หลังกินข้าวแล้วเกิดอาการท้องอืด จุดเสียด แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อยทุกที ทรมานจนหลายครั้งต้องพึ่งยาช่วยย่อยอาหาร ยาลดกรด แม้อาการจะดีขึ้นและหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา หรือไม่หาสาเหตุอาจกลายเป็นภาวะอาหารไม่ย่อยเรื้อรัง ก่อให้เกิดโรคและการเจ็บป่วยในระบบทางเดินอาหารที่รุนแรงได้ Show อาหารไม่ย่อยอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia) เป็นอาการไม่สบายท้องบริเวณยอดอกหรือใต้ลิ้นปี ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ช่วงระหว่างหรือหลังกินอาหาร ทำให้เกิดอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง มีอาการหลายอย่างร่วมกัน พบได้เกือบทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่จะพบได้มากกว่าในเด็ก ส่วนโอกาสการเกิดอาการมีใกล้เคียงกันทั้งในผู้ชายและผู้หญิง บางคนเป็นครั้งคราว บางคนอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ต้นเหตุ...ภาวะอาหารไม่ย่อยบ่อยครั้งที่ไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่า สาเหตุของอาการอาหารไม่ย่อยมาจากอะไร แต่โดยส่วนใหญ่มักเกิดจาก
จุกเสียด แน่นท้อง อาการเด่นอาหารไม่ย่อยเมื่อเกิดภาวะอาหารไม่ย่อยจะทำให้มีอาการเด่นเลย คือ จุดเสียด แน่นท้อง ไม่สบายท้องตรงบริเวณยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่ รวมทั้งมีอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในท้อง เรอบ่อย แสบท้อง เรอเปรี้ยว เป็นต้น โดยอาการจะเป็นเฉพาะบริเวณระดับเหนือสะดือขึ้นไป และจะไม่มีอาการปวดท้องในระดับใต้สะดือและไม่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายร่วมด้วย ทั้งนี้ อาหารไม่ย่อยที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง อาจไม่เป็นอันตรายอะไร แต่หากมีอาการอาหารไม่ย่อยมากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป หรือร่วมกับอาการเหล่านี้ เช่น อาเจียนอย่างรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด หรืออาเจียนออกมาเป็นสีดำคล้ำ น้ำหนักลดไม่มีสาเหตุ กลืนอาหารลำบาก เป็นต้น ควรรีบมาพบแพทย์ ตรวจเช็ค รักษาให้ถูกวิธีการดูแลรักษาภาวะอาหารไม่ย่อย ต้องรักษาที่ต้นเหตุตามลักษณะอาการที่เป็น โดยเบื้องต้นแพทย์จะวินิจฉัย จากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และจากการที่ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดกรด หรือยาช่วยย่อยอาหาร ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หลังจากนั้นจะดูอาการประมาณ 3-4 สัปดาห์ หากไม่ดีขึ้นหรือมีอาการมากขึ้น ก็อาจมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติมตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจเลือด หรือการตรวจลมหายใจหาการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร และการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษที่มีกล้อง (Endoscope) ติดอยู่ตรงส่วนปลายท่อ สอดเข้าไปทางปากของผู้ป่วย แล้วตรวจดูอวัยวะภายในเพื่อหาความผิดปกติผ่านภาพจากกล้อง อย่างไรก็ตาม อาหารไม่ย่อยควรป้องกันที่สาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการรับประทาน เช่น เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง มีรสเผ็ด หรืออาหารสำเร็จรูป กินอาหารให้ตรงเวลาและกินพอดีไม่เยอะจนเกินไป พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีบริหารจัดการรับมือกับความเครียด หาวิธีผ่อนคลาย ก็จะช่วยให้ห่างไกลอาการอาหารไม่ย่อยได้ จุกเสียด แน่นท้อง อาการยอดฮิตที่เชื่อได้ว่าหลายๆ คนคงมีโอกาสได้สัมผัส และบางคนคงถึงขั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี อาการที่ดูธรรมดาแบบนี้ แต่เมื่อมาทักทายทีไร กลับรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมากทีเดียว ยิ่งในบางรายที่มีอาการเรื้อรังมานาน เป็นๆ หายๆ ทานยาเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น จนพาลให้เบื่ออาหารไม่อยากจะกินอะไร สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรมองข้าม ชวนรู้จักระบบทางเดินอาหารระบบทางเดินอาหาร คือส่วนประกอบของร่างกายที่ไล่ตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไปจนถึงทวารหนัก เป็นหนึ่งระบบในร่างกายที่มีการทำงานร่วมกันอย่างสมานสามัคคี คอยย่อยอาหารทุกสิ่งอย่างที่เราทานเข้าไปให้กลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กพอที่จะสามารถดูดซึมได้ผ่านหลอดเลือด ส่วนกากใยที่เหลือก็จะถูกส่งต่อไปยังระบบขับถ่ายตามลำดับ การทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบแบบนี้ ทำให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหารแทบทั้งระบบ โรคระบบทางเดินอาหาร ยอดฮิต
มะเร็งร้าย... ต้องระวังมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ประกอบไปด้วย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงมะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งถุงน้ำดี โดยอาการเบื้องต้นจะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เป็น แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายคลึงกับโรคกระเพาะอาหาร และโรคลำไส้แปรปรวน ทำให้ผู้ป่วยมักละเลยอาการเตือนเหล่านี้ ดังนั้นวิธีที่จะรู้ทันเจ้ามะเร็งได้ดีที่สุดก็คือการตรวจสุขภาพเป็นประจำ รู้เท่าทันได้ ง่ายนิดเดียวการตรวจคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร สามารถทำได้โดยการส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร ซึ่งมีทั้งการส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น และการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ร่วมกับการตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งทางเดินอาหาร (CEA) ซึ่งจะช่วยให้สามารถทราบความเสี่ยงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก |