‘ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21’ หรือ ‘21st-Century Skill’ เป็นคำที่ยิ่งนาน คนยิ่งพูดถึงบ่อยขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะเรากำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษใหม่ แต่เป็นเพราะ สิ่งที่ห้องเรียนให้กับเราในศตวรรษที่ผ่านมาไม่เพียงพออีกต่อไป Show พวกเราหลายๆคนคงไม่ต่างจากผมที่โตมาพร้อมกับห้องเรียนยุคเก่า ห้องเรียนที่มีครูอยู่หน้าห้องพร้อมสไลด์หรือแผ่นใส นักเรียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ บรรยากาศเงียบกริบ ครูพูด นักเรียนมีหน้าที่คือฟัง ใครพูดแทรกถือว่าไม่เคารพ หลายๆคนน่าจะคุ้นชินกับภาพแบบนี้ ภาพของ ‘ห้องเรียนแม่พิมพ์’ ที่ผลิตนักเรียนพิมพ์เดียวกันออกมาเป็นพันๆหมื่นๆคน ให้มีความรู้เหมือนๆกันตามที่โลกต้องการ โลกแห่งยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม! เราเคยเชื่อว่าการนั่งฟังในห้องเรียนเฉยๆจะเพียงพอ และทำให้เราพร้อมจะออกไปเผชิญโลก เราเคยเชื่อว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว! แต่ในตอนนี้.. ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ โลกในซีรีย์ sci-fi มันมาเร็วกว่าที่คิด!
โลกปัจจุบันไม่ได้ต้องการเด็กที่ถูกปั๊มออกมาเหมือนๆกันทุกคนจากแม่พิมพ์เดียวกันอีกต่อไป เรากำลังผลัดเปลี่ยนจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเดิม เข้าสู่ ‘โลกยุคดิจิตอล’ อย่างเต็มรูปแบบ และโลกไม่ได้ค่อยๆกำลังเปลี่ยนนะ มันจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนสะบัดคนที่ตามไม่ทันหลุดออกไปหมดเลยทีเดียวหละ! ลองนึกภาพโลกที่แรงงานถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์และเครื่องจักร และปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำหน้าขึ้นเรื่อยๆจนคิดแทนคนได้ เมื่อวันนั้นมาถึงจริง แล้วจะเหลือที่ยืนตรงไหนให้กับสมรรถภาพของมนุษย์ ในเมื่อหุ่นยนต์ก็ทำได้เหมือนกัน ได้มาตรฐานเดียวกันหมด แถมถูกกว่าด้วย ไม่ใช่แค่นั้น.. จากการวิจัยของ World Economic Forum (WEF) พบว่าจริงๆแล้วทักษะที่จำเป็นอย่างมากในศตวรรษที่ 21 ที่เพิ่มเติมออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับโลกยุคเก่าก็คือ ‘ทักษะการเข้าสังคมและอารมณ์ (Social & Emotional Skills)’ นั่นเอง โดยข้อมูลนี้เกิดจากผลการวิเคราะห์ trend ของอาชีพต่างๆในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา และพบว่า อาชีพที่ต้องใช้ social skill มีจำนวนขึ้นเช่นเดียวกับความต้องการมากขึ้น ในขณะที่อาชีพที่ไม่ใช้ social skill หรือใช้น้อยนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ผลการวิจัยยังบอกอีกว่า 65% ของเด็กที่เรียนอยู่ในตอนนี้จะต้องทำงานในอาชีพที่ปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น พูดง่ายๆก็คือโลกหมุนเร็วมากจนทำให้..
เด็กยุคใหม่จะต้องถูกเปลี่ยนบทบาทจากพิมพ์เดิมๆที่ถูกสร้างขึ้นมาเติมตลาดแรงงานเดิมๆที่ทำสิ่งซ้ำๆในกรอบเดิมๆ ให้กลายเป็นบทบาทของผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และผู้สร้างนวัตกรรมที่หุ่นยนต์แทนที่ไม่ได้ให้ได้ เพราะอาชีพที่จะหายไปก่อนคืออาชีพที่ไม่ใช้ความซับซ้อนในการวิเคราะห์และตัดสินใจ และเป็นการทำซ้ำ ความซับซ้อนของโลกยุคใหม่จะหมุนความท้าทายต่างๆที่ไม่ซ้ำแบบ มาให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหา จากปัญหาเดิมๆจะกลายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและ sensitive มากขึ้น ความสามารถที่เด็กยุคใหม่ต้องมีจึงไม่ใช่การทำงานเดิมหรือคิดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ (routine work) อีกต่อไป 21st-Century Skill คืออะไร? และมีอะไรบ้าง?ถ้าจะแปลกันให้ตรงตัว 21st-Century Skill ก็คือ ‘ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21’ ซึ่งมันก็คือ ทักษะต่างๆที่เด็กหนึ่งคนควรจะต้องมีเพื่อใช้ชีวิตอยู่ ‘ให้รอด’ เมื่อเกิดและเติบโตมาในโลกยุคนี้นั่นเอง องค์กร World Economic Forum (WEF) ทำการสำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งแนวโน้มของเทคโนโลยีในองค์กรใหญ่ๆทั่วโลก ผลการศึกษาได้สรุปทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skill) ออกมาเป็น 16 ทักษะ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ Ref. (1) — Fostering Social and Emotional Learning through Technology, World Economic Forum March 2016
โดย 6 ทักษะในกลุ่มที่ 1 นั้นคือ ‘ทักษะเฉพาะทางขั้นพื้นฐาน’ (Literacies) ในบริบทต่างๆที่เจอได้ทั่วไปในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ส่วนอีก 10 ทักษะในกลุ่มที่ 2 และ 3 นั้นเป็นกลุ่มทักษะที่เกี่ยวข้องกับ ‘ทักษะการเข้าสังคมและอารมณ์’ (Social & Emotional Learning) โดยตรง และนับเป็นกลุ่มทักษะที่กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามผลการวิจัยตลาดแรงงานของ WEF ที่ได้พูดถึงไปข้างต้น เมื่อเด็กคนหนึ่งมีทักษะครบทั้ง 16 อย่างที่ทำงานสอดคล้องกัน จะสามารถใช้ชีวิตอยู่รอดบนโลกในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าสภาพแวดล้อมหรือสังคมจะเปลี่ยนไปรวดเร็วแค่ไหน และไม่ว่าจะเจอความท้าทายในชีวิตมากน้อยเพียงใดก็ตาม ทักษะเหล่านี้จะทำให้เด็กคนหนึ่งสามารถเรียนรู้ตลอดเวลาได้ ซึ่ง WEF เรียกว่า ‘Lifelong Learning’ หรือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ไม่ได้จบแค่ตอนเราเป็นนักเรียนในห้องเรียน เราจะสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้ยังไงบ้าง?ขึ้นชื่อว่า ‘ทักษะ’ แน่นอนว่าไม่สามารถสร้างกันได้ง่ายๆผ่านการนั่ง lecture อย่างแน่นอน เพราะ ‘ทักษะ’ ไม่ใช่ ‘ความรู้’ จึงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างโดยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องผ่านการลงมือทำจริง ด้วยเหตุนี้เองวิธีการเรียนการสอนในห้องเรียนแบบเก่าที่มีครูเป็นคนสอนอยู่ฝ่ายเดียว จึงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป บทบาทของครูที่เป็น ‘ผู้ถ่ายทอดความรู้’ (Lecturer) จึงต้องถูกเปลี่ยนเป็น ‘ผู้สร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้’ (Facilitator) โดยหน้าที่ของครูนั้นจะไม่ใช่การแค่มาสอนหน้าห้องอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องใช้กระบวนการที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนผ่านการลงมือทำจริง โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำและแนะแนวทางแทน สิ่งที่น่าสนใจของทักษะเหล่านี้ก็คือ ควรสร้างให้เด็กตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี หากเริ่มได้ตั้งแต่เด็กเล็กยิ่งได้เปรียบและสร้างได้ถาวรกว่า ส่วนเด็กโตนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องสอนชดเชย และขาดไม่ได้เช่นกัน WEF ได้ทำการวิเคราะห์ต่อด้วยว่า จะต้องเป็น กระบวนการ หรือ สื่อการเรียนการสอนแบบไหน ถึงจะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการสร้าง social & emotional skill ที่นำไปสู่ทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยตรงได้ ผลที่ได้ออกมาชี้ว่ากระบวนการที่มีรูปแบบ (features) 3 รูปแบบหลักๆ ต่อไปนี้ เป็นรูปแบบที่จะใช้ได้ผลดี credit icon from flaticon.com
ขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ของทีม BASE Playhouseของเราที่ใช้หลักของ Gamification, Game-based learning และ Instructional Design ในการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ให้สามารถตอบโจทย์ ทั้ง 3 รูปแบบของกระบวนการที่กล่าวมาได้ครบ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างครบถ้วน ผมขอยกตัวอย่าง Case Study ของ BASE Playhouse ดังต่อไปนี้ Gamification และ Game-Based Learningการกระตุ้นพฤติกรรมการเรียนรู้ผ่านกลไกของเกม (Gamification) และการใช้เกมเป็นสื่อการสอน (Game-Based Learning) เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เกิดรูปแบบกระบวนการแบบที่ 1, 2 และ 3 ข้างต้นได้เป็นอย่างดี และเป็นวิธีที่ BASE Playhouse ใช้เป็นหลัก เพราะโดยธรรมชาติของตัวกลไกเกม (Game Mechanics) นั้นประกอบไปด้วย Interaction ระหว่างผู้เล่นเพื่อให้เกมเดินไปได้ รวมทั้ง feedback จากการตัดสินใจที่แตกต่างกันของผู้เล่นในตัวอยู่แล้ว จึงสามารถตอบโจทย์ทุกรูปแบบกระบวนการในการสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้เป็นอย่างดี รูปแบบของเกม ที่ใช้นั้นสามารถอยู่ในลักษณะของเวิร์คชอปต่างๆที่เอื้อให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน และเกิดการเข้าใจถึงผลลัพธ์ของการกระทำหรือการตัดสินใจของผู้เรียนได้ในทันที บรรยากาศการเรียนรู้ควรมีความสนุก เพื่อเอื้อต่อประสบการณ์การเรียนรู้เชิงบวก เหมือนกับภาพบรรยากาศ Game-based learning ของ BASE Playhouse Simulation Game (เกมจำลองเสมือนจริง )การจำลองสถานการณ์ให้เกิดการลงมือทำจริงได้มากขึ้น และสามารถย่นย่อประสบการณ์และสภาพแวดล้อมของสถานการณ์ที่อาจใช้ทั้ง เวลาเป็นปีๆ และ ต้นทุนมหาศาล ในการไปเจอเอง (พูดง่ายๆก็คือ ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน) ให้ลงมาอยู่ใน Control Space ที่เด็กสามารถเจอได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ BASE เชื่อมั่นมาโดยตลอด และได้รับฟีดแบคที่ดีจากผู้เรียนทุกครั้ง ว่าเกิดการเรียนรู้ได้จริงทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติ Business Simulation Game ของ BASE Playhouse เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อจำลองสถานการณ์ในการบริหารธุรกิจจริงๆ ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เด็กได้ลองสวมหมวกเป็นผู้บริหาร โดยใช้ Story-telling ในการเล่าเรื่อง ผู้เรียนจะได้ตัดสินใจจริงๆ เห็นผลจริงๆเดี๋ยวนั้น เล่นจริง เจ็บจริง แต่ไม่เสี่ยง ซึ่งในกระบวนการเหล่านี้เองผู้เรียนจะผ่านรูปแบบของกระบวนการทั้งสามอย่างโดยไม่รู้ตัว (Structure of Interactions, Elements of Play, Assessment and Reinforcement) ซึ่งสามารถสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้ Business Simulation Game (เกมจำลองธุรกิจเสมือนจริง) ของ BASE Playhouseอีกหนึ่งตัวอย่างคือ Team Role-Play Simulation Game ของ BASE Playhouse ในหลักสูตร Leadership & Teamwork ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้สร้างทีมเพื่อพิชิตภารกิจร่วมกัน ด้วยกลไกของเกมนั้นจะขับเคลื่อนให้เกิดรูปแบบของกระบวนการที่จำเป็นในการสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 เช่นกัน การใช้ Coach และ Facilitatorเนื่องจากแก่นสำคัญของ ทักษะศตวรรษที่ 21 คือการเข้าสังคมและการจัดการอารมณ์ วิธีการที่สามารถสร้างทักษะนี้ได้คือการใช้ Coach และ Facilitator ที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการวิเคราะห์การตัดสินใจและการลงมือทำของผู้เรียน และให้ real-time feedback กับผู้เรียนไปปรับใช้ได้เดี๋ยวนั้น ซึ่งก็คือการสร้าง Assessment & Feedback ตามรูปแบบที่ 3 ของกระบวนการสร้างทักษะในศตวรรษที่ 21 นั่นเอง ทีม Coach และ Facilitator นั้นควรได้รับการฝึกฝนและอบรมเฉพาะทาง เพื่อให้เข้าใจถึงเป้าหมายการเรียนรู้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้การให้ feedback นั้นเป็นไปในทางเดียวกันและตอบเป้าหมายของการเรียนรู้ได้ตรงจุด เช่น ทีม Coach และ Facilitator ของ BASE Playhouse นั้นจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนั้นโดยตรง อีกทั้งต้องผ่านการอบรมในการให้ Feedback ตามหลักจิตวิทยาเบื้องต้นมาก่อน โดยทีม Coach และ Facilitator ที่ดีนั้นจะต้องเข้าถึงผู้เรียนอย่างทั่วถึง เพื่อช่วย Guide และเอื้อให้กลุ่มผู้เรียนสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ บรรยากาศการลงกลุ่มย่อยของ Coach และ Facilitator ทีม BASE Playhouseในบทความนี้ ผมขอแชร์หลักสูตรของ BASE Playhouse ที่ชื่อว่า BASE 21st Century Skills Series ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ 21st Century Skill โดยใช้กระบวนการออกแบบหลักสูตรทั้งหมดขึ้นมาใหม่ให้สามารถสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ได้โดยเฉพาะ BASE Playhouse จึงนับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ Education Solution ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่พยายามสร้างขึ้นเพื่อที่จะสร้างให้เด็กยุคใหม่นั้นก้าวทันโลก และสามารถใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเต็มภาคภูมินั่นเอง สามารถอ่านรายละเอียดของแต่ละทักษะได้ที่ บทความในซีรีย์ต่อเนื่องจาก 21st-Century Skill : ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ของ BASE Playhouse ซึ่งตอนนี้มีแล้ว 5 บทความ ได้แก่ สิ่งที่การศึกษาไทยต้องเปลี่ยนมีอะไรบ้าง?เมื่อเราได้ทำความรู้จัก ทักษะในศตวรรษที่ 21 กันไปแล้ว คำถามสำคัญก็คือ แล้วไงต่อ? การศึกษาของไทยจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง? หรือ ภาพไหนกันที่เราควรจะต้องเห็นภายในไม่กี่ปีข้างหน้า? สำหรับ.. ตัวเด็กเอง สำหรับ.. คุณพ่อคุณแม่ สำหรับ.. ครู สำหรับ.. โรงเรียนและหลักสูตร สุดท้ายนี้.. ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคนที่สนใจในทักษะในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนการเรียนการสอนแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ครู ผู้บริหารสถานศึกษา หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยากจะเปลี่ยนการศึกษาไทยไปด้วยกัน ผมเชื่อว่าการศึกษาไทยต้องถูกเปลี่ยน แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจึงจะเปลี่ยนได้!
เด็กไทยเราเก่งครับ! ผมเชื่อแบบนั้นมาโดยตลอด มาช่วยกันเตรียมความพร้อมให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ไปพร้อมๆกันนะครับ! ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 มีอะไรบ้างทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skill)
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา (Critical Thinking / Problem – Solving) ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creativity) ทักษะการสื่อสาร (Communication) ทักษะการทำงานเป็นทีม (Collaboration)
พลเมืองในศตวรรษที่ 21 ควรมีลักษณะอย่างไรพลเมืองดิจิทัลนั้นควรมีทักษะและความรู้ด้านดิจิทัลหลายด้านที่ช่วยให้การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ทักษะความรู้ด้านสารสนเทศ และอื่นๆ ที่จะช่วยให้ใช้สื่อทางโลกดิจิทัลอย่างเข้าใจและรู้เท่าทันในการค้นหาข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ
มนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑ เรียนรู้อย่างไรทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การเรียนรู้ 3R x 7C. 3R คือ Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได้), และ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น) 7C ได้แก่ Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
โลกในศตวรรษที่ 21 มีลักษณะเป็นอย่างไรโลกในศตวรรษที่ 21 ถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีความ แตกต่างจากศตวรรษที่19 และ 20 อย่างสิ้นเชิง เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมในอดีต ได้ถูกแทนที่ด้วยเศรษฐกิจและบริการ ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ความรู้และนวัตกรรม และไม่ว่าจะหันไปทางใด ก็จะเห็นการนาเทคโนโลยีไปใช้ในการเพิ่มผลผลิต แทนการใช้ ...
|