มีกิจกรรมดี ๆ แล้ว การมีสื่อและอุปกรณ์ที่สอดคล้องและส่งเสริมต่อการเล่นในแต่ละกิจกรรมก็จะยิ่งพัฒนาให้เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้นได้อีกด้วย รวมทั้งต้องไม่ลืมนึกถึง “ผู้เล่น” เป็นหลัก ทั้งในเรื่องความสมัครใจ ความสนใจ พัฒนาการตามวัย และที่สำคัญไม่แพ้ผู้เล่น นั่นก็คือ การมีส่วนร่วมของคุณพ่อคุณแม่ เพราะถึงแม้กิจกรรมจะสนุกแค่ไหน สื่ออุปกรณ์จะดีเพียงใด เด็ก ๆ จะกระตือรือร้นที่จะเล่นขนาดไหน แต่หากคุณพ่อคุณแม่เพิกเฉย ไม่สนใจ ปล่อยลูกเล่นคนเดียวอยู่เสมอ เวลาคุณภาพของครอบครัวคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน ฉะนั้น อย่าลืมแบ่งเวลามาเล่น เรียนรู้ และสนุกไปพร้อม ๆ กับลูกด้วยนะ Show แหล่งอ้างอิง : เมื่อมีการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ ครูสามารถวางแผน และกำหนดกรอบหลักสูตร พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ และตัวเลือกต่างๆเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนแก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ในงานของตนเอง หลักการที่จะช่วยให้ครูประสบความสำเร็จในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์แก่นักเรียน มีมากมาย ตัวอย่างเช่น
ครูเห็นด้วย เพราะ…… ครูอยากเสริมว่า…. ช่วยอธิบายเพิ่มอีกนิดได้ไหม… ครูอยากกลับไปที่เพื่อน…พูดเรื่อง…อีกหน่อยได้ไหม ครูสังเกตว่า…. ที่หนูกำลังพูดหมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหม…. 2. ใช้การสะท้อนด้วยภาพ การสะท้อนความคิดเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้ของนักเรียน เพื่อให้เด็กซึมซับข้อมูลได้ลึกซึ้งขึ้น มักเป็นการคิดเชิงสังเคราะห์ที่ลึกซึ้งขึ้น ดังนั้น ถ้าการสะท้อนการเรียนรู้แสดงออกเป็นภาพในชั้นเรียน เช่น คุณครูหรือนักเรียนบันทึกเป็นภาพ แบบ Visual Thinking เด็กทุกคนจะเรียนรู้ได้มากขึ้น การต่อยอดความคิดกับเพื่อนก็จะมากขึ้น 3. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ตัวอย่าง: นักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ได้รับตัวอย่างหิน ให้เขาคิดค้นการทดลองว่าหินชิ้นนั้นเป็นหินชนิดใด ตามคำจำกัดความที่พวกเขาได้เรียนมาแล้ว นักเรียนหาวิธีของตนเองในการพิจารณาความแตกต่างในด้านความแข็ง สี และรูปร่างด้วยตนเอง ตัวอย่าง: ชั้นเรียนอนุบาล คุณครูให้ออกแบบสร้างหนังสือภาพใหม่ๆทุกสัปดาห์ เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อนในชั้นเรียนหรือผู้ใหญ่ในโรงเรียน หนังสือแต่ละเล่มให้นักเรียนแต่ละคนช่วยกันวาดอย่างอิสระเต็มที่ ที่จะเขียนหรือวาดรูปที่เพื่อนๆในชั้นเรียนชอบ และพวกเขามีโอกาสรู้ได้ว่าเพื่อนๆชอบ หรือไม่ชอบอะไรบ้าง 4. จัดแผนผังที่นั่งในห้องเรียนให้ยืดหยุ่นได้ ไม่จำเป็นต้องตายตัว อาจจัดย้ายโต๊ะ เก้าอี้ ตามงานโปรเจ็คท์ ตามการเรียนรู้ที่อาจเป็นรายบุคคลเดี่ยว หรือเป็นกลุ่มแม้ดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็มีผลต่อกระบวนการคิดของเด็ก รวมถึงการตกแต่งห้องที่เปลี่ยนแปลงไปตาม Theme การเรียนรู้ เพื่อสร้างสีสัน เพื่อสื่อสารว่าในช่วงการเรียนรู้นั้นๆ ต้องการอะไร เช่น ต้องการการรวมความคิดของคนทั้งหมด ต้องการการโฟกัสที่ข้อมูลที่นำเข้าจากครู ต้องการให้เด็กให้ความสำคัญกับการกระจายคิดตามกลุ่มย่อย เพื่อสร้างบรรยากาศน่าสนใจของการเรียนที่สร้างสรรค์ 5. เติมข้อมูลนำเข้าหลายๆ แบบ ไม่ใช่ครูเป็นผู้ใข้อมูลอย่างเดียว เช่น อาจเปิดคลิปของนักคิดระดับโลก หรือสารคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องเรียน หรือภาพยนตร์ป๊อปที่ตรงประเด็น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ดูเสร็จแล้วนำประเด็นที่เด็กแต่ละคนสนใจ มาถกอภิปรายกัน 6. ใส่ใจกับบรรยากาศที่เปิดกว้าง การไม่ใช้อำนาจจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยต่อการเกิดความคิดสร้างสรรค์ ต้องทำให้นักเรียนรู้สึกว่า พวกเขาเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์การเรียนรู้กับครูและเพื่อนๆ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้อยู่ใต้อำนาจการสอนของครู ที่นั่งตรงไหนๆ ก็เป็นที่นั่งเสมอภาค ไม่มีตรงไหนที่ได้รับความสนใจหรือมีอภิสิทธิ์มากกว่าที่นั่งอื่นๆ 7. ให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมและให้รางวัล ตัวอย่าง: นักเรียนชั้นประถมปีที่ 3 เรียนรู้รูปหลายเหลี่ยม และเพื่อประเมินว่าพวกเขาเข้าใจหรือไม่ ครูพานักเรียนออกไปนอกห้อง แจกชอล์คให้ทุกคน และที่บริเวณทางเท้า ให้นักเรียนแต่ละคนวาดรูปทรงเรขาคณิต หลายๆรูปบนทางเท้านั้น เมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ครูบอกให้นักเรียนเปลี่ยนรูปทรงเรขาคณิตเหล่านั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาชอบ นักเรียนบางคนวาดรูปลูกแมว หุ่นยนต์ และมังกร โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตหลายเหลี่ยมอย่างตั้งใจ จากนั้นให้โอกาสอธิบายให้เพื่อนๆในชั้นเรียนฟังว่าทำไมพวกเขาถึงชอบและวาดรูปนั้น 8. เติมสีสันในห้องบ้าง ให้เด็กๆ จัดหาโปสเตอร์ที่ชอบมาตกแต่งห้อง อาจจะตาม Theme ของเนื้อหาที่จะเรียน หรือตามฤดูกาล หรือตามกระแสสถานการณ์ที่เด็กสนใจ เพื่อเปิดให้นักเรียนเข้าใจว่า พื้นที่ห้องเป็นของพวกเขา และสมาชิกทุกคนยอมรับการนำเสนอของกลุ่มหรือบุคคลนั้น สีสันเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างอารมณ์ที่มีพลังในการเรียนรู้ไม่น้อย หรือแม้กระทั่งในสมุดงาน การบ้าน ของนักเรียนก็ควรให้แต่งแต้มสีสันตามใจชอบ 9. อารมณ์ขันเป็นที่มาของความคิดสร้างสรรค์ชั้นเยี่ยม ในห้องคุณครูควรส่งเสริมการใช้อารมณ์ขันของเด็กๆ เรื่องตลก ภาพตลก การ์ตูนขำขัน ที่เกี่ยวข้อง ล้วนเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมให้นักเรียนหามาเติมเต็มในชั้นเรียน คุณครูต้องทำให้นักเรียนเห็นว่า การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกได้ในหลากหลายมิติ ไม่ใช่มีแต่ผิดกับถูกเท่านั้น 10. ในโลกเทคโนโลยี ซึ่งเด็กๆ มีเครื่องมือใหม่ๆ ให้ใช้ และพวกเขาในฐานะ Digital Native ก็มักจะใช้มันได้คล่องแคล่ว คุณครูควรกระตุ้นและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เช่น บันทึกผลงานของตัวเองเป็นคลิป ภาพได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบฝึกหัดเพียงอย่างเดียว 11. สอนทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับความคิดสร้างสรรค์แก่นักเรียน ตัวอย่าง: ชั้นประถมปีที่ 2 เรียนรู้เรื่องการแช่แข็ง ครูถามคำถามหนึ่งเริ่มต้นว่า “มีแต่น้ำเท่านั้นที่แข็งตัวใช่หรือไม่” จากนั้นนักเรียนจะออกแบบการทดลองเพื่อหาว่า มีอะไรอีกบ้างที่สามารถแข็งตัวได้ ข้อจำกัดคือพวกเขาใช้ได้เฉพาะสิ่งที่พวกเขามีในห้องเรียนในขณะนั้น นักเรียนคิดรายการสิ่งของต่างๆ เพื่อจะทดลองดูว่าแข็งตัวหรือไม่: น้ำ น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู กาว น้ำยาเช็ดกระจก ยาสีฟัน และกระดาษ วันรุ่งขึ้น พวกเขาสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบ สาเหตุที่ทำให้กระดาษแข็ง และน้ำส้มสายชูไม่แข็งตัวการอภิปรายของนักเรียนนี้ จะส่งเสริมทักษะต่างๆ เช่น การสนับสนุนความคิดของกันและกัน การประนีประนอม การใช้เหตุผล รวมถึงการฟังอย่างตั้งใจ 12. ขจัดข้อจำกัดในการสร้างสรรค์ของนักเรียน และให้พื้นที่แก่นักเรียน หรือช่วยสร้างโอกาสให้เขาสามารถมีความคิดสร้างสรรค์ได้ ตัวอย่าง: ชั้นประถมปีที่ 6 ผลิตละครชุดฮัลโลวีน นักเรียนต้องเขียนบทละคร โดยมีตัวละครต่างๆแล้วนำเสนอบทละคร ตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องคิดค้นว่าน้ำอัดลมขนาดยักษ์ และซูเปอร์ฮีโร่ วันเดอร์ วูแมนจะคุยโต้ตอบกันได้อย่างไร จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์เป็นคุณลักษณะที่ขับเคลื่อนสังคมในอนาคต ทั้งสองอย่างนี้ใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน และควรมีอยู่ในทุกส่วนของการเรียนรู้ ในการวางแผน และออกแบบการเรียนรู้สำหรับนักเรียน คุณครูสามารถสร้างห้องเรียนที่เป็นแหล่งเพาะความคิดสร้างสรรค์ได้ไม่ยากเลย กิจกรรมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ มีอะไรบ้างสรุป กิจกรรมความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียน มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมทางภาษา กิจกรรมการแสดงออกทางจินตนาการ การวาดรูป การเล่านิทานโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ การเล่นสีแบบต่าง ๆ งานสร้างสรรค์จากกระดาษ การประดิษฐ์ รวมทั้งการฝึกแก้ปัญหาในทางสร้างสรรค์ เป็นต้น
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คืออะไรความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เป็นกระบวนการคิดที่ให้ผลการคิดที่เป็น สิ่งแปลกใหม่ มีคุณค่า มีประโยชน์ ผลการคิดอาจออกมาในรูปของประดิษฐ์กรรมใหม่ แนวทางใน การแก้ปัญหาแบบใหม่ กระบวนการผลิตใหม่ ทางเลือกใหม่ เป็นต้น
ความคิดสร้างสรรค์ ฝึกอย่างไร5 วิธีง่าย ๆ ในการเริ่มต้นฝึกความคิดสร้างสรรค์
หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ลองออกไปท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ลองอ่านหนังสือในเรื่องที่ไม่เคยอ่าน ดูรายการทีวี/ออนไลน์ ที่ไม่เคยดู หรือทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการที่เราจะนำมาสรรค์สร้างเป็นไอเดียที่แปลกใหม่
เราสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเราได้อย่างไรการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์นั้นอาจทำได้ทั้งทางตรงโดยการสอนและฝึกอบรม และทางอ้อมก็สามารถทำได้ด้วยการจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความเป็นอิสระในการเรียนรู้อย่างเช่น การส่งเสริมให้ใช้จิตนาการตนเอง ส่งเสริมและกระตุ้นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
|