การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีควรปฏิบัติตนอย่างไร

คุณสมบัติที่ดีของชาวพุทธ

การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีควรปฏิบัติตนอย่างไร


คุณสมบัติของชาวพุทธที่ถือกันเป็นหลักสำคัญทั่วไปมี 5 ประการ คือ

          1. มีศรัทธามั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่ออย่างมีเหตุผลอย่างมงาย

          2. มีศีล คือ มีความประพฤติดีงาม สุจริต ตั้งอยู่ในศีล 5 เป็นอย่างน้อย

          3. ไม่ตื่นข่าวมงคล หวังผลจากกรรม (การกระทำ) ไม่หวังผลจากมงคล

          4. ไม่แสวงหาหลักคำสอนที่นอกพระพุทธศาสนา

          5. เอาใจใส่ ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมพระพุทธศานา 

คุณสมบัติที่ดีของชาวพุทธ


การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีควรปฏิบัติตนอย่างไร

คุณสมบัติของชาวพุทธที่ถือกันเป็นหลักสำคัญทั่วไปมี 5 ประการ คือ

      1. มีศรัทธามั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่ออย่างมีเหตุผลอย่างมงาย

      2. มีศีล คือ มีความประพฤติดีงาม สุจริต ตั้งอยู่ในศีล 5 เป็นอย่างน้อย

      3. ไม่ตื่นข่าวมงคล หวังผลจากกรรม (การกระทำ) ไม่หวังผลจากมงคล

      4. ไม่แสวงหาหลักคำสอนที่นอกพระพุทธศาสนา

      5. เอาใจใส่ ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมพระพุทธศานา


๒. ปฏิบัติตามหลักธรรมและพิธีกรรมทางศาสนา การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องมีความรู้ เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนเท่านั้น แต่จะต้องปฏิบัติตน ตามหลักธรรมคำสอนได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสงบสุข ส่วนการปฏิบัติตนตามพิธีกรรมทางศาสนานั้น จะช่วยส่งเสริมให้จิตใจของผู้ปฏิบัติ เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และมีแนวทางในการปฏิบัติ โดยเข้าใจจุดมุ่งหมายของพิธีกรรมต่างๆ อย่างถ่องแท้ การปฏิบัติตามพิธีกรรมดังกล่าว จึงช่วยเสริมให้สามารถปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนได้ง่ายขึ้น

๓. เผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้ผู้อื่นรู้และเข้าใจหลักคำสอนของศาสนาให้ถูกต้อง แต่ก่อนจะเป็นผู้ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ พุทธศาสนิกชนผู้นั้นจะต้องปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกที่ดีเสียก่อน ผลจากการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีจะทำให้จิตใจสงบ หน้าตาแจ่มใส ใครพบเห็นก็สรรเสริญยกย่อง และทำให้ผู้อื่นชื่นชมว่า การที่เป็นคนดีนั้น เป็นผลมาจากการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีนั่นเอง ก็เท่ากับเป็นการเผยแผ่คุณความดีของพระพุทธศาสนา ให้แผ่กระจายออกไป

๔. ปกป้องพระศาสนา กระทำได้โดยการรักษาและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคง ซึ่งสามารถทำได้โดยมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างจริงใจ ปฏิบัติตามคำสอนอย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด โดยพยายามให้คนทั่วไปเข้าใจ และทราบว่า แก่นแท้ของศาสนาอยู่ตรงไหน

การปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนนั้น เนื่องจากเราแบ่งพุทธศาสนิกชนออกไว้เป็น ๒ กลุ่มใหญ่ๆ คือฝ่ายนักบวชและฝ่ายที่ครองเรือน หรือแแบ่งเป็นพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งในปัจจุบันนี้ ภิกษุณีหมดไป ซึ่งก็หมายความว่า สามเณรีและนางสิกขมานาก็หมดไปด้วย พุทธบริษัทในปัจจุบันจึงมีภิกษุ สามเณร กับ อุบาสก อุบาสิกา หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติของบุคคลทั้ง ๒ ฝ่ายใหญ่ๆ นั้น จึงแตกต่างกันไปตามสมควรแก่ฐานะ แต่เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว ก็จะพบว่า  พุทธบริษัทจะต้องปฏิบัติให้มั่นคงอยู่ใน ๕ ประการ คือ

    ๑. พยายามศึกษาเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจในศาสนธรรม คือ คำสั่งและคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า และของพุทธศาสนา ให้เต็มความสามารถของตน

    ๒. พยายามปฏิบัติให้เหมาะสมแก่เพศ แก่ฐานะของตน ตามที่พระพุทธเข้าได้ทรงแสดงไว้ เช่่น ผู้ที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา จะต้องมีศรัทธา คือความเชื่อมั่นในคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ดี ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จมา เสด็จอยู่ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นสารถีผู้ฝึกคนและสัตว์อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครจะยิ่งไปกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้มีโชค เป็นผู้จำแนกธรรม เชือมั่นในกฎของกรรม ในผลของกรรม และในการที่สัตว์เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆตน

    เป็นผู้มีศีลตามสมควรแก่ฐานะโอกาส มีศีล ๕ ประการ คือ

     งดเว้นจากการเบียดเบียนประทุษร้ายร่างกายของกันและกัน

     งดเว้นจากการประทุษร้ายทรัพย์สินของบุคคลอื่น

     เว้นจากการประทุษร้ายในคู่ครองของบุคคลอื่น

     งดเว้นจากการพูดเท็จ ทำลายผลประโยชน์ของบุคคลอื่น

     งดเว้นจาการดื่ม การสูบ การเสพ การฉีด สิ่งที่ทำให้ผู้ดื่ม ผู้เสพ ผู้ฉีดให้มึนเมา ตั้งอยู่ในความประมาท

และข้อปฏิบัติเหล่านี้ จะต้องพิสูจน์ได้ด้วยการไม่ถือมงคลตื่นข่าวต่างๆ เรื่องของขลัง เรื่องศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แต่จะเชื่อกฎของกรรมอย่างมั่นคง เวลาจะกระทำสิ่งที่เป็นบุญก็จะทำสิ่งที่เป็นบุญ ตามขอบข่ายขั้นตอนของพระพุทธศาสนา ไม่ประพฤติ ไม่กระทำนอกคำสอนของพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นชาวพุทธฝ่ายนักบวชก็ต้องปฏิบัติให้ประณีตสูงขึ้น ตามสมควรแก่ฐานะของท่าน

     ๓. ในการปฏิบัตินั้น จะต้องได้รับผลซึ่งบุคคลเหล่านั้นจะรู้ได้ด้วยตนเองเพราะเป็นของที่วิญญูชนจะรู้ได้เฉพาะตน ซึ่งก็หมายความว่า เมื่อมีการศึกษาแล้วจะต้องเดินไปสู่การปฏิบัติ ในการปฏิบัตินั้นจะต้องปฏิบัติจนได้ผลในชั้นใดชั้นหนึ่ง บุคคลจึงจะเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา

     ๔. ช่วยกันเผยแผ่ชี้แจงแสดงหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำได้มาก เช่นด้วยการสนทนาปราศรัยกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันด้วยการบรรยาย ปาฐกถา เทศน์ หรือว่าสั่งสอนโดยวิธีอื่น หรือด้วยการเผยแผ่โดยเอกสาร เทป วีดีโอ เป็นต้น

     ๕. เมื่อมีการกล่าวจ้วงจาบบิดเบือน ใส่ร้ายของผู้มุ่งทำลายพระพุทธศาสนา เป็นภารกิจหลักที่พุทธศาสนิกชนจะต้องแก้ไขคำกล่าวจ้วงจาบบิดเบือนพระพุทธศาสนาเหล่านั้น เพือธำรงรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ทั้งส่วนศาสนบุคคล ศาสนธรรม และศาสนสถาน ตลอดถึงศาสนพิธีต่างๆ เพื่อพระพุทธศาสนาจะได้ทำงานอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลและอำนวยความสุขให้แก่ชาวโลกต่อไปตลอดกาลนาน

การปฏิบัติทั้ง ๕ ประการ คือ

     ๑. ศึกษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

     ๒. ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

     ๓. สัมผัสผลที่เกิดขึ้นจาการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

     ๔. ช่วยกันเผยแผ่ชี้แจงแสดงหลักธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า

     ๕. ช่วยปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาให้วัฒนาสถาพรสืบไป

     การแก้ไขอันตรายที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาจากบุคคลทั้งภายในและภายนอกด้วยการปฏิบัติเช่นนี้ ถือว่า เป็นการรักษาพระพุทธปณิธานของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงตั้งไว้และต่อพระอริยเจ้าทั้งหลาย บูรพาจารย์และบรรพชนทั้งหลาย ได้นำพาสืบต่อพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน มาด้วยวิธีทั้ง ๕ ประการนี้ ซึ่งคนในยุคสมัยนี้จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน จึงจะสามารถช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงมั่นคงอยู่คู่โลกชั่วกาลนานได้