ภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน pdf

รู้หรือยัง ว่าเดี๋ยวนี้การพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ใช่ความสามารถพิเศษแล้วนะคะ แต่เป็น ‘เรื่องธรรมดา’ ที่สังคมคาดหวังว่าทุกคนต้องทำได้ ยิ่งการสื่อสารในยุคปัจจุบันไร้พรมแดนมากขึ้นเท่าไหร่ โลกก็ต้องการคนที่ ‘ครบเครื่อง’ มากขึ้นเท่านั้น จะดีกว่าไหมถ้าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ เป็นเชฟ เป็นพนักงานขาย ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีโดยไม่ต้องง้อคนอื่น! แค่ฝึกทุกวันก็เพิ่มโอกาสให้กับตัวเองได้มากขึ้นแล้ว

ประโยคภาษาอังกฤษในงานบริการ

ฝึกใช้ประโยคที่มากกว่า Yes, No, OK, Thank you ได้แล้วค่ะ! ภาษาอังกฤษในงานบริการมีประโยชน์สำหรับทุกคนมากๆ เพราะเต็มไปด้วยวลีที่สุภาพ ทำให้คนใช้ดูดีขึ้นในพริบตา เช่น แทนที่จะถามว่า ‘คุณชื่ออะไร’ ให้ใช้ ‘ขอทราบชื่อคุณหน่อยได้ไหมครับ’ เห็นมั้ยว่าเก๋ขึ้นเป็นกอง!

สำหรับพนักงาน

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

Can I have your phone number, please?

ขอทราบเบอร์โทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ

Would you like to have it here or take away?

คุณลูกค้าจะทานที่นี่ หรือรับกลับคะ

How many people today/tonight?

วันนี้คุณลูกค้ามากี่ท่านคะ

I am very sorry for your wait.

ขอโทษที่ให้รอนะคะ

How was your meal?

อาหารเป็นอย่างไรบ้างคะ

Would you like to pay by cash or card?

คุณลูกค้าจะชำระด้วยเงินสดหรือการ์ดคะ

It should take around 15 minutes.

รอประมาณ 15 นาทีนะคะ

สำหรับลูกค้า

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

Can I see the menu?

ขอดูเมนูหน่อยได้ไหมคะ

I would like to order take away.

จะสั่งกลับบ้านค่ะ

Do you have any recommended dishes?

มีเมนูแนะนำไหมคะ

A table for two, please.

ขอโต๊ะสำหรับ 2 ที่ค่ะ

I would like to order… / Can I have…

ขอสั่ง [เมนู] หน่อยค่ะ / อยากได้ [เมนู] ค่ะ

Check, please / Can I have the bill, please.

เช็คบิลค่ะ / ขอบิลหน่อยค่ะ

It was a nice treat. I really appreciate it!

ดูแลดีมากเลย ประทับใจมากค่ะ

Key Takeaways

  • Can I have ไม่ได้แปลว่า ‘ฉันสามารถมี’ แต่เป็นการขออย่างสุภาพ เช่น Can I have water? (ขอน้ำหน่อยได้ไหมคะ) หรือ Can I have it more? (ขออีกหน่อยได้ไหมคะ)
  • Please เติมได้ทั้งหลังประโยคคำถาม และประโยคบอกเล่า เพิ่มความสุภาพ แต่! อย่าใช้จนเยอะเกินไป เพราะจะกลายเป็นการประชดได้นะคะ
  • Would you like ก็เป็นวลีสำหรับถามอย่างสุภาพ ตามด้วย to+verb เช่น Would you like to have some coffee? (รับกาแฟหน่อยไหมคะ? – อันนี้ได้ยินบ่อยบนเครื่องบิน)
  • Do you have ก็เป็นประโยคที่มีประโยชน์มากๆ แปลเป็นไทยว่า ‘มีไหม’ เช่น Do you have any Croissant? (มีครัวซองต์ไหม) หรือ Do you have free Wifi (มีไวไฟฟรีไหม – ถ้าถามในร้านอาหาร หมายถึงที่ร้านน่ะมีให้ใช้ฟรีไหม ไม่ได้หมายถึงคนที่ถูกถามว่ามีไวไฟให้ฉันใช้ไหม)

ประโยคภาษาอังกฤษในการซื้อขาย

คนจะกล้าพูดก็ตอนต่อราคานี่ล่ะค่ะ! มหัศจรรย์แห่งการช้อปปิ้งคือการสื่อสารที่มากกว่าการชี้ เพราะบางทีต้องถามว่ามีสีอื่นไหม มีไซส์หรือเปล่า ซื้อเยอะลดไหม โอ้ย! สารพัดจะสรรหามาอธิบาย เอาเป็นว่าถ้าซื้อของได้ ขายของให้ชาวต่างชาติเป็น ชีวิตนี้ก็ไม่อดตายแล้วค่ะคุณขา

สำหรับพนักงาน

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

What are you looking for, Sir/Ma’am

กำลังมองหาอะไรอยู่คะคุณผู้ชาย/คุณผู้หญิง

What can I do for you?

มีอะไรให้ช่วยไหมคะ

We have a special offer for you.

เรามีโปรโมชั่นพิเศษนะคะ

I make very little out of it.

ไม่แพงเลยค่ะ ได้กำไรนิดเดียวเอง

Today is the last day of the promotion.

วันนี้โปรโมชั่นวันสุดท้ายแล้วนะคะ

I will give you 2 for + [offered price]

ถ้าซื้อ 2 ชิ้นให้ราคา [ราคา] เลยค่ะ

Your total comes to + [price]

ทั้งหมดรวมเป็น + [ราคา]

สำหรับลูกค้า

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

I am looking for…

ฉันกำลังมองหา + [สินค้า]

Can I try it on?

ขอลองหน่อยได้ไหมคะ?

I will take this/that one

ฉันเอาอันนี้ / อันนั้น

How much is it?

อันนี้เท่าไหร่คะ?

Can you give me a discount?

ลดหน่อยได้ไหมคะ?

Can you make it + [ideal price]

ขอเป็นราคา [ราคา] ได้ไหมคะ?

I can spend only + [ideal price]

มีงบแค่ [ราคา] เองค่ะ

Key Takeaways

  • Sir / Ma’am แปลว่าคุณผู้ชาย / คุณผู้หญิง (Ma’am ย่อมาจาก Madam) เอาไว้ใช้เพื่อให้เกียรติลูกค้า และจำไว้ว่าอย่าเรียกลูกค้าผู้ชายว่า ‘Mister’ ควรใช้ Hello, sir! จะเหมาะกว่า
  • Can I / Can you เป็นวลีที่เอาไว้ถามว่าเราสามารถทำสิ่งนั้นได้ไหม เช่น Can I go to the restroom? (ขอไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม) / Can you split the bill? (แยกบิลให้หน่อยได้ไหม) สุภาพน้อยกว่า Could you please แต่ก็ใช้ง่าย และใช้บ่อยมากในชีวิตประจำวัน

ประโยคภาษาอังกฤษในการทำความรู้จักเพื่อนใหม่

นอกจาก Hi! และ Hello! ควรจะต่อด้วยเรื่องอะไรดี อย่าปล่อยให้บทสนทนาเงียบจนหมดความมั่นใจ เพราะว่าไปคนไทยนี่ละที่ชวนคุยเก่งไม่แพ้ชาติอื่น แค่ศึกษาให้ดีก่อนว่าเวลาเป็นการพูดระดับสากลแล้ว เรื่องไหนควรถาม เรื่องไหนไม่ควรพูด!

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

Hi! My name is Kanpong. / Hi! It’s Kanpong.

สวัสดี ผมชื่อกันต์พงศ์ / เรากันต์พงศ์นะ

How is it going?

เป็นยังไงบ้าง (เหมือน How are you)

Fine, how are you?

สบายดี แล้วคุณล่ะ

How was your day?

วันนี้เป็นไงบ้าง

Everything is great.

ทุกอย่างดีมากๆ

How long have you been here?

คุณอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว

Thank you for having me.

ขอบคุณมากๆ เลยที่ชวนฉันมา

Pretty nice place, isn’t it?

ที่นี่สวยดีนะ ว่าไหม?

I love your dress.

ชุดสวยมาก ผมชอบมาก

Nice to meet you / Good to see you

ดีใจที่ได้เจอนะ

Key Takeaways

  • No Personal Questions! เพิ่งรู้จักกันอย่าถามข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุเท่าไหร่ เชื้อชาติอะไร เกิดวันไหน แนะนำให้พูดคุยเรื่องทั่วไป เช่น สภาพอากาศ / สถานที่ หรืองานอดิเรก
  • Admire เน้นชมไม่เน้นวิจารณ์ เป็นธรรมดาที่ชาวต่างชาติจะชมแล้วชมอีก เช่น I love your dress หรือ I love your hair ซึ่งวลี I love ตรงนี้มีความหมายว่าชอบมาก เป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย ถ้าไม่สนิทกันงดวิจารณ์นะคะ โดยเฉพาะเรื่องรูปร่างและสีผิว จะด้วยความหวังดีก็ไม่ควร
  • How was เป็นคำถามที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว และต้องการคำอธิบายมากกว่า Yes หรือ No เช่น How was your meal? (อาหารที่กินไปเป็นยังไงบ้าง?) หรือ How was your trip? (ไปเที่ยวมาเป็นยังไงบ้าง?) เป็นการชวนคุยที่ดีทีเดียว
  • isn’t it ในทางแกรมม่าเรียกโครงสร้างนี้ว่า ‘Question Tag’ ตรงนี้ให้เข้าใจว่าเป็นการชวนคุย หรือหาพวก เพราะแปลเป็นไทยให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ‘ใช่ไหม’ เช่น This movie is very cool, isn’t it? (หนังเรื่องนี้เจ๋งมากเลย ใช่ไหม) เวลาตอบก็ Yes หรือ No ปกติที่เราอยากตอบ

ประโยคภาษาอังกฤษในการเดินทาง

ทริปต่างประเทศนี่ถือเป็นเครื่องชี้วัดระดับภาษาอังกฤษได้เลยนะว่าคุณมีทักษะในการเอาตัวรอดมากแค่ไหน จริงอยู่ที่เทคโนโลยีจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ แต่บางครั้งก็ไม่ทันใจใช่ไหมล่ะ จะดีกว่าไหมที่คุณสามารถใช้ประโยคพื้นฐานได้อย่างคล่องแคล่ว ประหยัดเวลาได้เยอะ ส่วน Google Translate แนะนำว่าเอาไว้ใช้ตอนจะคอมเพลนโรงแรม!

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

Hi! Please take me to this address.

สวัสดีค่ะ ช่วยพาฉันไปที่นี่หน่อย

I need to go to + [place]

ฉันอยากไปที่ + [สถานที่]

Is it far from here?

มันไกลจากที่นี่มากไหม?

Could you please help me, please?

ขอโทษนะคะ ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?

How could I get there?

ฉันจะไปที่นั่นจากตรงนี้ได้ยังไง

Where can I buy a ticket?

ตั๋วซื้อตรงไหนเหรอคะ

Where can I find a bus/taxi/subway?

ไม่ทราบว่า รสบัส/แท็กซี่/ใต้ดิน ขึ้นตรงไหนคะ

I am lost.

ฉันหลงทาง

I lost my wallet.

ฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย

Do you know where the [place] is?

รู้ไหมว่า [สถานที่] อยู่ตรงไหน?

Key Takeaways

  • Questions! ถามถูกก็ได้คำตอบถูก บางครั้งความงุนงงเกิดจากคำถามที่ผิดนั่นล่ะค่ะ ฉะนั้นจำให้แม่น ฝึกให้ดีว่าถ้าอยากได้คำตอบแบบนี้ ควรถามแบบไหน What When Where How พวกนี้ต้องใช้แน่นอนค่ะ
  • Excuse me ขอโทษนะคะ ไม่ได้แปลว่าคุณทำผิด แต่ใช้เมื่อจะเข้าไปรบกวนใครสักคนเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ อย่าใช้ help นะคะ เดี๋ยวเขาจะตกใจ ส่วนถ้าฟังไม่ทัน บอก Pardon อันนี้แปลว่าขอโทษเหมือนกัน แต่ใช้ในกรณีที่อยากจะให้เขาพูดอีกครั้ง

ประโยคภาษาอังกฤษในการแนะนำตัว

ปี 2020 แล้ว จะให้พูดเป็นแค่ Hello my name is ก็จะดูตามคนอื่นเขาไม่ทันสักหน่อย การแนะนำตัวไม่ใช่แค่การบอกข้อมูลส่วนตัว แต่รวมไปถึงรสนิยมและความเป็นตัวคุณเองซึ่งจะคัดกรองเพื่อน และเรื่องที่คุยได้อย่างออกรส

ประโยคภาษาอังกฤษ

คำแปล

I have been learning English for + [time]

ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาแล้ว + [เวลา]

My hometown is…+[city] / I live in… + [city]

บ้านเกิดของฉันคือ..] / ฉันอยู่ที่เมือง [ชื่อเมือง]

I am + [job] / I work as + [job]

งานของฉันคือ [งาน] / ฉันทำงานตำแหน่ง…

I would to be + [ideal job]

ฉันอยากทำงานเป็น + [ตำแหน่ง]

I used to be + [job]

ฉันอยากเคยทำงานเป็น + [ตำแหน่ง]

I enjoy + [Verb -ing]

ฉันชอบ + [กิจกรรมที่ชอบทำ]

My favorite [catagory] is [object]

[หมวดหมู่] ที่ฉันชอบชื่อ [ชื่อสิ่งของ]

It’s complicated

มันยากที่จะเล่าให้ฟัง

I have got a + [pet]

สัตว์เลี้ยงของฉันคือ + [ประเภทของสัตว์เลี้ยง]

I am a [character] person

ฉันเป็นคน + [นิสัย]

The reason why I [verb] is [reason]

เหตุผลที่ฉัน [กริยา] ก็เพราะ [ เหตุผล]

I can teach you how to…

ฉันสามารถสอนคุณให้…

My dream is…

ความฝันของฉันคือ…

I am still looking for someone.

จริงๆ ฉันก็กำลังมองหาใครสักครอยู่นะ

It is a pleasure meeting you.

ดีใจจังเลยที่ได้เจอคุณ

Key Takeaways

  • Express your self คีย์หลักของการแนะนำตัวคือ อธิบายความเป็นตัวคนให้ดูน่าสนใจ ไม่ต้องโดดเด่นมากก็ได้ แต่ควรมีมากกว่าข้อมูลพื้นฐานทั่วไป เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นอยากรู้
  • I am ประโยคง่ายๆ อย่าง I am สามารถใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น I am Thai (ฉันเป็นคนไทย) โดยไม่ต้องพูดว่า I come from Thailand
  • How about you เป็นคำถามต่อท้ายเพื่อถามผู้สนทนากลับให้แชร์เรื่องของตัวเอง เช่น My favorite music is Jazz, how about you.
  • Because การเติมเหตุผลของสิ่งที่พูดลงไปทำให้บทสนทนาน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยอีกคนไม่ต้องเสียเวลาถามต่อ และยังฝึกฝนให้เราพูดได้ยาวและนานขึ้นด้วย เช่น I have been learning English for 5 years because I want to improve my speaking skill.

เอาเป็นว่า 50 ประโยคที่เอามาแชร์นี้ ใช้ได้จริงไม่จ้อจี้ เอาตัวรอดในชีวิตประจำวันได้แน่นอน แต่อยากให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ภาษาที่ดีขึ้นนั้นเกิดจากการใช้บ่อยๆ จนชิน จนสมองเราคิดทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ แบบไม่ต้องคิดไทยแล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที ใครที่กำลังตั้งเป้าหมายจะฝึกให้เก่งก็สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย!

กันต์ เรียนจบจาก Shoreline Community College ในย่านเมือง Seattle รัฐ Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา สาขา Business และ Individualized Plan เคยทำหน้าที่เป็น Student Body President ของวิทยาลัย 2 ปี มีความสนใจทางด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับการสื่อสาร จิตวิทยา การเรียนรู้วัฒนธรรมและความหลากหลาย