รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

วิธีการเลือกรองเท้าฟิตเนส

1 เลือกเวลาในการซื้อรองเท้าให้เหมาะสม

การซื้อรองเท้าที่ดีควรซื้อในช่วงเวลาตอนเย็นของวัน หรือจะเป็นช่วงที่เราได้ใช้เวลาเดิน หรือทำกิจกรรมมากๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เท้าของคนเราขยายตัวมากที่สุดนั่นเอง จากปกติเท้าเราอาจจะมีขนาดความยาวโดยประมาณได้ 38  แต่เมื่อเราได้ใช้เท้าในการเดินมากๆ หรือช่วงตอนเย็นที่เท้าของเราได้ขยายออกแล้ว อาจจะมีความยาวโดยประมาณถึง 39 เลยทีเดียวล่ะค่ะ ทางที่ดีเราอาจจะเลือกการซื้อรองเท้าจากช่วงเวลาที่ใช้งานบ่อยๆ จะดีที่สุด เพื่อที่รองเท้าที่ซื้อมาจะได้ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป จนอาจจะเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้นะคะ

2 การเลือกซื้อรองเท้าให้ตรงต่อการใช้งาน

การเลือกซื้อรองเท้าให้ตรงต่อวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ก็เปรียบเหมือนการเลือกใช้มีดในการทำอาหารของเชฟนั่นแหละค่ะ เพราะนอกจากจะตรงความต้องการของผู้ใช้แล้ว ก็ยังไม่มีผลเสีย หรืออาการบาดเจ็บที่จะตามมาภายหลังอีกด้วย

3 การวัดขนาดเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง

รองเท้าในปัจจุบันนี้มีการนับขนาดหรือไซซ์รองเท้าที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อีกทั้งรองเท้าในแต่ละรุ่นยังมีรูปทรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้ออีกด้วย บางรุ่นที่ออกแบบมาให้หน้าเท้ากว้าง หรือหน้าเท้าแคบเพื่อการซัพพอร์ตการออกกำลังในแต่ละประเภท ดังนั้น หนึ่งในการเลือกซื้อรองเท้าคือควรวัดขนาดของเท้าคุณให้ดี และมั่นใจก่อนที่จะทำการสั่งซื้อ หรือทางที่ดีอาจจะไปลองรองเท้าที่สนใจในร้านใกล้บ้านของคุณเพื่อความมั่นใจ สองคือการวัดขนาดของความกว้างหน้าเท้าของเรา ให้จุดที่กว้างสุดของฝ่าเท้าตรงกับจุดที่กว้างที่สุดของรองเท้าที่คุณกำลังลองจะเป็นการดีที่สุดค่ะ

4 การใส่ถุงเท้าคู่โปรดกับการเลือกรองเท้าคู่ใหม่

การนำถุงเท้าที่คุณใส่เป็นประจำ ไปลองกับรองเท้าเพื่อดูถึงความเข้ากันของทั้งคู่ เพราะว่าถุงเท้าที่มีไว้ให้ลองที่ร้านนั้นอาจจะมีความหนา หรือบางไม่เท่ากับถุงเท้าคู่โปรดที่คุณใส่อยู่ อาจจะส่งผลให้ไซซ์เท้าของเราเปลี่ยนไปได้ ทางที่ดีคุณควรใช้ถึงเท้ากีฬาที่เอาไว้ใช้ออกกำลังกายแทนการใช้ถุงเท้าทั่วไปดีกว่า เพราะวัสดุที่นำมาทำเป็นถุงเท้ากีฬานั้นเป็นวัสดุที่ยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ค่อนข้างดีกว่าถุงเท้าทั่วไป ทำให้ไม่เกิดปัญหาถุงเท้าหลุดขณะเคลื่อนไหว หรือปัญหาเหม็นอับในรองเท้าของคุณอีกด้วย

5 ทดสอบความยืดหยุ่นของรองเท้า

เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่ารองเท้าคู่ไหนที่จะมาเป็นรองเท้าคู่ใจในการออกกำลังกายของคุณล่ะก็ ห้ามลืมข้อสำคัญข้อนี้ไปเด็ดขาดเลยค่ะ หากคุณมีโอกาสได้ลองสวมใส่รองเท้านี้แล้วเกิดติดใจขึ้นมา ก็อยากจะแนะนำให้ขออนุญาตทางร้าน ลองทดสอบรองเท้าด้วยการเดินรอบๆ ร้าน หรือลองทดลองวิ่งเบาๆ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ารองเท้าที่เรากำลังดูอยู่นั้นใส่แล้วสบายเท้า และไม่อึดอัดจนเกินไป แถมในบางร้านยังมีลู่วิ่งเอาไว้ทดลองอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วก็อย่าละเลยที่จะใช้เวลาเลือกรองเท้าให้เข้ากับเรามากที่สุด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากกว่าผลเสียที่อาจจะตามมาจากการเลือกรองเท้าเร็วจนเกินไปด้วยนะคะ

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics เป็นแบรนด์กีฬาของประเทศญี่ปุ่นที่ดังในระดับโลก โดยชื่อแบรนด์นั้นเป็นคำย่อที่มาจากคำว่า Anima Sana In Corpore Sano เป็นสำนวนในภาษาละติน หมายถึงจิตใจเข้มแข็งภายในร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้ก่อตั้งมาเป็นระยะเวลายาวนานและสร้างคุณภาพความน่าเชื่อถือให้กับนักวิ่งมากมายทั่วโลก และต่อไปนี้คือ10 รองเท้าวิ่ง Asics ที่ทุกคนจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน

1. Asics Gel Quantum 180 6 ราคาป้าย 4500 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Gel Quantum 180 6 เป็นรองเท้าวิ่งยอดนิยมที่มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้าหลายจุด โดยมี Upper ที่ทำจากผ้า Engineered Mesh ที่ระบายอากาศได้ดี และใช้หนังสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างแข็งแรงและร่วมสมัย ส่วน Midsole ใช้เป็นเทคโนโลยีโฟมที่มีความเบา กระจายน้ำหนักได้ดี และมี GEL แบบ 180 องศา สีสันสวยงามช่วยลดแรงกระแทกที่ส้นเท้าจนไปถึงกลางเท้า และบริเวณ Outsole ใช้เป็น AHAR Rubber ซึ่งเป็นยางที่คงทนยึดเกาะพื้นได้ดี วางจำหน่ายเมื่อกลางปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

เป็นรองเท้าที่มีดีไซน์สวยงาม มีพื้นชั้นกลางใช้เทคโนโลยีโฟม Solyte ที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้นถึง 20% มี GEL 180 ช่วยซัพพอร์ตเพิ่มบริเวณส้นเท้า และมีน้ำหนักประมาณ 340 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งหน้าใหม่หรือนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าประสิทธิภาพสูงสำหรับซัพพอร์ตเยอะ ๆ สามารถสวมใส่วิ่งได้ในทุกระยะ หรือจะใช้ใส่ลำลองในชีวิตประจำวันก็ได้

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/gel-quantum-180

2. Asics Gel Kayano 27 ราคาป้าย 6500 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Gel Kayano 27 เป็นรองเท้าวิ่งระยะไกล ที่เคยเปิดตัวรุ่นแรกตั้งแต่ปี 1993 และในรุ่นล่าสุด 27 นี้จะมี Upper เป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh ที่ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา ในส่วนของ Midsole ใช้เป็นเทคโนโลยี Flyte Foam Propel ที่รองรับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น มีโฟมเพิ่มมากขึ้น และ GEL บริเวณส้นเท้า มีระบบ DUOMAX ช่วยให้เราลงเท้าได้อย่างมั่นคง พื้นรองเท้าชั้นนอก Outsole เป็นยางแบบ AHAR ที่มีความทนทานสูงและยึดเกาะได้ดีเยี่ยม วางจำหน่ายเมื่อกลางปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มีเทคโนโลยี Flyte Foam Propel ที่มีความเด้ง GEL บริเวณส้นเท้าช่วยรองรับแรงกระแทก และระบบ Space Trusstic ที่ช่วยลดน้ำหนักของรองเท้า ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 12 มม. ส้นเท้า 22 มม. มีน้ำหนักประมาณ 315 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งระยะไกล และนักวิ่งที่วิ่งลงส้นเท้า สามารถสวมใส่ซ้อมวิ่งได้ในทุก ๆ วัน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/gel-kayano-27

3. Asics Gel Nimbus 22 ราคาป้าย 6500 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Gel Nimbus 22 เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อให้วิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ มี Upper เป็นผ้าตาข่ายแบบ Engineered Monofilament ที่ช่วยในการระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มสบายเท้า บริเวณ Midsole ใช้เทคโนโลยี Flyte Foam Propel ที่มีความใกล้พื้นกว่าเดิมช่วยในเรื่องความนุ่มและเด้ง มีเทคโนโลยี Gel ช่วยลดแรงกระแทก และมี Outsole ที่เป็นพื้นยางแบบแยกชิ้น เทคโนโลยี AHAR และ Super AHAR บริเวณส้นเท้าที่มีความทนทานมากยิ่งขึ้น วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2019

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

ผ้าตาข่าย Engineered Monofilament ที่มีสัมผัสที่นุ่มนวล และพื้นรองเท้ายาง Super AHAR ที่มีความทนทานกว่าเดิม รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 15 มม. ส้นเท้า 25 มม. น้ำหนักประมาณ 310 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่ต้องการรองเท้า Daily training ใช้สวมใส่และฝึกซ้อมสบาย ๆ ได้ในทุก ๆ วัน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/gel-nimbus-22

4. Asics Gel Cumulus 22 ราคาป้าย 4700 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Gel Cumulus 22 มี Upper อีกหนึ่งรองเท้าสำหรับใช้วิ่งระยะไกลของทางแบรนด์ โดยในรุ่น 22 นี้จะใช้วัสดุเป็นผ้า Engineered Mesh เพียงแค่ชั้นเดียว บริเวณ Toebox มีลักษณะที่กว้างพอสมควรทำให้นิ้วเท้าของเราไม่ถูกบีบ ลิ้นรองเท้ามีการบุนุ่มอย่างดี ส่วนบริเวณ Midsole มีการประสานเทคโนโลยี Flyte Foam และ Gel เข้าด้วยกัน ทำให้รองรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ส่วน Outsole ใช้เป็นเทคโนโลยีพื้น AHAR+ ที่ด้านหน้าเท้ามีร่องดอกยางถึง 6 ช่อง วางขายเมื่อปลางปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มี Toebox ที่กว้างสบายเท้าทำให้ไม่ถูกบีบรัด เติม Gel ที่ส้นเท้าและปลายเท้าทำให้ใช้งานในระยะยาวได้ดี และวิ่งในระยะเวลานานขึ้นได้สบาย ๆ รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 21 มม. ส้นเท้า 31 มม. หนักประมาณ 261 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่มีหน้าเท้ากว้างกว่าปกติ และนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าแบบไม่บีบรัดเท้ามาก ใช้วิ่งได้ในระยะเวลานาน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/gel-cumulus-22

5. Asics GT 2000 9 ราคาป้าย 4700 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics GT 2000 9 เป็นรองเท้าวิ่งสาย Stability Support สำหรับคนเท้าล้มเท้าแบน โดยมี Upper เป็นผ้าตาข่าย Mesh แบบชิ้นเดียว โอบรัดเท้าเราได้เป็นอย่างดี และมีการระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ส่วนบริเวณ Midsole เป็นพื้นชั้นกลางแบบ Flyte Foam ที่ช่วยส่งให้เราวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังมี Gel ตัวเก่งที่ช่วยรองรับแรงกระแทกในขณะใช้งานเช่นเคย สุดท้าย Outsole ด้านหน้าจะเป็นยาง AHAR ส่วนด้านหลังจะเป็นยาง AHAR+ ที่มีความหนาและทนทานมากกว่า วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มีผ้า Mesh แบบชิ้นเดียว และมีเทคโนโลยี Dynamic Duomax ด้านในรองเท้าช่วยซัพพอร์ตคนเท้าล้มให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 12 มม. ส้นเท้า 22 มม. น้ำหนักประมาณ 281 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่มีเท้าล้มหรือเท้าแบน Flat Feet หรือนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าที่มีการซัพพอร์ตสูง ใช้วิ่งได้ในทุกระยะตั้งแต่ มินิมาราธอนจนถึงระยะมาราธอน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/gt-2000-9

6. Asics Tartheredge 2 ราคาป้าย 4900 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Tartheredge 2 เป็นรองเท้าวิ่งหน้าเท้ากว้าง 2 E ที่เหมาะกับคนเอเชียโดยเฉพาะ โดยรองเท้ารุ่นนี้จะมี Upper เป็นผ้าตาข่ายแบบ Mesh ช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้ดีเป็นพิเศษ มีสัมผัสที่นุ่มสบายเท้า ลิ้นรองเท้าก็ความยืดหยุ่นและมีช่องระบายเช่นกัน รอบ ๆ ข้อเท้ามีการบุนุ่ม ส่วน Midsole เป็นเทคโนโลยี Flyte Foam Blast ที่สามารถช่วยลดแรงกระแทกและให้พลังงานส่งกลับคืนในขณะที่เราวิ่ง ส่วนสุดท้าย Outsole เป็นพื้นที่มีการลดน้ำหนักเพิ่มความยืดหยุ่นให้การยึดเกาะและทนทาน วางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มีเทคโนโลยี Flyte Foam Blast ที่ช่วยซัพพอร์ตและส่งคืนพลังงานให้กับนักวิ่ง มีหน้าเท้าขนาดกว้าง 2 E ทำให้สวมใส่ได้สบายเท้า รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 10 มม. ปลายเท้า 17 มม. ส้นเท้า 27 มม. น้ำหนักประมาณ 196 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่มีหน้าเท้ากว้างกว่าปกติ ใช้สำหรับวิ่งระยะทางไกล สามารถวิ่งได้ถึงระยะมาราธอน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/tartheredge-2

7. Asics Metaracer Tokyo ราคาป้าย 7500 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Metaracer Tokyo รองเท้ารุ่นพิเศษรุ่นแรกที่มีแผ่นคาร์บอนจากทางแบรนด์ โดยรองเท้าคู่นี้จะใช้ Upper ชั้นเดียวที่เน้นความเบาเป็นผ้า Hydroponic Engineered Mesh ที่ระบายอากาศได้ดี ส่วนบริเวณ Midsole เป็นเทคโนโลยีตัวเก่ง Flyte Foam รองรับแรกกระแทกได้ดีเยี่ยม มีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อช่วยในเรื่องความเร็ว และมีทรงรองเท้าที่เรียกว่า Guide Sole ที่มีความโค้งงอช่วยให้วิ่งได้อย่างลื่นไหล และบริเวณ Outsole เรียกว่า Asics Grip สามารถยึดเกาะได้ดีแม้พื้นที่เปียก วางจำหน่ายเมื่อกลางปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มีแผ่นคาร์บอนที่ช่วยในเรื่องความเร็วทำให้รองเท้าสามารถส่งแรงดีดไปข้างหน้าได้ดีขึ้น และมีทรงรองเท้า Guide Sole ที่ช่วยให้เราวิ่งได้เป็นธรรมชาติ รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 9 มม. ปลายเท้า 15 มม. ส้นเท้า 24 มม. หนักประมาณ 190 กรัม ถือว่าเบาพอสมควรเลย

เหมาะสมกับ

นักวิ่งสายทำความเร็ว นักวิ่งที่ชอบรองเท้าเบา ๆ ใช้ซ้อมใช้แข่งได้ในระยะตั้งแต่มินิมาราธอนจนไปถึงระยะมาราธอน

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/th-th/metaracer-tokyo

8. Asics Magic Speed ราคาป้าย 5500 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Magic Speed รองเท้ารุ่นใหม่สายทำความเร็วแบบก้าวยาว มี Upper เป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh น้ำหนักเบาระบายอากาศได้พอสมควร ส่วนบริเวณ Midsole เป็นเทคโนโลยี Flyte Foam Blast ที่ช่วยซัพพอร์ตลดแรงกระแทก ตอบสนองได้ดี มีทรงแบบ Guide Sole ทำให้เราไม่เมื่อยขณะวิ่ง อีกทั้งยังมีแผ่น Carbon Plate ใต้ฝ่าเท้าช่วยในเรื่องการดีดไปข้างหน้า และมี Outsole ที่ทำจากยาง AHAR ขึ้นชื่อในเรื่องความทนทานและช่วยยึดเกาะที่ดีเยี่ยม วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2021

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มี Carbon Plate แบบพิเศษช่วยให้เร่งความเร็วได้สูงสุด และทรงรองเท้า Guide Sole ที่ช่วยให้วิ่งได้อย่างสมูธและลื่นไหล รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 5 มม. ปลายเท้า 29 มม. ส้นเท้า 34 มม. มีน้ำหนักประมาณ 210 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่ต้องการซ้อมความเร็วในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Interval หรือ Tempo และนำไปใช้แข่งได้ในทุกระยะตั้งแต่มินิมาราธอนจนถึงระยะมาราธอน

ลิงค์ซื้อ

www.asics.com/th/th-th/magic-speed

9. Asics Novablast Tokyo ราคาป้าย 4900 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Novablast Tokyo อีกหนึ่งรองเท้าวิ่งรุ่นพิเศษที่ได้แรงบัลดาลใจมาจากเมืองหลวงของญี่ปุ่น โดยในรุ่นนี้จะใช้ Upper เป็นผ้าตาข่าย Engineered Mesh มีน้ำหนักเบา มีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดีจนรู้สึกเย็นสบายเท้า ลิ้นรองเท้ามีความบาง เชือกที่ให้มาเป็นแบบแบน ส่วนบริเวณ Midsole เป็นเทคโนโลยี Flyte Foam Blast ที่น้ำหนักเบาช่วยลดแรงกระแทก มีแรงส่งเหมือนอยู่บนแทรมโพลีน และมี Outsole เป็น AHAR+ ที่ทนทานสูงและช่วยยึดเกาะเป็นพิเศษ วางจำหน่ายเมื่อกลางปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

มีตัวอักษร 3D Tokyo อยู่ที่ข้างเท้าด้านนอก พื้นAHAR+ ที่ทนทานสูงเพิ่มขึ้นถึง 50% และช่วยยึดเกาะได้เป็นอย่างดี รองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. ปลายเท้า 21 มม. ส้นเท้า 21 มม. หนักประมาณ 220 กรัม

เหมาะสมกับ

นักวิ่งที่ต้องการรองเท้าใส่ซ้อมสบาย ๆ มีความซัพพอร์ตที่ดี มี Cushion แบบหนา ช่วยให้เราวิ่งได้สนุก ๆ อย่างไม่ต้องกังวลใจ

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/en-th/novablast-tokyo

10. Asics Glideride 2 ราคาป้าย 5900 บาท

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

Asics Glideride 2 เป็นรองเท้าสำหรับวิ่งไกลที่มีความไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง โดยรองเท้ารุ่นนี้จะมี Upper เป็น Monofilament Mesh ซึ่งเป็นผ้าที่นำเอาจุดเด่นของทั้ง ผ้า Mesh และผ้า Knit มารวมกัน ทำให้มันมีทั้งความกระชับ มีความเบาและระบายอากาศได้ดี ส่วน Midsole เป็น Flyte Foam Propel มีความนุ่มและแน่น ช่วยในเรื่องซัพพอร์ตเท้าของเรา และสุดท้าย Outsole ใช้เป็นยาง AHAR PLUS ช่วยในเรื่องการยึดเกาะและมีความคงทนมากกว่าเดิม วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2020

รองเท้า training asics รุ่นไหนดี

จุดเด่น

Upper แบบ Monofilament Mesh ที่ทั้งกระชับและระบายอากาศได้ยอดเยี่ยม ส่วน Midsole Flyte Foam Propel ของรุ่นนี้จะมีความหนามากกว่าเดิม 2 มม. ส่วนรองเท้ารุ่นนี้มี Drop อยู่ที่ 5 มม. ปลายเท้า 31 มม. ส้นเท้า 36 มม. น้ำหนักประมาณ 285 กรัม

เหมาะสมกับ

หนักวิ่งหน้าใหม่หรือนักวิ่งทั่ว ๆ ไปที่ต้องการรองเท้าสำหรับซ้อมวิ่งระยะไกล ๆ และมีการซัพพอร์ตที่ดี

ลิงค์สำหรับซื้อ

www.asics.com/th/en-th/glideride-2

จบไปแล้วสำหรับ 10 รองเท้าวิ่ง Asics ซึ่งจะมีทั้งรองเท้ารุ่นเก่าและรองเท้ารุ่นใหม่ แต่ทุกรุ่นที่รีวิวไปก็ยังเป็นที่นิยมและมีคุณภาพ เนื่องจากมีนักวิ่งหลาย ๆ คนนำมาใช้ฝึกซ้อมกันอยู่เป็นประจำ สำหรับใครที่งบน้อยก็ลองหาดูรุ่นเก่าที่ลดราคานำมาใช้กันไปก่อน ส่วนใครที่มีงบเยอะ ๆ ก็จัดรุ่นใหม่กันได้เลย และไม่ว่าเราจะซื้อรองเท้าวิ่งรุ่นไหนมา ก็ขอให้ใส่ออกไปวิ่งกันอย่างมีความสุขทุก ๆ คนนะ


แนะนำเกมส์ สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเยนต์