BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือขนาดความสามารถการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็น = 12000 BTU Show
เราควรเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้พอเหมาะกับห้อง หาก BTU สูงไป คอมเพรสเซอร์จะตัดบ่อย ความชื้นในห้องสูง ทำให้ไม่สบายตัว ราคาแพง และสิ้นเปลืองพลังงาน หาก BTU ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนัก ต้องทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ สิ้นเปลืองพลังงาน และอายุการใช้งานแอร์ลดลง ตารางการเปรียบเทียบการเลือกขนาด BTU กับพื้นที่ห้องบีทียูขนาดห้อง (ตารางเมตร)ห้องปกติห้องที่โดนแดด900012-14 11-13 1200016-20 14-18 1800020-28 21-27 2100028-35 25-32 2400032-40 28-35 2600035-44 30-39 3000040-50 35-45 48-60 42-54 4000056-65 52-60 4800064-80 56-72 6000080-1000 70-90 ** เป็นการเปรียบเทียบโดยประมาณ ทั้งนี้ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นเพิ่มเติม ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกขนาดบีทียูแอร์1. จำนวนและขนาดของหน้าต่าง 2. ทิศที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง 3. วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่ 4. จำนวนคนทีใช้งานในห้อง 5. จำนวน และประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆภายในห้อง เช่นคอมพิวเตอร์ หรือไดร์เป่าผม ที่ทำให้เกิดความร้อนภายในห้อง วิธีการคำนวณหาค่า BTUBTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าตัวแปรค่าตัวแปร 700-800 สำหรับห้องนอน หรือห้องที่มีความร้อนน้อย (ห้องที่ไม่โดนแดดหรือโดนเล็กน้อย ฝ้าต่ำ หรือห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางคืน) 800-900 สำหรับห้องรับแขก หรือห้องที่มีความร้อนปานกลาง – มาก (ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน) 900-1000 สำหรับห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย หรือห้องที่มีความร้อนมาก หรือฝ้าสูง(ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก อยู่ชั้นบนสุด หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน) 1000-1200 สำหรับร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดปิดประตูบ่อย ร้านทำผม หรือสำนักงานที่มีคนอยู่จำนวนมาก หากฝ้าเพดานสูงกว่า 2.5 เมตร มีจำนวนคนในห้องมาก หรือมีคอมพิวเตอร์ ควรบวกค่า BTU เพิ่มขึ้นอีก 5% จากค่าปกติ BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit คือขนาดความสามารถการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็น = 12000 BTU เราควรเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้พอเหมาะกับห้อง หาก BTU สูงไป คอมเพรสเซอร์จะตัดบ่อย ความชื้นในห้องสูง ทำให้ไม่สบายตัว ราคาแพง และสิ้นเปลืองพลังงาน หาก BTU ต่ำไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนัก ต้องทำงานตลอดเวลา เพราะความเย็นไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ สิ้นเปลืองพลังงาน และอายุการใช้งานแอร์ลดลง ตารางการเปรียบเทียบการเลือกขนาด BTU กับพื้นที่ห้องบีทียูขนาดห้อง (ตารางเมตร)ห้องปกติห้องที่โดนแดด900012-14 11-13 1200016-20 14-18 1800020-28 21-27 2100028-35 25-32 2400032-40 28-35 2600035-44 30-39 40-50 35-45 3600048-60 42-54 4000056-65 52-60 4800064-80 56-72 6000080-1000 70-90 ** เป็นการเปรียบเทียบโดยประมาณ ทั้งนี้ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นเพิ่มเติม ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกขนาดบีทียูแอร์1. จำนวนและขนาดของหน้าต่าง 2. ทิศที่แดดส่องหรือทิศที่ตั้งของห้อง 3. วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่ 4. จำนวนคนทีใช้งานในห้อง 5. จำนวน และประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆภายในห้อง เช่นคอมพิวเตอร์ หรือไดร์เป่าผม ที่ทำให้เกิดความร้อนภายในห้อง วิธีการคำนวณหาค่า BTUBTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าตัวแปรค่าตัวแปร 700-800 สำหรับห้องนอน หรือห้องที่มีความร้อนน้อย (ห้องที่ไม่โดนแดดหรือโดนเล็กน้อย ฝ้าต่ำ หรือห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางคืน) 800-900 สำหรับห้องรับแขก หรือห้องที่มีความร้อนปานกลาง – มาก (ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน) 900-1000 สำหรับห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย หรือห้องที่มีความร้อนมาก หรือฝ้าสูง(ห้องที่โดนแดด อยู่ทิศตะวันตก อยู่ชั้นบนสุด หรือใช้แอร์ช่วงกลางวัน) 1000-1200 สำหรับร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดปิดประตูบ่อย ร้านทำผม หรือสำนักงานที่มีคนอยู่จำนวนมาก หากฝ้าเพดานสูงกว่า 2.5 เมตร มีจำนวนคนในห้องมาก หรือมีคอมพิวเตอร์ ควรบวกค่า BTU เพิ่มขึ้นอีก 5% จากค่าปกติ นอกเหนือจากขนาดห้องต่างๆที่ยกตัวอย่างในข้างต้น คุณเองก็สามารถคำนวนขนาดแอร์ BTU ได้ด้วยตัวเองได้ด้วยวิธีง่ายๆดังต่อไปนี้ พื้นที่ห้อง(ตร.ม.) x ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อน =? ผลลัพธ์ได้เท่าไหร่ นั่นคือขนาดBTU ของแอร์ที่ควรเลือกซื้อนั่นเอง ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อนมีค่าเท่าไหร่? ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อนมีค่าดังต่อไปนี้
ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อนสำหรับห้องที่ไม่ค่อยโดนแดดจะมีค่าเท่ากับ 700
ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อนสำหรับห้องที่โดนแดดปานกลางจะมีค่าเท่ากับ 800
ตัวแปรที่ทำให้เกิดความร้อนสำหรับห้องที่โดนแดดปานกลางจะมีค่าเท่ากับ 1,000 หลังจากการเลือกเครื่องปรับอากาศได้ตามขนาดBTUที่เหมาะสมกับห้องต่างๆที่ต้องการจะติดตั้งไม่ว่าจะเป็นห้องนอน หรือห้องทำงานคุณผู้ใช้ทุกคนก็อย่าลืมดูแลบำรุงรักษาแอร์ที่ซื้อมาเพื่อการใช้งานที่ยั่งยืนอยู่เสมอ เรามาลองดูวิธีการดูแลรักษาแอร์ด้วยตัวเองง่ายๆไม่ต้องจ้างช่างกันดีกว่า
หลังจากการดูแลบำรุงรักษาด้วยตัวเองแล้วอาจยังไม่พอควรล้างทำความสะอาดแอร์โดยช่างผู้ชำนาญการด้วยทุก4-6 เดือน มาถึงตรงนี้เราก็ได้เรียนรู้วิธีการเลือกขนาดแอร์ว่าควรใช้กี่BTUจึงเหมาะกับขนาดห้องเท่าไหร่และยังได้เรียนรู้ถึงการดูแลรักษาแอร์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้เรามาลองดูชนิดของแอร์ในลักษณะต่างๆกันดีกว่า
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องการซื้อแอร์นอกเหนือจากขนาดBTU
การจะซื้อแอร์ดีดีสักเครื่องนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆก่อนจะตัดสินใจซื้อควรเลือกสิ่งที่ดีและเข้ากับจุดประสงค์การใช้งานของเราให้มากที่สุดเพื่อการคุ้มค่าในการใช้จ่ายรวมถึงการใช้สอยด้วย ห้องขนาด 30 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่บีทียู✅ขนาดพื้นที่ห้อง 30 ตารางเมตร เครื่องปรับอากาศที่ควรเลือกคือ 18,000-20,000 บีทียู ✅ขนาดพื้นที่ห้อง 40 ตารางเมตร เครื่องปรับอากาศที่ควรเลือกคือ 24,000 บีทียู
ห้อง 13 ตารางเมตร ใช้แอร์กี่ BTU9-13ตรม. 9,000BTU. 12-16ตรม. 12,000BTU.
ห้องขนาด 8×4 ใช้แอร์กี่บีทียู4-8 ตรม. แอร์ควรมีขนาด 5,000 BTU. 9-13 ตรม. แอร์ควรมีขนาด 9,000 BTU. 13-17 ตรม. แอร์ควรมีขนาด 12,000 BTU. 17-21 ตรม. แอร์ควรมีขนาด 15,000 BTU.
แอร์กี่บีทียู กับขนาดห้องคำนวณ BTU แอร์ด้วยตนเองอย่างไรให้เหมาะกับขนาดของห้อง
ห้องนั่งเล่น ค่า Cooling load เท่ากับ 750-850 BTU ต่อตารางเมตร ห้องนอน ค่า Cooling load เท่ากับ 700-750 BTU ต่อตารางเมตร ห้องทำงาน ค่า Cooling load เท่ากับ 800-900 BTU ต่อตารางเมตร ห้องครัว ค่า Cooling load เท่ากับ 900-1,000 BTU ต่อตารางเมตร
|