การออกกำลังกายด้วยการวิ่งยังไงก็ไม่ตกเทรนด์ แถมสาว ๆ สมัยนี้หันมารักสุขภาพ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายกันมากขึ้น และอย่างหนึ่งที่สำคัญในการวิ่งมาก ๆ เลยก็คือ รองเท้าวิ่ง นั่นเองค่ะ เพราะรองเท้าสำหรับวิ่งไม่ได้แค่ช่วยให้เราสบายเท้าขณะวิ่งเท่านั้น แต่มันยังช่วยพยุงข้อเท้าของเรา ลดการบาดเจ็บที่มักจะเกิดตอนวิ่งได้อีกด้วย รองเท้าวิ่งจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนที่ทุกคนควรหันมาใส่ใจเลือกซื้อและเลือกใส่อย่างถูกวิธีค่ะ Show
ความจริงแล้วรองเท้าวิ่งถูกผลิตกันมามากกว่า 200 ปีแล้วว
เริ่มแรกจากศตวรรษที่ 18 ชาวอังกฤษพยายามจะพัฒนาคิดค้นรองเท้าน้ำหนักเบาที่สามารถยึดเกาะพื้นดินได้ จนได้พัฒนากันมาเรื่อย ๆ และถ้าพูดถึงเรื่องการออกแบบรองเท้าวิ่งแล้วคนหนึ่งที่มีบทบาทสุด ๆ เลยคือ Adolf Dassler เค้าเริ่มออกแบบและผลิตรองเท้าวิ่งในปี 1920 ที่มีเอกลักษณ์ด้วยปุ่มแหลมด้านหน้ารองเท้า (Running Spikes) ทั้งสำหรับนักวิ่งระยะสั้นและระยะไกล จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก หลังจากนั้นรองเท้าวิ่งก็ถูกผลิตออกมามากมายไม่ว่าจะจากแบรนด์ Adidas (ชื่อ Adi Dassler ในอดีต), Puma, Onitsuka Tiger, ASICS, New
Balnce, Nike และตามมาด้วยแบรนด์ใหม่ ๆ อีกเยอะมากกกในปัจจุบัน Source : 1, 2 อย่างที่บอกค่ะว่าตอนนี้รองเท้าวิ่งถูกพัฒนาออกแบบทั้งคุณภาพและความสวยงามไปไกลแล้ว
ซึ่งรองเท้าวิ่งแต่รุ่นแต่ละคู่ต่างก็มีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันออกไปค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะเข้าไปซื้อรองเท้าวิ่งมั่ว ๆ ไม่ได้นะ ควรเลือกให้เหมาะกับการวิ่งของตัวเองและการใช้งานด้วย ทางที่ดีควรหาข้อมูลหรือสอบถามพนักงานร้านรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะก่อนซื้อ จะได้ไม่เสียเที่ยวค่ะ! ส่วนประกอบหลักของรองเท้าวิ่ง • Outsole เป็นส่วนของพื้นรองเท้าด้านล่างที่สัมผัสกับพื้น เลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับสภาพพื้นที่วิ่งเริ่มจากการเลือกรองเท้าวิ่งให้เหมาะกับพื้นที่เราจะวิ่งกันก่อนค่ะ มีทั้งแบบวิ่ง Indoor พื้นเรียบ ๆ วิ่งบน Trail พื้นดิน พื้นขรุขระสำหรับสาย Adventure ทั้งหลาย หรือว่ารองเท้าที่วิ่งได้ทั้งสองแบบก็มีค่ะ เราควรเลือกให้ดีเพราะถ้าเอารองเท้าวิ่ง Road มาใส่วิ่ง Trail หรือเอารองเท้า Trail มาใส่วิ่ง Road นอกจากจะวิ่งไม่ดีแล้ว ยังทำให้รองเท้าเราเสื่อมสภาพเร็วอีกด้วย 1. รองเท้าวิ่ง Road/Indoorมากันที่รองเท้าวิ่งแบบแรกกันก่อนเลยค่ะ คือรองเท้าวิ่งบน Road หรือ Indoor ใช้สำหรับวิ่งบนพื้นผิวเรียบอย่างพวกพื้นถนน พื้นสนาม พื้นยางในร่มต่าง ๆ เพราะพื้นแบบนี้ควรวิ่งด้วยรองเท้าแบบพื้นเรียบเช่นกันค่ะ คือจะไม่มีปุ่มอะไรมากมายบนพื้นรองเท้า เพื่อความสะดวกสบายต่อการวิ่งนั่นเอง รองเท้าวิ่ง Road มักจะมีพื้นหนา น้ำหนักเบา ใส่สบาย และรองรับแรงกระแทกได้ดี เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นคงของเท้าตอนที่ต้องวิ่งบนพื้นแข็ง Recommended Items • Puma Defy
Luxe Wn's 2. รองเท้าวิ่ง Trailต่อมาเป็นรองเท้าวิ่ง Trail ไว้สำหรับวิ่งบนพื้นขรุขระ หรือพื้นที่มี Texture เหมาะกับการลุยในเส้นทางที่เป็น หิน ดิน โคลน มีปุ่มนิดหน่อยเพื่อป้องกันการลื่นในการวิ่งบนพื้นหญ้าหรือพื้นที่เป็นดิน เน้นการเกาะพื้นถนนขรุขระ รวมถึงการปกป้องเท้า มีโครงสร้างรองเท้าแข็งแรงและพื้นของรองเท้าลักษณะนี้ค่อนข้างนิ่ม วัสดุของทั้งด้านนอกและด้านในจะช่วยปกป้องเท้าจากการเตะหิน รากไม้ และวัสดุที่ใช้จะเหนียวทนทานกว่ารองเท้าวิ่งถนนทั่วไปด้วย เพื่อลดการฉีกขาด รอยขูดขีดจากการวิ่งชนสิ่งกีดขวางต่าง ๆ Recommended Items • Altra Timp 1.5 W 3. รองเท้าวิ่ง Allterrainส่วนรองเท้าวิ่งแบบสุดท้ายคือ All Terrain ประเภทนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Trail และ Road/Indoor คือวิ่งได้ทั้งพื้นเรียบและพื้นขรุขระ คือเป็นรองเท้าวิ่งแบบลูกผสม คุณสมบัติจะกลาง ๆ เหมาะกับทั้งวิ่งพื้นเรียบและขรุขระ พื้นรองเท้าก็จะไม่ได้เรียบหรือเป็นปุ่ม ๆ ไปซะทีเดียวค่ะ Recommended Items • Adidas UltraBoost X All Terrain Tips สังเกตลักษณะของเท้าเวลาวิ่งในข้อนี้หลายๆคนอาจจะไม่ทันสังเกตแต่ในการวิ่งของแต่ละคนนั้น จะมีลักษณะในการย่ำเท้าหรือการเคลื่อนที่ของเท้าขณะวิ่งที่แตกต่างกัน เรียกว่า Pronation ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักได้ 4 ประเภทด้วยกัน คือ • Underpronation
เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล่จากบริเวณส้นเท้า >> ผ่านฝ่าเท้าด้านนอก >> ไปจนถึงปลายเท้า • Overpronation
เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล่จากบริเวณส้นเท้า >> ผ่านฝ่าเท้าด้านใน >> ไปจนถึงปลายเท้า • Neutral เป็นลักษณะการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักไล้จากส้นเท้า
>> ผ่านฝ่าเท้า >> ไปจนถึงปลายเท้า ประเภทของรองเท้าวิ่งเอาล่ะค่ะ! หลังจากที่เราได้สังเกตลักษณะการวิ่งของตัวเองกันไปแล้ว และได้รู้ว่าลักษณะการวิ่งของเราเนี่ยต้องใส่รองเท้าที่มีคุณสมบัติแบบไหน ลองมาดูแบบเจาะลึกไปอีกสเต็ปกันดีกว่าค่ะว่ามันมีลักษณะยังไง หรือจุดเด่นอะไรบ้าง! Cushioned Running Shoesมากันที่รองเท้าวิ่งแบบแรกกันค่ะ ประเภทนี้บอกก่อนเลยว่าเหมาะสำหรับคนที่มีลักษณะการวิ่งแบบ Neutral ซึ่งจะเป็นการวิ่งที่มีการกระแทกตรงบริเวณกลางฝ่าเท้า รองเท้าประเภทนี้เลยถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกที่จะเกิดบริเวณข้อเท้า และรองรับแรงกระแทกได้ดี ทั้งส่วนเท้า และส่วนโค้งของฝ่าเท้าด้วยค่ะ เหมาะกับ : คนฝ่าเท้าโค้งเว้า และฝ่าเท้าปกติ เป็นรองเท้าที่เน้นรองรับแรง Motion Control Running ShoesLeft : Adidas UltraBoost W, Right : Nike Air Max 270รองเท้าประเภทนี้เค้าออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกของการวิ่งลักษณะ Overpronation และชะลอการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อเท้าให้ช้าลง เป็นรองเท้าที่มีความทนทานสูงและมีน้ำหนักมากกว่าแบบอื่น รวมถึงถูกออกแบบมาให้ยึดข้อเท้าอย่างแข็งแรง และช่วยปรับข้อเท้าที่จะบิดเข้าด้านในเวลาวิ่งให้ตรงมากขึ้นอีกด้วยยย! เหมาะกับ : คนฝ่าเท้าแบน เป็นรองเท้าที่เน้นรับแรงกระแทก Lightweight Running Shoesต่อกันเลยกับรองเท้าวิ่งที่เน้นเรื่องน้ำหนักเบา
ๆ กันบ้างค่ะ โดยรองเท้าแบบนี้จะเหมาะมากสำหรับพวกนักวิ่งหรือคนที่วิ่งแบบเน้นด้านความเร็ว เพราะเค้าจะมีน้ำหนักเบาและมีคุณสมบัติคล้าย ๆ กับรองเท้าวิ่ง Stability ในเรื่องของการดูดซับแรงกระแทก แต่อาจจะไม่นุ่มนิ่มเท่ารองเท้าวิ่งแบบ Cushioned นะคะ เหมาะกับ : นักวิ่งมาราธอน คนที่เน้นความเร็วเป็นหลัก Stability Running ShoesAdidas UltraBoost Laceless Wสุดท้ายยย! จะเป็นรองเท้าวิ่งที่ถูกออกแบบมาด้วยคุณสมบัติที่ผสมผสานระหว่างรองเท้าวิ่งประเภท Motion Control และประเภท Cushioned ค่ะ คือจะมีคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทกและมีความทนทานสุด ๆ อีกอย่างคือรองเท้าประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในด้านโค้งของฝ่าเท้าตอนที่วิ่ง เพราะส่วนนี้จะเป็นส่วนที่รับแรงกระแทกมากที่สุดค่ะ เหมาะกับ : คนฝ่าเท้าปกติ เป็นรองเท้าที่เน้นรับแรงกระแทก วิธีดูแลรักษารองเท้าวิ่งหลังจากที่เราเลือกซื้อรองเท้าวิ่งมาใช้งานแล้ว
การดูแลรักษารองเท้าก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ เพราะถ้าเราดูแลรักษาไม่ดีรองเท้าอาจจะเสื่อมสภาพหรือพังได้ในเวลาไม่นาน เพราะฉะนั้นเรามาดูกันค่ะว่า Tips ดูแลรองเท้าวิ่งมีอะไรที่สำคัญ ๆ กันบ้าง • ห้ามถอดรองเท้าโดยการเหยียบส้นรองเท้าโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ส้นรองเท้าเสียหายและผิดรูปทรงได้ แนะนำ 5 รองเท้าวิ่งน่าซื้อ!Adidas UltraBoost 4.0 W
ราคา : 6,500 บาท Nike Epic React Flyknit
ราคา
: 5,500 บาท On Cloudventure Wคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่ง Trail ที่ถูกแนะนำใน Runner's World 2016 Fall Trail Shoe Guide เชียวนะ! รองเท้าวิ่งจากแบรนด์ On Running ที่เค้าพัฒนาจากการวิ่งทดสอบในเทือกเขาเอลป์ มีพื้นรองเท้าแบบ Grip ที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่ง Trail โดยเฉพาะเลยค่ะ
ได้ทั้งความมั่นใจและความเร็วในการวิ่ง เป็นรองเท้าสำหรับวิ่งที่นักวิ่งตัวจริงต้องมีนะ! ราคา : 6,500 บาท Nike Air Zoom Pegasus 35
ราคา : 5,100 บาท Nike Air Max 270
ราคา : 5,500 บาท สาว ๆ คนไหนอยากลองเลือกซื้อรองเท้าวิ่งคู่แรกสักคู่ ลองตามไปดูกันได้ที่ร้านรองเท้า Ari Running Concept Store และ JD Sports กันได้เลยนะคะ เค้ามีรองเท้าวิ่งหลายแบบ หลายประเภทให้เลือกชอปกัน แถมมีพนักงานที่มีความรู้และคอยให้คำปรึกษาได้อย่างละเอียดเลยด้วย! ขอขอบคุณรองเท้าวิ่งจากร้าน Ari Running Concept Store ขอขอบคุณรองเท้าวิ่งจากร้าน JD Sports รองเท้า Training นิ่ง ต่างจาก Running ยังไงรองเท้าเทรนนิ่ง (Training Shoes, X-Training Shoes) เป็นรองเท้าที่เน้นการออกกำลังกายอยู่กับที่หรือไม่ได้เคลื่อนไหวกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง รองเท้าเทรนนิ่งเป็นรองเท้าที่ต่างจากรองเท้าวิ่ง พื้นเท้าและส้นจะไม่หนาและนุ่มนิ่มเหมือนรองเท้าวิ่งหรือรองเท้าผ้าใบทั่วไป พื้นเท้าจะแข็งและช่วยให้ผู้ฝึกซ้อมเวทเทรนนิ่งคุมบาลานซ์ในท่า ...
รองเท้าเทรนนิ่งใส่วิ่งได้ไหมอย่างไรก็ตามการใช้รองเท้า Running Shoes อาจจะนำมาใช้ Training ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้รองเท้า Training Shoes มาวิ่ง เพราะจะได้รับแรงกระแทกจะหัวเข่าที่ค่อนข้างสูง และอาจเกิดการบาดเจ็บเรื้อรังในที่สุด 1.
รองเท้าวิ่งกับรองเท้าเดินต่างกันยังไงการลดแรงกระแทก ความยืดหยุ่น และน้ำหนัก
โดยทั่วไปแล้ว รองเท้าวิ่งจะมีน้ำหนักเบากว่ารองเท้าเดินทั่วไป เนื่องจากการออกกำลังกายจะมีการขยับร่างกายที่รวดเร็วไปพร้อมๆ กับการยกเท้า ขณะที่รองเท้าเดินทั่วไปจะมีน้ำหนักมากกว่าและโครงสร้างรองเท้าที่แข็งเพื่อความมั่นคงสำหรับการเดินในแต่ละก้าว
วิ่งออกกำลังกายใส่รองเท้าอะไรคุณสมบัติของรองเท้าวิ่ง
รองเท้าวิ่งที่ดีควรมีลักษณะส้นที่หนาและปลายรองเท้าบาง เพราะส้นที่หนาจะเป็นตัวรับแรกกระแทก และยังช่วงชะลอให้แรงกระแทกส่งผ่านสู่ร่างกายช้าลง ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากแรงกระแทก
|