เมื่อคิดถึงการทำงานระยะไกล หรือ Remote work เรามักจะเห็นภาพของตัวเองนั่งจิบกาแฟในร้าน Starbucks หรือนั่งทำงานที่บ้าน หรือนั่งเล่นในสวนสวยๆ มีคอมพิวเตอร์วางบนตัก ทำงานไปชมวิวไปอะไรแบบนั้น… Show
เพียงแค่คำว่า ‘ทำงานนอกบริษัท’ ก็ทำให้ยิ้มได้ละ และถ้าบอกว่า ‘ทำงานนอกบริษัทระยะไกล’ ก็คงยิ้มกันแก้มแทบปริเลยใช่ไหมล่ะ? ยาวไปอยากเลือกอ่าน
ยุคของ Remote Work ทำงานผ่านออนไลน์มีด้วยหรือระบบทำงานระยะไกล ไม่ต้องเข้าสำนักงาน, ไม่ต้องมีหัวหน้ามานั่งจ้องตลอด 8 ชั่วโมง, ไม่ต้องเดินหนีบก้มหน้าก้มตาเวลาโดนเรียกเข้าห้องหัวหน้า, ไม่ต้องตื่นตีห้าเพื่อไปถึงที่ทำงานให้ทันก่อน 8 โมง, ไม่ต้องเลิก 2 – 3 ทุ่มเพราะงานยังไม่เสร็จ, จะไปทำธุระที่ไหนเวลาไหนก็ได้ไม่ต้องขอลา, ได้เห็นหน้าลูกเมียมากขึ้น, ไม่ต้องเครียดกับพวกที่ชอบแอบนินทาลับหลังแต่เสียงดังจนได้ยิน และอื่นๆ อีกมากมาย ระบบการทำงานระยะไกล Remote work เกิดขึ้นจริงๆ แล้วและมีการใช้ระบบนี้ในบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั่วโลกด้วย แต่การทำงานออนไลน์จากระยะไกลจะเหมาะกับงานบางประเภทและบางตำแหน่งเท่านั้น และการทำงานจากระยะไกล Remote work ก็ไม่ได้สวยหรูดูสบายอย่างที่หลายคนจินตนาการ อุปสรรคของการบังคับตัวเองให้ทำงานได้ทันกำหนดและมีประสิทธิภาพมันมากมายกว่าการทำงานในสำนักงานซะอีก ถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ไหมหากต้องทำงานระยะไกล
นอกจากคุณจะต้องมีความสามารถในการควบคุมตัวเองแล้วคุณยังต้องมีความสามารถในการควบคุมหรือประสานงานร่วมกับทีมงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย และเราก็มีเทคนิคในการ ‘ทำงานออนไลน์ร่วมกัน' เมื่อ ‘ไม่ได้อยู่ร่วมกัน' (อืม…งงๆ ดีนะ…) มาฝากค่ะ เทคนิคการ ‘ทำงานร่วมกัน' เมื่อ ‘ไม่ได้อยู่ร่วมกัน'ในปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถทำงานออนไลน์ร่วมกันได้แม้ไม่ได้อยู่ร่วมกัน แต่นั่นก็หมายถึงข้อจำกัดและอุปสรรครอบข้างที่มีผลทำให้การทำงานออนไลน์ร่วมกันอาจไม่บรรลุเป้าหมายได้ดีเหมือนการทำงานในสำนักงานที่สามารถเดินไปคุยกันได้ทันทีที่ต้องการ หากบริษัทของคุณมีทีมงานที่อยู่ไกลกัน จะทำอย่างไรให้การทำงานของทีมสามารถดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่นเหมือนอยู่ในสำนักงานเดียวกัน เรามีเทคนิคมาฝากค่ะ 1. วางแผนในการสื่อสารอย่างชัดเจนและกระชับการสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญในทุกสภาพการทำงานโดยเฉพาะการทำงานออนไลน์ร่วมกันในระยะไกล เพราะคุณต้องสื่อสารผ่านเครื่องมือต่างๆ ซึ่งไม่เหมือนการพูดคุยกันแบบเผชิญหน้า การเลือกเครื่องมือในการสื่อสารจึงมีความสำคัญ และหัวข้อสนทนาหรือคำพูดต่างๆ จึงควรมีการกลั่นกรองล่วงหน้า Shifu แนะนำ เขียนโครงร่างหัวข้อสนทนาและคำถามไว้เพื่อเป็นไกด์ในการสนทนากับทีม หากมีเอกสารแนบ หรือรูปภาพ วีดีโอ หรืออื่นๆ ที่ต้องการใช้แสดงประกอบควรเตรียมไว้ให้พร้อม เพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาหรือหลงลืม ใช้ถ้อยคำและถ่ายทอดเรื่องราวอย่างชัดเจนและกระชับ 2. กำหนดวันเวลาในการนัดสนทนาทางออนไลน์ล่วงหน้าการกำหนดวันเวลาล่วงหน้าจะช่วยให้ทีมงานและผู้เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เตรียมตัวในการสนทนา เตรียมคำถาม คำตอบ เตรียมเอกสารประกอบต่างๆ เพื่อให้การสนทนาทางออนไลน์ดำเนินไปได้โดยไม่ติดขัด เหมือนการนัดประชุมในสำนักงานแหละแต่นี่เป็นการนัดประชุมผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ไม่ได้พบเจอตัว Shifu แนะนำ นัดวันเวลาในการเข้าร่วมสนทนาของทีม โดยแจ้งล่วงหน้าพร้อมส่งร่างหัวข้อการสนทนาและเอกสารประกอบเพื่อให้ทีมได้เตรียมตัว 3. ส่งรายการที่ต้องการให้ทีมดำเนินการพร้อมกำหนดเสร็จสิ้นงานการส่งรายการ To-do-list จะช่วยให้ทีมทราบว่าคุณต้องการให้เขาทำอะไร ทำอย่างไร และเสร็จเมื่อไหร่ และมีใครที่ต้องทำงานร่วมกันบ้าง เมื่อคนหนึ่งทำงานนี้เสร็จแล้วควรส่งต่อไปที่ไหน รายการที่ต้องการนี้จะช่วยให้ทีมทำงานได้ง่ายขึ้นและทันตามกำหนดที่ต้องการ และยังช่วยให้ตรวจสอบการทำงานได้ด้วยค่ะ Shifu แนะนำ ไล่ลำดับความสำคัญของการทำงานในรายการ To-do-list ก่อนหลัง เพื่อให้ทีมทำงานได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือกำหนดเวลาเสร็จสิ้นงานและระบุการส่งมอบงานควรส่งต่อไปยังที่ไหนหรือส่งให้ใคร 4. ติดตามผลเพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าระหว่างขั้นตอนการทำงานไม่ว่าจะเป็นในสำนักงานหรือทำงานออนไลน์ระยะไกลเรามักเจอปัญหาไม่มากก็น้อย แต่การทำงานออนไลน์ระยะไกลอาจมีเงื่อนไขที่ต่างออกไป การติดตามผลจึงเป็นกุญแจสำคัญอีกหนึ่งดอก คุณควรวางกำหนดระยะเวลาในการติดตามผลอย่างชัดเจน และให้ความมั่นใจกับทีมในการขอความช่วยเหลือหากมีปัญหาเกิดขึ้น Shifu แนะนำ สอบถามปัญหาก่อนถึงกำหนดการส่งงาน 1-2 วัน เพื่อติดตามผลว่าเขาติดอะไรไหม เขาต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไร หรือมีอะไรให้ช่วยบ้าง ให้หมายเลขโทรศัพท์ที่เขาสามารถติดต่อได้เมื่อมีปัญหาด่วน นอกจากเทคนิคการทำงานออนไลน์ร่วมกันในระยะไกลแล้วยังมีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำงานออนไลน์ร่วมกับทีมได้สะดวกง่ายดายและผ่อนคลายที่เราอยากแนะนำด้วยค่ะ จะเป็นเครื่องมืออะไรไปดูกันดีกว่า….. แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ Remote Teams ทำงานออนไลน์ร่วมกันง่ายและผ่อนคลายธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายแห่งต่างแข่งขันกันเพื่อดึงดูดให้พนักงานรักการทำงานกับบริษัทและไม่ย้ายไปทำงานที่อื่น โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญๆ อย่าง Creative, Developer, Programmer เป็นต้น ดูได้จากการปรับแต่งสำนักงานให้น่าอยู่ มีสีสัน มีชีวิตชีวา และมีอุปกรณ์สร้างความบันเทิง มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ มีอาหารเครื่องดื่มฟรี มีสวนสาธารณะให้นั่งเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย และยังมีระบบ Remote Teams ที่ให้พนักงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้จากทุกมุมโลก โดยทีมเหล่านี้จะทำงานออนไลน์ร่วมกันผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า Collaboration Tool ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน และ Twist app ที่ผู้เขียนจะขอยกถึงในบทความนี้ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Collaboration ที่น่าสนใจเพราะใช้งานง่ายและผ่อนคลายค่ะ Twist คืออะไรนะTwist เป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับทีมที่เชื่อว่าการทำงานเป็นมากกว่าการแชทกลุ่ม มีทั้งแบบฟรีและจ่ายค่าบริการรายเดือนต่อจำนวนผู้ใช้งาน คุณสมบัติของ Twist คือ
วิธีใช้งาน Twist เบื้องต้นที่ช่วยให้ทีมทำงานได้ง่ายขึ้นหลังจากได้ทดลองใช้แอปนี้บน Desktop แล้วอยากบอกว่าการใช้งานง่ายมากเพราะเขาจัดฟังก์ชั่นไว้อย่างเป็นสัดส่วน ซึ่งฟังก์ชั่นของเขาแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ Threads, Messages, Team, และ Search และในแต่ละฟังก์ชั่นก็จะมีตัวเลือกที่เกี่ยวข้องซึ่งง่ายเวลาต้องการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Inbox, Starred, Channels ที่จัดไว้ในแถบด้านข้างของหน้าจอเพื่อให้ง่ายในการจัดการกับบทสนทนาด้วยค่ะ เราไปดูกันต่อดีกว่าว่าน่าสนใจแค่ไหน….. การเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมทีมเมื่อคุณลงทะเบียนแล้วคุณสามารถเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมทีมได้ทั้งแบบส่งเป็นลิ้งค์หรืออีเมล์ โดยคลิ๊ก Team ที่เมนูบาร์แล้วคลิ๊ก Invite people Invite peopleหน้าต่างสำหรับตัวเลือกนี้จะปรากฏขึ้นโดยมีตัวเลือกให้หลากหลาย เช่น Email Addresses, Add to Channel, Get invite link, และแถบด้านขวาจะมี Drop down menu เพื่อตั้งข้อจำกัดในการใช้งานโดยมีให้เลือก 3 ตำแหน่งคือ
การสร้าง Threads บทสนทนาและการใช้งานตัวเลือกต่างๆ ใน Threadsคุณสามารถสร้าง Channels เพิ่มได้หรือจะปรับเปลี่ยนแก้ไขภายหลังก็ได้ โดยเลือก Threads ที่แถบเมนูด้านบน ฟังก์ชั่นนี้จะมี Inbox, Starred, Channels ที่ช่วยให้การจัดการบทสนทนาเป็นหมวดหมู่ง่ายต่อการติดตามและค้นหา คุณสามารถสร้าง Thread ใน Inbox และสร้าง Channels ขึ้นมาใหม่ด้วยการคลิ๊กที่เครื่องหมาย + หรือคลิ๊กที่ + Add Channel Add channelหน้าต่าง popup จะปรากฏขึ้นโดยมีตัวเลือกให้คุณใช้ เช่น Join หรือสร้าง New Channel หากต้องการสร้าง Channel ใหม่ให้เลือก New Channel New channelเมื่อเลือก New Channel แล้วจะปรากฏหน้าต่าง Create a new channel ซึ่งคุณสามารถตั้งชื่อ Channel, ตั้ง Privacy เป็น Public (ทุกคนในทีมสามารถค้นหาหรือเข้าร่วม Channel นั้นได้) หรือตั้งเป็น Private (สามารถเข้าร่วม Channel นั้นได้เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญ), และตัวเลือกสุดท้ายคือ Add members ซึ่งสามารถเลือกสมาชิกได้จากรายชื่อที่ปรากฏ Create new channelนอกจากนี้ยังสามารถใส่ Star สำหรับ Threads ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการติดตามและค้นหาด้วย โดย Threads นี้จะถูกคัดลอกเก็บไว้ในห้อง Starred ที่แถบเมนูด้านข้าง Starredเมื่อคุณต้องการแนบข้อความอีเมล์ไว้ใน Threads ก็เพียงคลิ๊กที่จุด 3 จุดตรงมุมบนขวามือ จะมี options ปรากฏให้เลือก เช่น Mark as unread, Star thread, Get thread email, Copy thread link, และ Add integration เลือกคำสั่ง Get thread email เพื่อสร้าง Email address สำหรับ Thread นี้ แล้วนำไปใส่ในอีเมล์ที่คุณต้องการจะส่งมาแนบไว้ใน Thread ก็จะได้เนื้อหาทั้งหมดของอีเมล์นั้นมาแนบไว้ ตัวอย่างด้านล่างคือเนื้อหาอีเมล์ที่ถูกคัดลอกมาแนบไว้ ในที่นี้เราใส่ Thread email ที่ได้เป็นเนื้อหาเพื่อให้คุณได้เห็นที่อยู่อีเมล์ของเทรนด์ที่นำไปใช้ มันจะเป็นที่อยู่แบบยาวๆ อย่างที่เห็นในภาพด้านล่างค่ะ Get thread emailกรณีต้องการคัดลอกบทสนทนา Thread นั้นๆ ไปใส่ใน Thread อื่น หรือเพื่อนำไปแปะในที่ที่ต้องการส่ง ให้เลือกคำสั่ง Copy thread link มันจะคัดลอกลิ้งก์ของ Thread นั้นอัตโนมัติโดยไม่ต้องไปไฮไลท์ที่ช่อง address ด้านบนแล้วคัดลอกให้ยุ่งยาก เมื่อนำไปวางในตำแหน่งที่ต้องการแปะโดย Paste ไว้ในช่อง Add a comment แล้วจะได้ตามภาพด้านล่างค่ะ Copy thread linkและเขายังมีตัวเลือกสำหรับ Comment นั้นๆ ให้อีกเช่น Edit comment, Add to Todoist, Copy comment link, และ Delete คุณสามารถแนบไฟล์หรือเปลี่ยน Format Text ในคอมเม้นท์ได้ด้วยค่ะ สำหรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ก็เพียงเลือกคำสั่ง Add integrations ซึ่งเป็นตัวเลือกสุดท้ายของชุด Thread options (ตามภาพด้านบน) Integrations ที่เขาเปิดบริการแล้ว เช่น appear.in, Auto-reports, Bindle, CircleCI, GeoJS, Giphy, Github, Gitlab, Integromat, Team Check-in, Todoist, และ Zapier ซึ่งเขากำลังเพิ่ม Integrations ให้มากขึ้นค่ะ การใช้ Messages เมื่อต้องการส่งข้อความเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มย่อยคุณสามารถส่งข้อความเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มย่อยได้ง่ายๆ ด้วยฟังก์ชั่น Messages ซึ่งใช้เหมือนการส่งข้อความทั่วไป เพียงแต่เขามีตัวเลือกให้ใช้งานได้มากกว่า เช่น Mark as unread, Edit conversation title, Mute conversation, Manage participants, Get conversation email, และ Archive หากต้องการส่งเนื้อหาจากอีเมล์มาแนบไว้ใน Messages ก็เพียงเลือก Get conversation email ก็จะได้อีเมล์แอดเดรสที่ใช้สำหรับการส่งเหมือนใน Threads ตัวอย่างตามภาพด้านล่างค่ะ Get conversation emailการค้นหาด้วยเงื่อนไขที่กำหนดให้แคบลงในฟังก์ชั่น Search คุณสามารถใส่ Threads ที่ต้องการค้นหาและตั้งเงื่อนไขให้การค้นหานั้นแคบลงซึ่งจะช่วยให้ค้นหาได้เร็วขึ้นในกรณีที่มีบทสนทนามาก ตัวอย่างในภาพเมื่อคลิ๊กที่ Filter จะปรากฏหน้าต่าง Dropdown ที่มีตัวเลือกเพิ่มเติมให้คุณตั้งค่า เช่น Search In (All threads and messages, Threads only, Messages only), From, To, With Subject, In Channel, In Message, Before, After, Clear filters และ Search ตัวอย่างตามภาพด้านล่างค่ะ Filter searchคุณสามารถใส่คำหลัก, หัวข้อเทรนด์, หรือคำเฉพาะที่ต้องการค้นหาก็ได้ แล้วตั้งค่าการค้นหาให้แคบลงหรือหากข้อมูลยังไม่มากอาจไม่ต้องตั้งค่าก็ได้ค่ะ เมื่อคลิ๊ก Search แล้วมันจะแสดงผลพร้อมไฮไลท์คำที่ค้นหาตามตัวอย่างด้านล่าง Searchกรณีคำที่ค้นหาเป็นภาษาไทยก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงไม่มีไฮไลท์อย่างในภาษาอังกฤษ แนะนำว่าหัวข้อเทรนด์ควรตั้งเป็นภาษาอังกฤษเพื่อง่ายในการค้นหาค่ะ การตั้งค่าเวลาปิดการแจ้งเตือนและวันหยุดงานฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลกับเสียงเตือนเมื่อมีการสนทนา คุณสามารถตั้งให้แจ้งเตือนเมื่อคุณกลับมาทำงาน หรือตั้งให้เตือนตามกำหนดเวลาที่สะดวกได้เพียงคลิ๊กที่ไอคอนรูปกระดิ่งบนแถบคำสั่งด้านบนขวามือ จะเห็นรายการคำสั่งที่มีให้เลือกตั้งค่า เช่น 30 นาที, 1 ชั่วโมง, 2 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 8 ชั่วโมง หรือจะตั้งกำหนดเวลาตามต้องการ หรือหากต้องการตัวเลือกมากกว่านี้ก็สามารถเข้าไปตั้งใน Your notification settings Snooze notificationเมื่อเลือก Your notification settings แล้วจะปรากฎหน้าต่างแสดงการตั้งค่า My notifications ที่สามารถตั้งรายละเอียดได้มากขึ้นทั้งบน Desktop, Mobile, และ Email เช่น
คุณสามารถเข้าไปยัง My notifications ได้ใน Account > Your settings ด้วยค่ะ นอกจากนี้แล้วยังสามารถตั้งวันหยุดพักผ่อนเพื่อแจ้งให้คนอื่นทราบว่าคุณไม่ได้ออนไลน์ โดยเลือกคำสั่ง Time off แล้วเลือกวันในปฏิทินและเหตุผลในการหยุดงาน (Away For) เช่น Vacation, Sick leave, Parental leave, หรือ Other reason Time offเท่าที่ได้ทดลองใช้งานแล้วรู้สึกว่าแอปพลิเคชั่นนี้ค่อนข้างใช้ง่ายและตรงไปตรงมาเพราะเขาจัดหมวดหมู่ของชุดคำสั่งไว้ในที่เดียวกันทำให้ง่ายในการค้นหาและใช้งาน จากรีวิวของคนที่ใช้ Slack หรือแอปพลิเคชั่นสาย Group Chat บอกว่าพวกเขาเปลี่ยนมาใช้ Twist app เพราะง่ายกว่าในการหาคำสั่งหรือตัวเลือกและรู้สึกผ่อนคลายกว่าเมื่อติดตามบทสนทนาเฉพาะเรื่อง เพราะเขาไม่ต้องอ่านการสนทนาทั้งหมดที่บางอย่างก็ไม่เกี่ยวกับเขา สำหรับธุรกิจที่ยังมีข้อมูลไม่มากอาจไม่เห็นความต่างแบบชัดเจน แต่สำหรับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่มีทีมหลากหลายที่ทำงานรีโมทอาจเห็นความแตกต่างในส่วนนี้ค่ะ แล้วจะใช้ Twist อย่างไรให้ทำงานออนไลน์ร่วมกันง่ายและผ่อนคลายมากขึ้นเรามีเทคนิคมาแนะนำค่ะ เลื่อนลงไปต่อเลย….. ใช้ Twist อย่างไรให้ทำงานออนไลน์ร่วมกันง่ายและผ่อนคลายมากขี้น
ลองชมวีดีโอแนะนำการใช้เครื่องมือของเขาด้านล่างนี้ค่ะ [youtube https://www.youtube.com/watch?v=LRUpSYm9Db4]
สรุปในยุคนี้ การทำงานแบบ Remote นับเป็นเรื่องปกติและมีแนวโน้มจะทวีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ เราได้เห็นตัวอย่างการใช้งานเครื่องมือแบบ Collaboration Tool ในยุคนี้ รวมถึงเทคนิค 4 ข้อของการทำงานร่วมกันเมื่อไม่ได้อยู่ร่วมกันไปแล้ว น่าจะได้เห็นไอเดียดีๆ ของการทำงานออนไลน์ร่วมกันในปัจจุบันนี้ ตาคุณแล้วแอปตัวอย่างอย่าง Twist ในบทความนี้ หรือ Slack ที่ถูกพูดถึงในบทความก่อนหน้า จะเหมาะสมกับคุณและทีมงานหรือไม่ คงต้องทดลองใช้แล้วหาข้อดีและข้อเสียดูค่ะ หวังว่าเครื่องมือและบทความจะเป็นประโยชน์กับคุณบ้างนะคะ หากใครมีเทคนิคส่วนตัวอะไร หรือกำลังใช้อะไรอยู่ สามารถเล่าสู่กันฟังใน Content Shifu ได้เลยค่ะ การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ หมายถึงอะไรการทำงานร่วมโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (อังกฤษ: computer supported cooperative work) หรือ ซีเอสซีดับเบิลยู เป็นระบบการทำงานช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานร่วมกันได้โดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ที่เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด หรือเครือข่ายเล็กๆแบบ ระบบแลน ไปจนกระทั่งเครื่องโทรศัพท์มือถือ ก็มีส่วนช่วยในการทำงานได้ ...
โปรแกรมทํางานร่วมกันแบบออนไลน์ มีอะไรบ้างแนะนำ 10 แอปช่วย “Work from Home” ในยุคโควิด-19 ทั้งการประชุมและจัดการเอกสาร. 1. Serene (เฉพาะอุปกรณ์ Mac). 2. Slack (มีให้บริการในทุกระบบทั้งในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ). 3. Zoom (มีให้บริการในทุกระบบทั้งในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ). 4. Chrome Remote Desktop (iOS, แอนดรอยด์, ระบบเสริมที่ติดตั้งใน Google Chrome). การทำงานร่วมกันมีประโยชน์อย่างไร5 ข้อดีของการทำงานทำงานเป็นทีม. ความรวดเร็วในการทำงาน ... . ความร่วมมือในการตัดสินใจ ... . ทำงานตรงกับความสามารถ ... . ความคิดสร้างสรรค์ ... . การสร้างความสัมพันธ์. ทำงานร่วมกันยังไงTeamwork อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ. 1. เข้าใจการทำงานของตนเอง และคนอื่น ... . 2. สร้างและโฟกัสเป้าหมายร่วมกัน ... . 3. สร้างทีมด้วยความสามารถหรือจุดเด่นของแต่ละคน ... . 4. ตรงไปตรงมา จริงใจต่อกัน ให้การสนับสนุนกัน ... . 5. เพิ่มความสนิทสนม สานสัมพันธ์ ... . 6. เป็นผู้นำที่ดี และเป็นผู้ตามที่มีวินัย. |