วรรณคดีลํานํา ป.6 มีเรื่องอะไรบ้าง

หนังสือเรียนพื้นฐาน วรรณคดีลำนำ ป.6 (สพฐ) 

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทยชุดภาษาเพื่อชัวิต วรรณคดีลำนำ มีเนื้อหามุ่งส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาวรรณคดีที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง วรรณคดีสำหรับ จัดการเรียนการสอนภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกาศ ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2551และท่องจำบทประพันธ์ที่ไพเราะอย่างเห็นคุณค่า รู้จักใช้กระบวณการคิดนำไปสู่ความเข้าใจในการอ่านและเกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม วัฒนธรรมทางภาษา ความเป็นไทย ตวามเป็นคนดีของสังคมไทยและสังคมโลก 

ห นั ง สื อ เ รี ย น ร า ย วิ ช า พื้ น ฐ า น ภ า ษ า ไ ท ย ชุ ด ภ า ษ า เ พื่ อ ชี วิ ต

ว ร ร ณ ค ดี
ลำ นำ

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

บทที่ ๔

อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

บทที่

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

วันแห่งสาระ
ผมแกละเพื่อนรัก

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ฉันได้อ่านวารสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง คอลัมน์ที่ฉันอ่านเป็นคอลัมน์ที่น่าสนใจ
มาก เพราะผู้เขียนเป็นคนที่มีความรู้ในเรื่องหนังสือดีมากคนหนึ่ง คุณครูจันทร์ฉายบอกว่า นักเขียน
ท่านนี้ได้รับฉายาว่า "ตู้วรรณกรรมเคลื่อนที่" หมายถึง ท่านเป็นผู้รอบรู้เรื่องวรรณกรรมทั้งของไทย
และต่างประเทศเป็นอย่างดี ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือท่านเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเขียนจดหมายถามเรื่องราว
ต่าง ๆ เกี่ยวกับวรรณกรรมแล้วท่านก็ตอบคำถามให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ถ้าไม่ทราบท่านก็ไปค้นคว้ามา
ให้ เมื่อเราอ่านคอลัมน์ตอบจดหมายของท่านก็ทำให้ได้รับความรู้เรื่องวรรณกรรมไปด้วย คุณครูจันทร์
ฉายพูดอีกว่าได้รับความรู้เกี่ยวกับวรรณกรรมส่วนหนึ่งจากการอ่านคอลัมน์ดังกล่าว

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

ผมแกละเพื่อนรัก เธออาจสงสัยว่าทำไมฉันจึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้เธอฟัง ฉันขอไขข้อ
ข้องใจให้ทราบก็ได้ว่า มีเหตุผลอยู่สองประการ หนึ่งก็คือ ฉายาที่นักเขียนท่านนี้ได้รับทำให้ฉัน
อดนึกถึงเธอไม่ได้ นานมาแล้วเมื่อฉันรู้จักเธอ รู้ไหมว่าเธอทำให้ฉันที่งและอดที่จะประหลาดใจ
ไม่ได้ฉันก็แปลกใจที่เธอช่างรอบรู้เรื่องวรรณคดีไทยไปเสียทั้งหมด ตอนนั้นฉันพยายามนึกหา
คำพูดมาตั้งฉายาให้เธอบ้างเหมือนกัน แต่ฉันก็นึกไม่ออกความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิด
ของฉันทำให้นึกหาคำพูดที่เหมาะสมมาเรียกเธอไม่ได้ จนกระทั่งฉันได้คุยกับคุณครูจันทร์ฉาย
ถึงเรื่องของนักเขียนผู้รอบรู้ท่านนั้น ฉันจึงนึกได้ว่าหากฉันจะตั้งฉายาให้เธอว่า "ตู้วรรณคดี
เคลื่อนที่" ก็น่าจะเหมาะสม พอฉันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้มะปรางฟัง เธอก็หัวเราะถูกใจ และบอก
ว่าดีนะที่ฉันไม่ตั้งฉายาให้เธอว่า "หิ้งวรรณคดีเคลื่อนที่" เพราะฟังแล้วทะแม่ง ๆ ชอบกล

ส่วนเหตุประการที่สองก็คือ ในคอลัมน์ตอบปัญหาวรรณกรรมที่ว่า นักเขียนท่านนี้ได้
เชิญชวนให้มิตรรักนักอ่าน เขียนจดหมายมาถามปัญหากันให้มาก ๆ เขาใช้คำพูดที่นำประทับ
ใจว่า "การเขียนจดหมายเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง"

ผมแกละเพื่อนรัก รู้หมว่านี่คือถ้อยคำที่ฉันประทับใจมากที่สุดฉันคิดว่านี่เป็นคำพูดที่ดี
มาก และยิ่งทำให้ฉันมีความตั้งใจจะเขียนจุดหมายถึงเธอโดยไม่รู้เบื่อ เพียงแต่ว่า นำเสียดาย
เหลือเกินที่ทุกวันนี้คนเราไม่นิยมเขียนจดหมายกันเสียแล้ว พวกเขามักติดต่อกันทางโทรศัพท์
มือถือมากว่าจะเขียนอะไร ๆ ยาว ๆ อย่างนี้ บางทีในอนาคตอันใกล้ อาจไม่มีใครรู้จักว่า
จดหมายคืออะไรก็เป็นได้ จริงไหม

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

ฉันเกริ่นมาเสียยืดยาว เพื่อแสดงให้เธอเห็นว่ จดหมายของฉันนั้นใกล้ความเป็นศิลปะเข้ามา
ทุกทีแล้ว ฉันรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เขียนถึงเธอ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ฉันเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่าง
หนัก เล่นวันละหลายชั่วโมงโดยไม่รู้เบื่อ แต่พอถึงตอนนี้ ฉันก็เขียนจดหมายอย่างเอาจริงเอาจัง
เหมือนกัน ฉันไม่สรุปหรอกนะว่า ระหว่างการเล่นเกมคอมพิวเตอร์กับการเขียนจดหมาย ฉันชอบ
อย่างไหนมากกว่า ก็อย่างที่คุณครูเคยบอกพวกเราว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีทั้งคุณและโทษแล้ว
แต่ว่าเราจะเลือกใช้มันอย่างไร

ฉันควรจะยุติเรื่องข้างต้นไว้เพียงเท่านี้ก่อน เขียนไปเขียนมาฉันชักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นนัก
เทศน์เข้าไปทุกทีแล้ว มะปรางบอกว่า ยิ่งเขียนภาษาของฉันก็ยิ่งดูอาวุโสขึ้นทุกที ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ที่รู้คือยิ่งเขียนฉันยิ่งรู้สึกสนุกทุกครั้งไป

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
เอาละ...เรามาเข้าเรื่องกิจกรรมของชมรมคนรักวรรณคดีกันดีกว่าเธอคงอยากรู้ใช้ไหมว่า
กิจกรรมช่วยกันอ่าน วานมาฟัง ของเรามีอะไรคืบหน้าอีกบ้าง ผมแกละ ฉันอยากบอกเธออีกครั้งว่า
ยิ่งเราจัดกิจกรรม ช่วยกันอำน วานมาฟัง มากครั้งเทำาไร คนฟังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนไม่ต้องไหว้วาน
ให้มาฟังอีกต่อไปแล้ว แต่พอถึงเวลานัดหมาย ทุกคนก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา อย่างเมื่อสัปดาห์ที่
ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำเสนอของมิ่งขวัญ เธอก็ทำให้กิจกรรมช่วยกันอ่าน วานมาฟัง กลายเป็นเรื่อง
ฮือฮาประจำสัปดาห์ขึ้นมาเลยทีเดียว เธออยากรู้ใหมผมแกละ ว่มิ่งขวัญทำให้การอ่านวรรณคดีของ
เธอ กลายเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักเรียนได้อย่างไร ถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามต่อไป

มิ่งขวัญเป็นเด็กผู้หญิงที่มีท่าทางสงบเสงี่ยมและเรียบร้อยมากกว่าคนอื่น เวลาอยู่ในห้องเรียน
เธอพูดน้อยนับคำได้ แต่พอถึงเวลาที่เธอนำเสนอวรรณคดีในวันนั้น เธอกลับเปลี่ยนท่ทีจนทุกคน
แปลกใจไปตามกัน

"ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง" มิ่งขวัญเริ่มต้นทักทายผู้ฟังด้วยคำพูดประโยคนี้ "ฉันคิดว่าเรื่องนี้
สำคัญมากสำหรับพวกเรา โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หญิง" ไม่มีใครรู้ว่ามิ่งขวัญกำลังจะพูดเรื่องอะไร
แต่ท่าทีของเธอดูเคร่งขรึมมากขึ้น จากนั้นเราก็ได้ยินเธอพูดต่อไปอีก เธอบอกว่า มีเรื่องนำอายเกิด
ขึ้นนักเรียนหญิงสองสามคนที่เช่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของเธอ หนึ่งในจำนวนนั้นเธอรู้จักดี แต่ขอ
สงวนที่จะไม่เอ่ยนาม ทั้งสามคนเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตันที่มาจากต่างอำเภอ มาเช่าบ้าน
อยู่ด้วยกันโดยไม่มีผู้ใหญ่ควบคุมดูแล นี่เองที่ทำให้ทั้งสามประพฤติตนเหลวไหลชอบเที่ยวกลางคืน
และไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่สมควร ที่แย่กว่านั้นก็คืนทั้งสามคนคบหาเพื่อนผู้ชาสย บางครั้งมีคน
เห็นพวกเธอชวนเพื่อนผู้ชายมาค้างคืนในห้องเช่า

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

จนกระทั้งคืนวันหนึ่ง มีเรื่องวุ่นวายประจานความน่อายเกิดขึ้นที่ห้องเช่าแห่งนั้น คนที่
เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นักเรียนหญิงทั้งสามชวนเพื่อนชายหลายคนมากินเลี้ยงกันที่บ้าน มีการ
ตั้งวงดื่มสุราและเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งดีกก็ยังไม่เสิกราพฤติกรรมของพวกเขา
ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเอือมระอา เมื่อใครคนหนึ่งทนต่อไปไม่ไหว จึงโทรศัพท์เรียกเจ้าที่
ตำรวจให้มาจัดการ พอตำรวจมาถึงก็พบว่า กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นทั้งหมดกำลังมั่วสุมเสพยา
เสพติ แต่ละคนอยู่ในอาการเมามายไม่ใด้สติ ในห้องเช่าก็เต็มไปด้วยขวดสุราและเครื่องดื่ม
มึนเมาหลายประเภท รวมทั้งสื่อลามกที่เปิดดูกันอย่างไม่อินังชังขอบ จนตำรวจที่เข้าไปเห็น
เหตุการณ์ถึงกับออกปากว่าน่าสมเพชและสงสารพ่อแม่ของเต็กกลุ่มนี้ท้ายที่สุดทั้งหมดก็ถูก
เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปที่โรงพัก

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

"นี่คือเรื่องที่อาจไม่น่ฟัง แต่ก็เป็นความจริง" มิ่งขวัญสรุปหลังจากที่
เธอเล่ามาเสียยาว "เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังที่เราได้อ่านจากข่าว
หนังสือพิมพ์รายวันอยู่เป็นประจำ เพื่อน ๆ ลองคิดดู หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับ
พวกเราหรือพี่น้องของเราจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากแค่ไหน"

ผมแกละเพื่อนรัก...ฉันไม่คิดมาก่อนว่ามิ่งขวัญจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ พวกเรา
ทุกคนในที่นั้นพากันนิ่งงียบ ทุกคนเชื่อว่าเรื่องที่เธอนำมาเล่าเป็นเรื่องจริง แต่
คิดไม่ออกว่า เกี่ยวอะไรกับกิจกรรม ช่วยกันอ่าน วานมาฟัง ในวันนั้น มะปราง
กับส้มโอถึงกับหันไปซุบซิบกันด้วยสีหน้า เคร่งเครียด แต่ฉันไม่รู้ว่า พวกเธอ
ปรึกษาอะไรกันบ้าง ทันใดนั้นเองมิ่งขวัญก็หยิบหนังสือเล่มบาง ๆ เล่มหนึ่งออก
มาจากกระเป๋า เตรียมอ่านให้เพื่อน ๆ ฟัง

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
"เรื่องที่ฉันกำลังจะอ่านให้เพื่อน ๆ ฟังในวันนี้ เป็นวรรณคดีที่ใครหลายคนอาจคิดว่า
ล้าสมัยไปแล้ว แต่ฉันอยากให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณาดูว่าเนื้อหาในหนังสือนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
มิ่งขวัญพูดเสียงตังฟังชัด และเปิดหนังสือไว้ในท่าเตรียมพร้อม พวกเราหลายคนพากันขยับ
ตัวรอฟังด้วยความสนใจ

เพื่อนรัก เมื่อฟังมาถึงตอนนี้ เธอเองก็คงอยากรู้ใข่ไหมว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
อีก พวกเราทุกคนในที่นั้นก็เหมือนกัน ต่างพากันมองดูความเคลื่อนไหวของมิ่งขวัญแทบไม่
คลาดสายตา สิ่งที่เราได้เห็นต่อจากนั้นก็คือ มิ่งขวัญเรี่มตันอ่านหนังสือของเธอ เรื่องที่เธอ
อ่านในวันนั้น คือ สุภาษิดสอนหญิง ฉันไม่รู้ว่าผมแกละเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่แต่
เนื้อหาที่มิ่งขวัญอ่าน เป็นดังนี้

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

สุภาษิตสอนหญิง

ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล
สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล จึงจะพ้นภัยพาลนินทา
เป็นสาวแส้แร่รวยสวยสะอาด ก็หมายหมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง

จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ตรี
จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉรีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน
แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส
ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
เสียงอ่านหนังสือของมิ่งขวัญดังมาก ดูเหมือนเธอตั้งใจจะเน้นในแต่ละวรรค แต่ละ
ตอนให้ได้ยินทั่วกันถึงตอนนี้ พวกเราก็นึกออกแล้วว่าเหตุผลที่มิ่งขวัญนำ สุภาษิตสอน
หญิง มาอ่าน หลังจากเล่าเรื่องที่เธอบอกว่า "เป็นเรื่องน่อับอาย" นั้นเพราะอะไร

"ฉันอยากให้พวกเราฟิงและคิดตามไปด้วย" มิ่งขวัญหยุดอ่านและหันมาพูดกับคนฟัง
ในเวลานั้นบรรยากาศใต้ลานร่มไม้ยังดูเคร่งเครียด มิ่งขวัญกล่าวต่อไปอีกว่า "วรรณคดี
เรื่องนี้ เขียนขึ้นมาสอนผู้หญิงโดยเฉพาะแต่ผู้ชายก็ควรอ่นและฟังได้เหมือนกัน

ฉันอยากให้นักเรียนหญิงสามคนนั่น ได้มาอ่าน สุภาษิตสอนหญิง บ้าง ฉันคิดว่าหาก
เธอได้อ่านและลองนำไปปฏิบัติก็อาจไม่เกิดเรื่องเสียหายแบบนั้นขึ้นลองฟังตอนที่ฉันจะอ่าน
ต่อไปดูสิ เธอพูดย้ำ จากนั้นก็หันกลับไปอ่านหนังสือต่อ

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน
คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี
เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่
อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์
อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้ อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม
อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน
ถ้ำแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล
ขมันขะมักรักงานการของตน อย่าซุกชนคบเพื่อนไพล่เชือนแช
เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน อย่เที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋
อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน
ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น
เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่าให้อตระทดใจ
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง
ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมภ์ กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง
จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน
เทพไทในห้องสิบหกชั้น จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร
ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ได้เลี้ยงท่านชนกขนนี

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี

ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง

ยิ่งอ่านเสียงของมิ่งขวัญก็ยิ่งสะกดผู้ฟังให้เงียบกริบ ผมแกละเพื่อนรัก น่าแปลกอุ้ม
อุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไรเหลือเกินที่วรรณคดีเรื่องนี้ซึ่งไม่มีตัวละครและเหตุการณ์เหมือนกับ
เรื่องอื่น ๆ ที่เราได้อ่านได้ฟัง กลับทำให้สมาชิกชมรมคนรักวรรณคดีและคนฟังในวันนั้น
สนใจได้ ฉันคิดว่าไมใช่เพราะน้ำเสียงที่มีพลังของมิ่งขวัญอย่างเดียวหรอก แต่อาจเป็น
เพราะเนื้อหาสาระที่เป็นข้อคิดสอนใจต่างหาก ที่ทำให้วรรณคดีเรื่องนี้น่สนใจ พอได้ฟัง
สุภาษิตสอนหญิง พลอยพาให้ฉันนึกไปถึงวรรณคดีอีกหลายเรื่องที่เธอเคยแนะนำให้อ่านไม่
ว่าจะเป็นสุภาษิตโคลงโลกนิติ หรือบทอาขยานบางบท ฉันเข้าใจเอาเองว่า วรรณคดีไม่ได้
เล่าเรื่องสนุกสนานตื่นเต้นเพียงอย่างเดียว แต่วรรณคดีบางเรื่องมุ่งสอนให้เราปฏิบัติตน
อย่างเหมาะสมด้วยเธอคิดว่าฉันเข้าใจถูกหรือไม่ผมแกละ

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
เอาละ เรากลับมายังลานร่มไม้กันต่อดีกว่า ฉันลืมบอกไปว่า ขณะที่พวกเรากำลัง
ตั้งใจฟังมิ่งขวัญอ่านหนังสืออยู่นั้น คุณครูจันทร์ฉายก็เข้ามาสมทบอีกคน ทำทางของ
คุณครูจันทร์ฉายดูพอใจกับการนำเสนอของมิ่งขวัญมาก ฉันเห็นท่านยิ้มกริ่มอยู่ในหน้า
บางทีก็มิ่งชัญเงยหน้าขึ้นมองคุณครูจันทร์ฉายนิด พยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วยกับเนื้อหา
บางตอนหนึ่งจากนั้นจึงอ่านหนังสือต่อ

จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะพูดจาจงพิเศราะห์ให้เหมาะความ
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา

เมื่อมิ่งขวัญอ่านจบ พวกเราพากันปรบมือให้เธอกราวใหญ่ มิ่งขวัญต้อมศีรษะรับ
และเพิ่งยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกท่าทางเธอจะรู้สึกโล่งใจที่ทำหน้าที่เสร็จสิ้นไปแล้วฉัน
ได้ยินเมฆกับยอดแอบซุบซิบว่าวันนี้มิ่งขวัญดูเปลี่ยนไปเธอมีแววที่จะเป็นครูได้ในอนาคต
มิ่งขวัญไม่ใด้ยินหรอกเพราะตอนนั้น เธอกำลังจะอธิบายเรื่องที่อ่านเพิ่มเติมอีก

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
"เพื่อนๆ และสมาชิกทุกคน" มิ่งขวัญพูด "ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่ฉันนำมาอ่านให้ฟัง
จนจบไปแล้วนั้น ทำให้เพื่อนๆ สนุกกันบ้างหรือเปล่า ฉันคิตว่าคงไม่สนุกเหมือนบาง
เรื่องที่ได้ฟังมาก่อนหน้านี้ วรรณคดีไทยไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องสนุกเสมอไป บางที
วรรณคดีก็ช่วยสอนและเตือนสติพวกเราด้วย สุภาษิตสอนหญิง นั้น สันนิษฐานกัน
ว่า ผู้แต่งคือสุนทรภู่ แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่๓ -๔ แต่บางคนก็ว่าไมใช่ แต่ฉันคิด
ว่าใครจะแต่งก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือ เรื่องนี้เป็นบทกลอนสุภาษิตที่สอนผู้
หญิงในหลายเรื่อง เช่นเรื่องอะไรบ้างนะ" ตอนท้ายเธอหันมาถามเพื่อน ๆ รรวกะบ
เป็นครูสอนหนังสืออย่างไรอย่างนั้น

"สอนเรื่องให้รู้จักประหยัดจ้ะ" ใครคนหนึ่งตอบ
"สอนให้ดูแลพ่อแม่"
"สอนเรื่องการแต่งกายให้เหมาะสม" อีกที่อยู่ด้านหลังตะโกนบอก ผมแกละเชื่อ
ไหมว่า ตอนนี้เองที่มิ่งขวัญได้เปลี่ยนลานร่มไม้ให้กลายเป็นเวทีอภิปรายไปเสียแล้ว
คำถามของเธอกระตุ้นให้เพื่อนๆ หลายคนลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นกันอย่าง
สนุกสนาน
"ฉันคิดว่า สุภาษิตสอนหญิง สอนให้เด็กผู้หญิงทุกคนเป็นคนรักนวลสงวนตัว
ไม่ชิงสุกก่อนห่าม" ส้มโอลุกขึ้นมาร่วมบ้าง

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
"ชิงสุกก่อนห่ามคืออะไรค่ะ" นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ คนหนึ่งลุกขึ้นถาม
แต่คำถามของเธอไม่มีใครอธิบายได้ จนคุณครูจันทร์ฉายตองเข้ามาร่วมอีกแรง

"ชิงสุกก่อนห่ามเป็นสำนวลไทยจ๊ะ คุณครูจันทร์ฉายเริ่มไขข้อกังขา มีความหมาย
ว่า ไม่ควรทำอะไรบางอย่างในขณะที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรเขาเปรียบมาจากการ
กินผลไม้ ผลไม้บางชนิดต้องรอให้สุกก่อนจึงจะกินอร่อย แต่ถ้าขืนไปรีบกินรสชาติ
ก็จะไม่ดี"

"เช่นอะไรบ้างค่ะคุณครู" มะปรางสงสัยขึ้นมาบ้าง
"อย่างการคบเพื่อนต่างเพศ หรือที่พวกเราเรียกว่าแฟนนั่นแหละ เรื่องนี้สอน
เด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ สอนให้ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับวัยและวัฒนธรรมอันดีงาม
ของไทย ให้รักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเลยเถิดในขณะที่ยังไม่ถึงวัยที่
เหมาะสม จึงจะเป็นสตรีที่มีคุณค่าและศักดิ์ศรี อย่าให้เหมือนกับที่เป็นกันอยู่ในทุก
วันนี้ อย่างสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงสองสามคนที่มิ่งขวัญเล่าให้ฟังตอนต้น ครูคิด
ว่าวรรณคดีเรื่องนี้ดีมาก ขอบใจมิ่งขวัญที่นำมาอ่านให้เพื่อนฟัง ยังมีคำสอนอีก
หลายเรื่องที่มีคุณค่า ขอให้พวกเราลองนึกและพิจารณาดู จะได้นำไปเป็นข้อเตือน
ใจและแนวทางสำหรับปฏิบัติตนให้เหมาะสมต่อไป"

บทที่ (ต่อ)

๔อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี
ผมแกละเพื่อนรัก เธอลองนึกภาพเหตุการณ์ในตอนนี้สักหน่อยไหม เธอจะเห็น
คุณครูจันทร์ฉายของเรา ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางเด็กๆ มีมิ่งขวัญยืนยิ้มหน้าบาน
อยู่ข้างๆ แน่นอนว่า เธอประสบความสำเร็จอย่างมากในวันนี้ ยอดกับเมฆหันมาซุบซิบ
กันอีกว่า ดูๆ แล้วมิ่งขวัญยิ้มเหมือนคุณครูจันทร์เข้าไปทุกที แล้วทั้งสองก็หัวเราะกัน
คึกคัก จนคุณครูได้ยินแล้วหันมามอง นั่งแหละถึงได้พากันหน้างุด และเงียบเสียงเป็น
ปลิดทิ้ง

กิจกรรม ช่วยกันอ่าน วานมาฟัง ของขมรมคนรักรรณดีจบลงอีกครั้งหนึ่ง สมาชิก
และผู้เข้าร่วมค่อย ๆ ทยอยกลับ ไม่นานนักลานร่มไม้อันร่มรื่นของเราก็ว่างเปล่าลง
อีกครั้ง ผมแกละรู้ไหม ฉันอยากให้ลานแห่งนี้เนื่องแน่นไปด้วยผู้คนทุกครั้งที่เรามา
ร่วมชุมนุมจัดกิจกรรม อยากให้ความรักและการเห็นคุณค่าวรรณคดีของเด็ก แผ่
ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนร่มเงาสาขาของต้นหว้าใหญ่แห่งนี้จดหมายของฉัน
ฉบับนี้ ไม่ยาวเหมือนฉบับก่นๆ แต่ฉันหวังว่าคงทำให้เธอพอใจและมีความสุข ส่วนฉัน
มะปรางและคนอื่น ๆ ก็มีความสุข และยังคงสนุกกับกิจกรรมของขมรมคนรัก
วรรณคดีต่อไป

รักและระลึกถึงเสมอ
ชาลีและผองเพื่อน

ผู้จัดทำ

นางสาวกฤติยาภรณ์ จันทร์คง
รหัสนักศึกษา 61191010226

นางสาวปรีชญา สุภาษี
รหัสนักศึกษา 61191010227