ดินแดนไทยได้รับศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ทวารดี ในสมัยสุโขทัยรับพระพุทธศาสนาจากนครศรีธรรมราช ทำให้พระพุทธศาสนาเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของคนไทย2.ด้านการเมืองการปกครองรับความเชื่อเรื่องสมมติเทพและกฎหมายพระมนูธรรมศาสตร์ของอินเดียมาเป็นแม่แบบของกฎหมาย ในอดีตประเทศไทยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก การรับศาสนาพราหมณ์ทำให้มีความเชื่อเรื่องกษัตริย์เป็นสมมติเทพตามแนวความเชื่อของอินเดีย ต่อมาได้นำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาผสมผสานเพื่อใช้ในการปกครอง พระมหากษัตริย์จึงเป็นธรรมราชาในเวลาต่อมา 3.ด้านอักษรศาสตร์ประเทศไทยรับภาษาบาลี สันสฤตจากอินเดียมาใช้ ทำให้ประเทศประเทศไทย มีภาษาที่มีคำในภาษาบาลี สันสฤต ผสมอยู่มากมาย เช่น ชื่อของคนในประเทศไทย รับวรรณคดีอินเดีย เช่น มหากาพย์รามายณะ ซึ่งมีอิทธิพลต่อวรรณคดีของไทย รวมถึงวรรณคดีทางพระพุทธศาสนา เช่น ชาดก
คนไทยได้รับวัฒนธรรมการแต่งกายและวัฒนธรรมการกินอาหารจากอารยธรรมอินเดีย เช่น รับประทานอาหารที่มีเครื่องเทศเป็นส่วนผสม ใส่เสื้อผ้าแบบชาวอินเดีย 5.ด้านศิลปะวิทยาการ รับรูปแบบสถาปัตยกรรมของพระพุทธศาสนาจากอินเดีย ลังกา เช่น เจดีย์ทรงลังกา พระพุทธรูป members:ด.ญ. ปภาดา จันทราภินันท์ ม.2/7 เลขที่ 23 ด.ญ. สุรัตน์วดี พลวงษ์ศรี ม.2/7 เลขที่ 28 credit: การติดต่อค้าขายระหว่างชาวอินเดียและชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสื่อสำคัญที่ก่อให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมอินเดียมายังรัฐโบราณแถบนี้ การแลกเปลี่ยนมีมาตั่งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ในช่วงวัฒนธรรมหินใหม่หรือช่วงสังคมเกษตร หลักฐานทางโบราณคดีคือ พบขวานหินขัดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและขวานหินแบบมีบ่าอายุในช่วง 4,000 – 2,000 ปี แพร่กระจายไปดินแดนที่ชนเผ่าที่พูดกลุ่มภาษาออสโตรเอเชียติค ได้แก่ภาษาญวน มอญ เขมร ภาษามุณฑะ(ภาษาหนึ่งในอินดีย) กับ ชนเผ่ากลุ่มภาษาออสโตนีเชียน ได้แก่ภาษาอินโดนีเชีย และพวกจาม เหตุการณ์ที่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณการค้าขายระหว่างชาวอินเดียและชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะประเทศไทยคือ แต่เดิมอินเดียได้ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะทองคำในบริเวณเมดิเตอร์เรเนี่ยนและเอเชียกลาง แต่ราว พ.ศ.ว. ที่ 4 – 5 ได้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองขึ้นในแถบนี้ ทำให้การคมนาคมในแถบนี้ถูกตัดขาด อินเดียไม่อาจซื้อทองคำในไซบีเรียได้อีกต่อไป จึงหันไปซื้อทองคำในโรมันจนทำให้เศรษฐกิจโรมันกระทบกระเทือนไม่อาจขายทองให้อินเดียได้อีก ด้วยเหตุนี้อินเดียจึงเดินทางมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหาแหล่งที่ซื้อทองคำใหม่ และเรียกดินแดนแถบนี้ว่า “สุวรรณภูมิ” ชาวอินเดียที่เป็นพ่อค้า นักบวชเหล่านี้ได้เดินทางเข้ามาทั้งทางบกและทางน้ำดังที่พบในหลักฐานในจารึก อ.วังไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ของกษัตริย์แห่งเจนละ และการพบลูกปัดหินประเภทหินคาเนเลียน หินโอนิกซ์ หินอาเกต ลูกปัดแก้วสีต่าง ๆ ซึ่งมีแหล่งผลิตในอินเดีย แพร่กระจายอยู่ตามแหล่งโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ค้นพบในประเทศไทย แหล่งโบราณคดีคลองท่อม จ.กระบี่ และ เกาะคอเขา จ.พังงา รัฐโบราณแรกรับวัฒนธรรมอินเดีย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ฟูนัน เจนละ ทวารวดีและศรีวิชัย หลักฐานทางวรรณกรรม เช่น
วัฒนธรรมสำคัญที่อินเดียนำมาเผยแพร่ในประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยได้แก่
|