ความหมายของการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผน เพื่อที่จะได้ลงมือกระทำตามที่ต้องการและการรู้จักเลือกวัสดุ วิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบ และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดตามความคิดสร้างสรรค์ สำหรับการออกแบบอีกความหมายหนึ่งที่ให้ไว้ หมายถึงการปรับปรุงรูปแบบผลงานที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งต่าง ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม ให้มีความแปลกความใหม่เพิ่มขึ้น การออกแบบ คือ การวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ
โดยวางแผนจัดส่วนประกอบของการออกแบบ ให้สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอยวัสดุ และการผลิตของสิ่งที่ต้องการออกแบบนั้น การออกแบบ เป็นกิจกรรมอันสำคัญประการหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่มีอยู่ในความนึกคิด อันอาจจะเป็นโครงการหรือรูปแบบที่นักออกแบบกำหนดขึ้นด้วยการจัด ท่าทาง ถ้อยคำ เส้น สี แสง เสียง รูปแบบ และวัสดุต่าง ๆ โดยมีกฎเกณฑ์ทางความงาม องค์ประกอบการออกแบบ (Elements) ในการออกแบบแต่ละชนิดนั้น ผู้ออกแบบจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะออกแบบไปทำไม ดังนั้นจุดมุ่งหมายที่กล่าวถึงนี้จะต้องมีความสำคัญ ซึ่งพอจะสรุปอย่างกว้าง ๆ ได้ดังนี้ 1. การออกแบบเพื่อประโยชน์ ที่มา http://www.vcharkarn.com/vblog/33165/3
1. ความหมายและความสำคัญของการออกแบบ 2. พัฒนาการของการออกแบบ 3.
แนวคิดในการออกแบบ
3.2 แนวคิดจากประสบการณ์ ประสบการณ์จากการศึกษาค้นคว้า สะสมความรุ็เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ หรืองานออกแบบต่างๆ ที่รอบนั้นเชื่อมโยงกับประสบการณ์ใหม่ของตน สิ่งต่างๆ ที่เราได้พบเห็นและเรียนรู้มาล้วนได้ผ่านการออกแบบแล้วทั้งสิ้น ซึ่งนักออกแบบจะได้รับประสบการณ์ในการออกแบบสะสมกันเรื่อยมา บางอย่างก็เป็นประสบการณ์ ที่เคยเป็นผลงานในอดีตแล้วนำมาปรับปรุงใหม่ เช่น หม้อดินเผา รูปร่างลักษณะของหม้อดิน ในปัจจุบันกับอดีตอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่โครงสร้างใหญ่ๆ
ก็ยังคงคล้ายคลึงกับหม้อดินเผาในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นต้น 4. หลักในการออกแบบ 4.3.2 สมดุลโดยทั้ง 2 ด้านไม่เหมือนกัน (Asymmetrical Balance) สมดุลแบบนี้เป็นการจัดภาพให้ทั้ง 2 ด้านไม่เหมือนกัน เมื่อแบ่งเส้นแกนดิ่งกึ่งกลาง แต่ความสมดุลเกิดขึ้นได้ด้วยความรู้สึกตามที่ตาเห็น เป็นการจัดภาพที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในการใช้ทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์อย่างมาก เช่นการถ่วงน้ำหนักด้วยรูปทรง สี เส้น หรือความเด่นของลักษณะพื้นผิว เป็นต้น 4.4 ความกลมกลืน (Harmony) คือ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในด้านการประสานสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ของส่วนประกอบ หรือทัศนธาตุต่างๆ เมื่อมองดูแล้วจะทำให้ความรู้สึกที่ไม่ขัดแย้ง จึงเกิดความรู้สึกที่ดีต่องานนั้นๆ ลักษณะของความกลมกลืนมีหลายชนิด เช่น ความกลมกลืนด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี ทิศทาง ลักษณะพื้นผิว เป็นต้น
4.5.2 การเน้นด้วยพื้นผิว ในการใช้ลักษณะพื้นผิวที่มีความขัดแย้ง หรือใช้ลักษณะตัดกัน เช่น พื้นผิวที่หยาบกับละเอียด ความขรุขระกับความเรียบ ความมันแวววาวกับความด้านหรือใช้ลักษณะพื้นผิวลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่มีปริมาณมากกว่าลักษณะอื่น ซึ่งจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจ เป็นต้น
4.5.3 การเน้นด้วยสี ในการจัดภาพทางศิลปะ จำเป็นต้องนำเอาทฤษฎีมาใช้เพื่อให้งดงาม สีเป็นทัศธาุที่สำคัญที่นำมาใช้ควบคู่กันไปกับการเน้นรูปร่าง รูปทรง ขนาด และื้นผิว เช่น ใช้ความเข้มของสี การใช้สีคู่ตรงข้าม การใช้สีวรรณะเย็นหรือสีวรรณะอุ่น เป็นต้น
4.6 ความขัดแยิ้งกัน (Contrast) หมายถึง ลักษณะที่ตรงงกันข้าม ขัดกัน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่มีลักษณะซ้ำๆ ไม่น่าสนใจ แต่ทำให้มีส่วนที่ขัดแย้งกันตามความเหมาะสม จึงทำให้กลับมาน่าสนใจ อาจแสดงออกโดยใช้ความขัดแย้งด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี และทิศทางของ |