได้ข้อค้นพบหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ แล้วจึงเขียนรายงานและนำเสนอต่อสาธารณชน เก็บข้อมูล แล้วนำผลงานประสบการณ์ทั้งหมดมาอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดกัน และสรุปผลการเรียนรู้ที่ได้รับจากประสบการณ์ที่ได้รับทั้งหมด

          สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน คือ กิจกรรมที่ให้ นักเรียนรู้จักวิธีการทำโครงงานวิจัยเล็กๆ ผู้เรียนลง มือปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรู้ทักษะ และสร้าง ผลผลิตที่มีคุณภาพ ระเบียบวิธีดำเนินการเป็นระบบ ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์จุดประสงค์หลักของการ สอนแบบโครงงานต้องการกระตุ้นให้นักเรียนรู้จัก สังเกต รู้จักตั้งคำถาม รู้จักตั้งสมมติฐาน รู้จักวิธี แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง เพื่อตอบคำถามที่ตน อยากรู้ รู้จักสรุป และทำความเข้าใจกับสิ่งที่ค้นพบ โครงงานอาจจัดในเวลาเรียน หรือนอกเวลาเรียนก็ ได้โดยไม่จำกัดสถานที่อาจทำเป็นรายบุคคลหรือ เป็นกลุ่มได้หากเนื้อหาหรือข้อสงสัยเป็นไปตาม รายวิชาใดหรือสาระใด จะเรียกว่าโครงงานใน รายวิชานั้น ๆ เช่น โครงงานวิทยาศาสตร์โครงงาน คณิตศาสตร์โครงงานคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้น

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

        ภาพที่ 2 การแข่งโครงงานคอมพิวเตอร์ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับ สพป.เพชรบูรณ์ เขต 3 จาก facebook : Janejira Pochai

2. ลักษณะของโครงงาน

          สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2541 อ้างถึงใน อังคณา ตุงคะสมิต, 2559) ได้กำหนดลักษณะสำคัญของโครงงาน
ไว้ 7 ประเด็น ดังนี้

           1. เป็นวิธีการเรียนรู้ที่บูรณาการหลักสูตรกับการจัดการเรียนรู้ได้อย่างกลมกลืนกัน

           2. เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากความสนใจใคร่รู้คำตอบของตัวผู้เรียนเอง

           3. เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ (Construct) ด้วยตนเอง

           4. เป็นวิธีการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้งลุ่มลึกด้วยวิธีการ มีระบบ เป็นขั้นตอน และต่อเนื่อง 

           5. เป็นวิธีการเรียนรู้ที่แสวงหาความรู้และสรุปความรู้ด้วยตนเอง

           6. เป็นวิธีการที่นำเสนอผลการศึกษาค้าคว้าด้วยวิธีการที่เหมาะสม กระบวนการผลงานที่พบ

           7. สำหรับข้อค้นพบ สิ่งที่ค้นพบสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ “เป็นการหาคำตอบข้อสงสัยโดยใช้ทักษะการเรียนรู้และ

              ปัญญาหลาย ๆ ด้าน”

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร
      
ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

               ภาพที่ 3 การแข่งโครงงานคอมพิวเตอร์ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับ สพป.เพชรบูรณ์ เขต 3 จาก facebook : Janejira Pochai

3. วัตถุประสงค์จากการจัดการเรียน

          วัฒนา มังคสมัน (2551) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานไว้ 4 หลักการ คือเมื่อใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานแล้ว ผู้เรียนมีลักษณะสำคัญดังนี้

          1. สามารถพัฒนากระบวนการคิดของตนเอง
         
2. สามารถลงมือปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตนเอง
          3. สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นกระบวนการ
          4. เห็นคุณค่าในตนเอง
 

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

      

                        ภาพที่ 4 การสอนแบบโครงาน ที่มา https://www.kruachieve.com/-project-based-learning-

4. ประเภทของโครงงาน

          ปราชญ์ รัตนานันท์ (2553) ได้แบ่งประเภทของโครงงานเป็น 4 ประเภท ดังนี้

         1. โครงงานสำรวจ เป็นโครงงานที่ศึกษาโดยการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ภายใต้ประเด็นหัวข้อที่ศึกษา แล้วนำความรู้ที่ได้มาทำการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบถึงผลการศึกษา และการนำเสนอโครงงานประเภทนี้อาจนำเสนอในรูปแบบของตาราง แผนภูมิ แผนผัง หรือกราฟ 
          ตัวอย่างโครงงานสำรวจ

                   o โครงงานการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของภาคใต้
                   
o โครงงานสำรวจความคิดเห็นของเยาวชนต่ออาชีพดารา เป็นต้น

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

                           ภาพที่ 5 การสอนโครงงานแบบสำรวจจากโครงานบ้านวิทยาศาสตร์น้อย เรื่องสำรวจสัตว์สิ่งมีชีวิต 
                                                     ที่มาของภาพ facebook : Janejira Pochai

        2. โครงงานศึกษา ค้นคว้า ทดลอง เป็นโครงงานที่ศึกษาและค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ผู้เรียนสนใจและต้องการรู้เรื่องราวรายละเอียด
อย่างลึกซึ้ง อาจจะพัฒนามาจากโครงงานสำรวจแล้วต้องการศึกษาค้นคว้าหรือทดลองเพิ่มเติม
          ตัวอย่างโครงงานศึกษา ค้นคว้า ทดลอง

                   o โครงงานสุสานโจโฉมีจริงหรือไม่ ?
                    o โครงงานสมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นชาวจีนจริงหรือ ?

                                                 ภาพที่  6 การแข่งขันประกวดโครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า ทดลอง 
                                                 ที่มา https://www.facebook.com/Janejira Pochai

        3. โครงงานสิ่งประดิษฐ์เป็นโครงงานที่สร้างหรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ โดยนำองค์ความรู้ที่มีอยู่เป็นพื้นฐาน มาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ที่มีและยังไม่มีใครเคยคิดประดิษฐ์มาก่อน อาจจะได้มาจากการสำรวจ ศึกษาและค้นคว้าจากทฤษฎีที่มีมาก่อน หรือพัฒนาขึ้นจากสิ่งประดิษฐ์ที่มีมาก่อน

          ตัวอย่างโครงงานสิ่งประดิษฐ์

                    o โครงงานสมุดภาพประวัติศาสตร์ไทยสมัยสุโขทัย
                    
โครงงานประดิษฐ์เครื่องกดเจลล้างมือด้วยไม้ไผ่

             ภาพที่  7 โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เครื่องกดเจลล้างมือกระบอกไม้ไผ่ ที่มา https://www.facebook.com/Janejira Pochai
                                               

        4. โครงงานทฤษฎี เป็นโครงงานที่สร้างทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สนใจ หรือเป็นการขยายแนวคิด หรือพิสูจน์ทฤษฎีเดิมเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยทฤษฎีใหม่ที่เสนอนี้ผู้เสนอต้องมีความรู้ในทฤษฎีนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง และต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยกฎเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
          ตัวอย่างโครงงานทฤษฎี

             o โครงงานแคว้นสุวรรณภูมิคืออาณาจักรไทยใช่หรือไม่

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

                                              ภาพที่  8 โครงงานจำลองทฤษฏี เรื่องการไหลของเหลว

                                                 ที่มา https://kroomaneewan.wordpress.com/

     5. ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน

อังคณา ตุงคะสมิต (2559) กล่าวถึงขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานไว้ดังนี้

(1) ก่อนดำเนินการสอน
          ขั้นที่
1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ  เป็นการสร้างสิ่งซึ่งเร้าให้นักเรียนเกิดความสนใจ โดยควรเริ่มจากการสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนก่อน ควรสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองไม่เครียด เพื่อนักเรียนเกิดความพร้อมในการเรียนรู้ จากนั้นจับกลุ่มนักเรียนด้วยวิธีการที่ทำให้นักเรียนเกิดความสนุกสนาน มีความสุข และเกิดความสนใจในเรื่องที่จะเรียน สำหรับวิธีการจับกลุ่มสามารถกระทำได้โดยวิธีที่หลากหลาย เช่น การใช้เกม ใช้เนื้อเพลง ใช้เนื้อหาที่จะเรียน จับฉลาก เป็นต้น

          ขั้นที่ 2 ขั้นกำหนดปัญหา เป็นการเลือกกำหนดปัญหาที่จะศึกษา ซึ่งต้องเริ่มจากความสนใจของนักเรียน ครูพยายามให้นักเรียนได้เลือกศึกษาปัญหาที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียน และมีแนวทางที่สามารถพิสูจน์ ทดสอบ หาคำตอบได้ ครูควรกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นในการกำหนดปัญหาด้วยวิธีการที่หลากหลายดังนี้

    v การตั้งคำถามจากเรื่องใกล้ตัว

    v ใช้การสำรวจ โดยการมอบหมายให้นักเรียนไปสำรวจในท้องถิ่น

    v ใช้การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในห้องเรียนและนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงที่   
        หลากหลาย

    v การสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้เกิดปัญหาและความสงสัยกับตัวผู้เรียน เช่น การจัดสภาพห้องเรียน สื่อ ป้าย
        นิเทศ เป็นต้น

        ขั้นเลือกหรือกำหนดปัญหานี้เป็นขั้นที่ครูต้องใช้ความพยายามในการกระตุ้นนักเรียน แม้ปัญหาที่นักเรียนร่วมกันกำหนดจะมีความหลายหลาย ครูต้องพยายามตะล่อมให้นักเรียนเลือกปัญหาที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ที่วิเคราะห์ไว้

          ขั้นที่ 3 ขั้นวางแผน  เป็นขั้นที่ครูให้นักเรียนร่วมกันเขียนโครงร่างของโครงงาน โดยผู้สอนใช้การสนทนาประกอบที่แสดงขั้นตอนของโครงงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในภาพรวมของโครงงานแต่ละขั้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเริ่มทีละขั้นตอนดังนี้

           3.1 การกำหนดปัญหา แต่ละกลุ่มเขียนปัญหาหรือความสำคัญของปัญหาให้ชัดเจนถึง 1) สาเหตุของปัญหา    
                2) ความสำคัญของปัญหา 3) แนวทางการแก้ไข

           3.2 การตั้งสมมติฐาน เป็นการหาแนวโน้มและคาดคะเนคำตอบไว้ล่วงหน้า เป็นการกระตุ้นนักเรียนให้ต้องการทราบถึงผลลัพธ์ที่ได้ว่าตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่

           3.3 วางแผนการรวบรวมข้อมูล เป็นการวางแผน กำหนดหน้าที่ของสมาชิกในการศึกษาข้อมูล ความรู้ และกำหนดวิธีการศึกษาที่หลากหลายเพื่อเป็นหนทางสู่คำตอบ เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การทดลอง การค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต การศึกษานอกสถานที่ เป็นต้น โดยนักเรียนควรเลือกตามความถนัดหรือความเหมาะสม
          3.4 วางแผนการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการนำข้อมูลที่ได้มาจัดเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ และทำการวิเคราะห์ โดยข้อมูลจากการวิเคราะห์อาจทำเป็นคำอธิบาย ตัวเลข ตารางเปรียบเทียบ ค่าสถิติ เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

           3.5 วางแผนการนำเสนอข้องมูล โดยครูอาจนำรูปเล่มและแผงโครงงานได้ศึกษาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจวิธีการนำเสนอและนำเสนอได้อย่างถูกต้อง

          ขั้นที่ 4 ขั้นลงมือปฏิบัติ  เป็นขั้นที่มีความสำคัญมาก คือการดำเนินการ หรือลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ในขั้นที่ 3 ครูต้องใช้การเสริมแรงและสนับสนุนให้นักเรียนเลือกวิธีการตามที่นักเรียนต้องการ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการนำข้อมูลมาจัดหมวดหมู่ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ 

          ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปและนำเสนอ  เป็นการให้นักเรียนสรุปข้อมูลจากการวิเคราะห์ และสังเคราะห์เป็นผลงาน นำเสนอข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูล โดยนักเรียนสามารถนำเสนอในส่วนที่เป็นกระบวนการ วิธีการ ขั้นตอนและผลลัพธ์หรือผลที่ได้จากการศึกษา ครูควรให้คำแนะนำ กระตุ้นให้เกิดการซักถามภายในชั้นเรียน และควรมีการนำเสนอผลงานต่อโรงเรียน ชุมชน เขตพื้นที่การศึกษา หรือในระดับอื่น ๆ 

            ขั้นที่ 6 การประเมินผล  เป็นการประเมินจากการปฏิบัติของนักเรียนสามารถประเมินได้เป็นสองส่วน คือ 1) ส่วนของนักเรียนที่ประเมินการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยดูที่คุณภาพเป็นเกณฑ์ ลักษณะและวิธีการที่ใช้ในการประเมินใช้การอภิปรายจากการทำงานและชิ้นงาน ซึ่งในส่วนนี้นักเรียนจะเป็นผู้มีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นพร้อมให้ค่าคะแนนตามเกณฑ์ที่ตกลงร่วมกัน และ 2) ส่วนที่ครูประเมินการทำโครงงาน ซึ่งครูจะประเมินในด้านของเนื้อหาสาระของโครงงาน กระบวนการทำงาน การนำเสนอโครงงาน โดยใช้วิธีให้คะแนนตามเกณฑ์ที่สร้างขึ้น และควรให้ผู้เรียนรับทราบเกณฑ์ดังกล่าวด้วยเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

6. การนำเสนอโครงงานโดยแผงโครงงาน

         สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย (2527 อ้างถึงใน อังคณา ตุงคะสมิต, 2559) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดแผงโครงงานวิทยาศาสตร์ต้องประกอบด้วย 3 ด้าน คือด้านกลางและด้านข้าง 2 ด้าน ด้านหน้าเปิดให้ผู้ชมสามารถชมผลงานได้สะดวก แผงโครงงานทั้ง 3 ด้าน ใช้ติดแผนภาพ แผนภูมิ หรือคำอธิบายแสดงถึงรูปแบบโครงงาน ควรมีขนาดกว้าง 220 เซนติเมตร สูง 120 เซนติเมตร โดยปีกซ้ายและขวากว้างด้านละ 50 เซนติเมตร ส่วนด้านกลางกว้าง 120 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถพับเก็บได้และสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

ารเรียนรู้โดยใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

ภาพที่ 9 ตัวอย่างแผงโครงการ (อังคณา ตุงคะสมิต, 2559)

          ทั้งนี้เป็นเพียงแนวทางในการจัดแผงโครงงานโดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ครูผู้สอนสามารถกำหนดขนาดคร่าว ๆ ได้ด้วยตนเอง เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแต่ไม่ควรจำกัดรูปแบบที่ตายตัวหรืออาจให้ผู้เรียนออกแบบขนาดของผังโครงงานได้ด้วยตนเอง เพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่

7. การนำเสนอโครงงานด้วยวาจา

         พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และคณะ (2553) กล่าวถึงการนำเสนอโครงงานหรือการพูดต่อที่ชุมชนโดยการใช้ศาสตร์วาทศาสตร์ หรือวาทศิลป์ ซึ่งได้กล่าวถึงหลักการนำเสนอและบุคลิกภาพของผู้นำเสนอไว้ดังนี้
                   1. หลักการนำเสนอ 
                   1.1 การวางแผน (Planning) ผู้นำเสนอจะต้อง 1) รอบรู้เรื่องที่จะนำเสนอ 2) รู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง 3) รู้เป้าหมายการนำเสนออย่างชัดเจน
                   1.2 การเตรียมการ (Preparation) 1) เลือกเนื้อหา 2) เรียงลำดับเนื้อหา 3) กำหนดเวลา 4) เสนอกิจกรรม 5) เตรียมสื่อประกอบการนำเสนอ 6) เขียนแผนการนำเสนอ ซึ่งประกอบด้วย จุดประสงค์ การกำหนดเนื้อหา ขั้นตอนนำเสนอการดำเนินการ 7) ซักซ้อมการนำเสนอ
                   1.3 การนำเสนอ (Presentation) 1) แนะนำตัว 2) บอกความจำเป็นที่ต้องนำเสนอ 3)
บอกหัวข้อที่นำเสนอ 4) ดำเนินการนำเสนอ 3 ขั้นตอนคือ 

                   1. ขั้นต้นควรให้ตื่นเต้นเร้าความสนใจผู้ฟัง 5-10%
                   2. ขั้นเสนอควรให้กลมกลืน 80-90%
                   3. ขั้นสรุปควรให้จับใจ 5-10%

             ภาพที่  10 โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ โครงงานอาชีพ ที่มา https://www.facebook.com/Janejira Pochai

8. บทบาทครูและนักเรียนในการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน

         ลัดดา ศิลาน้อย และอังคณา ตุงคะสมิต (2556) ได้กล่าวถึงบทบาทครูและนักเรียนในการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานในแต่ละขั้นตอนของการทำโครงงานไว้ดังนี้ 

      

ขั้นตอนการทำโครงงาน

บทบาทของนักเรียน

บทบาทของครู

1. การคิดและเลือกหัวข้อที่ต้องการศึกษา

- สัมผัสสถานการณ์ที่เป็นปัญหา

- เชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์เดิมกับสถานการณ์ใหม่

- ตระหนักถึงปัญหา

- เกิดความสนใจที่จะค้นคว้าหาคำตอบ

- จัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นักเรียนสัมผัสกับสถานการณ์ที่เป็นปัญหา

- การอภิปรายและสนทนากับนักเรียน

2. การวางแผนในการทำโครงงาน 

- กำหนดปัญหาและขอบเขตของปัญหา

- ตั้งวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า

- ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง

- ตั้งสมมติฐาน

- ออกแบบการทดลอกำหนดตัวแปรต่าง ๆ

- วางแผนการทำโครงงาน

- ให้ความคิดเห็นในเรื่องความเป็นไปได้ของโครงงาน

- ชี้แนะแหล่งข้อมูลและเอกสารเกี่ยวข้อง

- ให้ความคิดเห็นติชมความสมเหตุสมผลของสมมติฐาน

- ให้ข้อติชมแผนการทำโครงงาน

3. การลงมือทำโครงงาน

- สร้างหรือจัดหาเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล รวมทั้งแบบทดสอบคุณภาพของเครื่องมือ

- ดำเนินการทดลองหรือรวบรวมข้อมูล

- วิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมาย

- จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก

- ติดตามโครงงานของนักเรียนทุกระยะ

- ให้คำปรึกษาและให้กำลังใจนักเรียน

- ให้ข้อติชมวิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมาย

4. การบันทึกผลการปฏิบัติงาน

- สรุปข้อค้นพบ

- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อค้นพบโดยการทดลองซ้ำ

- อภิปรายผลและให้ข้อเสนอแนะ

- อภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อค้นพบ

5. การเขียนรายงาน

- เขียนรายงาน

- แนะนำและให้ข้อติชมการเขียนรายงาน

6. การนำเสนอโครงงาน

- เสนอผลงานจากการศึกษาค้นคว้าในรูปแบบต่าง ๆ

- จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้แสดงผลงาน

- ส่งผลงานนักเรียนเข้าร่วมแสดงหรือประกวด - ประเมินผลของนักเรียน

ตารางที่ 1 บทบาทครูและนักเรียนในการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน 
(ลัดดา ศิลาน้อย และอังคณา ตุงคะสมิต, 2556)

9. การประประเมินผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน

         บุญเลี้ยง ทุมทอง (2548) กล่าวถึงการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้โครงงาน โดยใช้การประเมินผลตามสภาพจริง ดังนี้

        1. ประเมินผลในขณะผู้เรียนแสวงหาความรู้
        2. ประเมินผลการใช้ภาษาในการถาม – ตอบของผู้เรียน ในทุกขั้นตอนของการเรียน โดยยึดหลักที่ว่า “ยิ่งพูด ยิ่งอธิบายมาก ยิ่งถามมาก ยิ่งสงสัยมากก็ยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น”
        3. ประเมินผลจากการทดสอบที่กำหนด 2 ช่วงคือ กลางภาค และปลายภาค

        อังคณา ตุงคะสมิต (2559) กล่าวถึงการประเมินโครงงานที่ใช้เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนสามารถประเมินได้ 2 ส่วนคือ 1) ส่วนของนักเรียนที่ปะเมินตนเอง และ 2) ส่วนที่ครูใช้ประเมินคุณภาพของโครงงาน การทำงานของนักเรียน ประเมินความก้าวหน้าในระหว่างการทำงานและเมื่อโครงงานสิ้นสุด โดยมีข้อคำนึงในการประเมิน ดังนี้

        1. ต้องให้นักเรียนเป็นผู้ประเมินหลัก
        2. อาจใช้การอภิปรายเป็นกระบวนการประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน
        3. อาจให้นักเรียนเขียนแสดงความรู้สึกต่อผลงานของตนเองหรือที่เรียกว่า Reaction sheet

10. ประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน

         ลัดดา ศิลาน้อย และอังคณา ตุงคะสมิต (2556) ได้กล่าวถึงคุณค่าของการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานต่อการเรียนรู้ของนักเรียนไว้ดังนี้

 1. การเรียนรู้มิได้เกิดจากการสอนของครูอย่างเดียว แต่เกิดจากตัวของนักเรียนเอง

 2. นักเรียนได้เรียนรู้จากการเชื่อมโยงความรู้เดิมกับประสบการณ์ใหม่

 3. การเรียนอย่างต่อเนื่องจากการทำโครงงาน ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากรูปธรรมเป็นนามธรรมได้

 4. การเรียนรู้เกิดจากการลงมือปฏิบัติของนักเรียนเอง โดยผ่านขั้นตอนการทำงานที่เป็นกระบวนการซึ่งจะช่วยสร้าง    
    ความเชื่อมมั่นให้กับตนเอง

 5. เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ เพราะการทำงานของนักเรียนต้องมีการติชม วิพากษ์วิจารณ์ และให้ข้อมูล
     ย้อนกลับเพื่อการปรับปรุงแก้ไขที่ดีขึ้น

 6. ความคาดหวังของนักเรียนที่มีต่อผลงาน เพราะในกระบวนการของการทำโครงงาน นักเรียนจะต้องมีการ
    วางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์

 7. นักเรียนได้พัฒนาความสามารถที่มองสะท้อนตัวเองได้ (Self-reflection) โดยฝึกการติดตามความคิด ตรวจสอบ
     ความคิด ติดตามงานและฝึกแก้ปัญหาจากผลของการติดตามงานนั้น ๆ

เอกสารอ้างอิง

ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ 
          (พิมพ์ครั้งที่ 21). โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2548). แนวการออกแบบการจัดการเรียนรู้โครงงานคณิตศาสตร์.ในประมวลองค์ความรู้และ
          งานวิจัยหลักสูตรและการเรียนรู้. ฉันทนา กล่อมจิต

ลัดดา ศิลาน้อย และพรชนิตว์ ลีนาราช. (บรรณาธิการ). ขอนแก่น: คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ปราชญ์ รัตนานันท์ (2553). คิดโครงงานสังคมศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เป็นภาษาและศิลปะ.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และคณะ. (2553). การสอนคิดด้วยโครงงาน การเรียนการสอน
          แบบบูรณาการ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ลัดดา ศิลาน้อย และอังคณา ตุงคะสมิต. (2556). ยกระดับครูสังคมศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน
          (
ASEAN Community) ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่21.ขอนแก่น: สาขาวิชาสังคม
          ศึกษา
 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วัฒนา มังคสมัน. (2551). การสอนแบบโครงการ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง
        จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อังคณา ตุงคะสมิต. (2559). สังคมศึกษาในโลกอาเซียน Social studies in ASEAN 
        Community. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

พิพัฒน์ คุณวงค์.(2561).การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based Learning).สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2564.จาก http://pipatkhunwong2.blogspot.com/2018/02/project-based-learning.html

การเรียนรู้โดยการใช้ Project Based Learning มีลักษณะอย่างไร

การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานเป็นฐาน เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้ ผู้เรียนได้เชื่อมโยงประสบการณ์จากชีวิตจริงสู่การเรียนรู้ค้นหาคาตอบด้วยการลงมือ ค้นคว้า ปฏิบัติจริง หลายคนอาจจะคุ้นกับการเรียนการสอนโครงงานวิทยาศาสตร์ในห้องเรียน แต่ PBL ไม่ใช่การ ทดลองในห้องปฏิบัติการ PBL เน้นประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้ ...

การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning PBL) มีลักษณะอย่างไร

Project-based Learning (PBL) หรือการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งให้ ผู้เรียนได้เชื่อมโยงเหตุการณ์จาก ชีวิตจริงสู่การเรียนรู้ ค้นหาคำตอบด้วยการคิด ค้นคว้า ปฏิบัติจริง อย่างเป็น ระบบ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ตรง ได้เรียนรู้จากการค้นคว้า สำรวจ ทดลอง แก้ปัญหา ...

Project Base Learning สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ใด

การเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem based Learning หรือ PBL) เป็นรูป แบบการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นตามแนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรู้แบบสร้างสรรคนิยม (Constructivism) โดย ให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่จากการใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นบริบทของการเรียนรู้ เป็นการค้นคว้าด้วยตนเองโดยให้นักเรียนช่วยกันคิดแก้ปัญหา ผู้ ...

Problem Based Learning มีลักษณะอย่างไร

รูปแบบของการจัดการเรียนรู้แบบการใช้ปัญหาเป็นฐาน หรือ PBL มีลักษณะสาคัญดังนี้ 1. ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้อย่างแท้จริง (student-centered learning) 2. จัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย ๆ ให้มีจานวนกลุ่มละประมาณ 5–8 คน 3. ผู้สอนทาหน้าที่เป็นผู้อานวยความสะดวก (facilitator) หรือผู้ให้คาแนะนา (guide) 4. ใช้ปัญหาเป็นตัว ...