10. “จากการศกึ ษาผลของความเขม้ ข้นของฮอร์โมนชนิดหน่งึ ท่ีมผี ลต่อการงอกของกิ่งชามะลิ” ตัวแปรต้นคอื ขอ้ ใด ก. ความเขม้ ข้นของฮอรโ์ มน ใบความรทู้ ่ี 4 รายวิชา พว11001 วิทยาศาสตร์ ประเภทโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๆ ตวั อยา่ งโครงงาน เช่น การทายากันยุงจากพืชในท้องถิ่น การใชม้ ูลวัวปอ้ งกนั ววั กนิ ใบพืช การบังคับผลแตงโมเป็น 2. โครงงานวิทยาศาสตรป์ ระเภทการสารวจ หรอื นามาศึกษาในห้องปฏิบัติการ ตัวอยา่ งโครงงานประเภทน้ี เชน่ การสารวจพชื พันธุ์ไม้ในโรงเรียนในท้องถิ่น การ 3. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภทสง่ิ ประดิษฐ์ โครงงานประเภทนี้เป็นการประดิษฐ์ส่ิงใดสิ่งหน่ึง เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ หรืออุปกรณ์เพ่ือใช้สอยต่าง ๆ 4. โครงงานวทิ ยาศาสตรป์ ระเภททฤษฎี ขอ้ เทจ็ จรงิ และแนวความคิดตา่ ง ๆ อย่างลกึ ซ้งึ แลว้ เสนอเปน็ หลกั การ แนวความคิดใหม่ กฎ หรือทฤษฎีใหม่ หัวข้อโครงงานมักจะได้จากข้อมูล ดงั ตอ่ ไปนี้ ลาดับขนั้ ตอนในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ศกึ ษาขอ้ มูลทเี่ กย่ี วข้องกับเร่อื งทจี่ ะทาเอกสารและแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ วางแผนทดลอง การใช้วสั ดุอุปกรณ์ และระยะเวลาในการดาเนินงาน เขยี นเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ลงมอื ศึกษาทดลอง วเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรุปผล เขยี นรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ เสนอผลงานของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงาน ควรใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย กะทัดรัด ตรงไปตรงมา และการเขียนรายงาน หัวเร่ืองในการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตรม์ ี ดังน้ี 8.1 วสั ดอุ ุปกรณ์ 4. การนาเสนอโครงงาน หลายรปู แบบ เชน่ การแสดงในรูปนิทรรศการ หรือในรปู ของการรายงานปากเปล่า แต่ไม่ว่าจะแสดงผลงานรูปแบบ 1. ช่ือโครงงาน ชือ่ ผทู้ าโครงงาน ช่ือทปี่ รกึ ษา 2. คาอธบิ ายถึงเหตจุ ูงใจในการทาโครงงาน และความสาคัญของโครงงาน นอกจากนแ้ี ลว้ ยังต้องคานงึ ถึงสง่ิ ตา่ ง ๆ ต่อไปน้ี ในกรณีที่จัดแสดงผลงานดว้ ยปากเปลา่ จะตอ้ งคานึงถงึ เร่อื งต่อไปนี้ ตวั อย่างโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงานวิทยาศาสตร์ จัดทาโดย เลขท่ี 32 ครทู ปี่ รกึ ษาการจัดทาโครงงาน โรงเรยี นภูเขียว กิตติกรรมประกาศ คณะผจู้ ดั ทา บทที่ 1 ประชาชนส่วนใหญ่นิยมด่ืมน้าผลไม้เพื่อคลายร้อนและดับกระหาย บางครั้งก็นานาผลไม้มาแปรรูปซ่ึงเป็น 1. เพ่ือศึกษาหาระดบั ค่าความเปน็ กรดของน้าผลไม้เมื่อนามาผสมกัน ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม บทท่ี 2 สม้ ส้ม เปน็ ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ตน้ ขนาดเล็กหลายชนิดในสกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีด้วยกนั นบั รอ้ ยชนิด มะนาว วงศ์ Rutaceae มะนาว (องั กฤษ: lime) เปน็ ไม้ผลชนดิ หน่ึง ผลมรี สเปรย้ี วจดั จดั อยู่ในสกุล สม้ (Citrus) ผลสีเขยี ว เมอ่ื สุก สบั ปะรด การจาแนกชัน้ ทางวิทยาศาสตร์ อาณาจักร Plantae สว่ น พชื ดอก Magnoliophyta ส่วนไมจ่ ดั อันดับ Angiosperms ชน้ั ไม่จัดอันดบั Monocots ชน้ั พืชใบเล้ียงเด่ยี ว Liliopsida อันดับไมจ่ ดั อนั ดบั Commelinids อันดับ Poales วงศ์ Bromeliaceae วงศ์ย่อย Bromelioideae สบั ปะรด (ชื่อทางวทิ ยาศาตร์: Ananas comosus) เป็นพืชลม้ ลกุ ชนดิ หนึ่ง ลาต้นมขี นาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกก็สามารถปลูกได้ง่ายโดยการใช้หน่อหรือที่เปน็ สว่ นยอดของผลทีเ่ รียก วา่ จุก มาฝงั กลบ ดนิ ไว้ และออกเป็นผล เปลือกของผลสบั ปะรดภายนอกมีลักษณะคลา้ ยตาล้อมรอบผล บทที่ 3 2.3 ชามใบเล็ก 2 ใบ ขนั้ ตอนและวิธีการดาเนินงาน ขั้นตอนการทดลอง กระดาษลิตมสั ค่านอ้ ย ตอนท่ี 2 ศกึ ษาหาความสามารถในการกัดกร่อนและขจดั คราบสกปรกบนเหรยี ญ เม่ือนาเกลือละลายน้าผสม 2.1 ใหน้ าเกลือละลายน้าทไ่ี ด้ไปผสมกับนา้ ผลไม้ในตอนท่ี1 ในปรมิ าณ 1 ชอ้ นโตะ๊ บทท่ี 4 ผลการทดลอง น้าผลไม้ทน่ี ามาผสมกัน ระดบั ค่า pH ทีไ่ ด้ ตอนท่ี 2 ความสามารถในการกัดกร่อนและขจดั คราบสกปรกบนเหรยี ญเมื่อนานา้ น้าเกลือละลายนา้ ผสมลงไป บทที่ 5 จากผลการทดลองสรุปได้ ดงั นี้ แสดงว่าเมื่อนาน้ามะนาวมาผสมกับน้าสับปะรดจะพบว่าค่าความเป็นกรดสูงกว่า น้ามะนาวผสมกับน้าส้ม ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รับจากการทดลอง ข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม _____ . หนังสอื เรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์เพมิ่ เติม เล่ม 4 (เคมี ). กรงุ เทพ: 2550 เค้าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. ช่ือโครงงาน............................................................................................................................. ............................ |