พัฒนาภาษาไทยสำหรับเด็กปฐมวัย รศ.ดร.จีระพันธุ์ พูลพัฒน์ (พ.ศ. 2548) ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็กปฐมวัย ภาษาเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญที่จะช่วยให้การจัดประสบการณ์ประสบความสำเร็จตามที่ได้วางเป้าหมายไว้ ภาษามีความจำเป็นสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นเด็กจะต้องได้รับการพัฒนาภาษา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก และการพัฒนาภาษาให้แก่เด็กโดยเฉพาะภาษาไทย ควรจะให้มีความสอดคล้องต่อเนื่องกันจากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยไปสู่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาการของเด็กปฐมวัย อายุ 3 ขวบ (The 3-year-old) ลักษณะทางร่างกาย (Physical Characteristics) เด็กอายุ 3 ขวบสามารถเดินและวิ่งได้ แต่การประสานสัมพันธ์ก็จะลดถอยเป็นบางครั้ง กระโดดโลดเต้น กระโดดข้าม
และทักษะสำหรับพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ซึ่งต้องมีความสมดุลและความคล่องแคล่วว่องไว ก็เป็นจุดที่ทำให้เด็ก เกิดความยุ่งยาก เมื่อพัฒนาการของกล้ามเนื้อใหญ่ต้องมาก่อนพัฒนาการกล้ามเนื้อย่อย จึงต้องการโอกาสในการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่มากกว่ากล้ามเนื้อย่อย อย่างไรก็ตาม เด็กชอบทำสิ่งต่างๆ โดยการใช้มือของตนซึ่งอาจจะดูทำได้ไม่ดีและวุ่นวาย ต้องการการช่วยเหลืออย่างมาก เพราะยังขาดการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อย่อย
เด็กจะชอบกิจกรรมทางด้านดนตรีและชอบในการตอบสนองโดยการใช้นิ้วมือก็ช่วยทำให้เกิดความรื่นรมย์อย่างมากสำหรับเด็ก 3 ขวบ ติดตามด้วยนิทานต่างๆ โคลงกลอน หรือสิ่งอื่นๆ ที่ควรจะอธิบายได้ด้วยการใช้ร่างกายและการเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ ลักษณะทางสติปัญญา (Intellectual Characteristics) เด็กอายุ 3 ขวบมีช่วงความสนใจสั้น ดูเหมือนกับว่าจะไม่สามารถอยู่กับกิจกรรมใดได้นานกว่า 10 นาที
กิจกรรมจะแตกต่างกันออกไปและต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ สลับสับเปลี่ยนเรื่อง ควรจัดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วม ในเมื่อเด็กยังไม่สามารถทำอะไรที่เป็นแนวคิดนามธรรมได้ การสอนต้องเป็นรูปธรรม ง่าย และเป็นพื้นฐานเด็กจะอยากรู้ในสิ่งที่เป็นความจริง คำถามของเขาก็จะไม่ค่อยชัดเจน จะชอบโลกของการเพ้อฝัน และก็จะคิดจินตนาการมาก เพราะฉะนั้นเด็กต้องการโอกาสในการที่จะทำอะไรแบบแสร้งทำในขณะเดียวกันก็ต้องการความจริงและการเปิดเข้าสู่ความจริง ลักษณะทางสังคม (Social Characteristics) เด็กอายุ 3 ขวบจะเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง เป็นจุดสำคัญ เด็กเล่นอย่างมีความสุขโดยตนเอง แต่ก็สนใจในบุคคลอื่น และจะพบว่าเด็กพวกนี้ ชอบเล่นข้างเด็กคนอื่นๆ เป็นการเล่นคู่ขนาน ไม่ค่อยจะเข้าร่วมในการเล่นระหว่างกันและการเล่นร่วมมือกันมากนัก และการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เด็กพอใจในการที่จะได้อยู่ใกล้ชิด กับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกับครอบครัว เพราะว่าผู้ใหญ่เป็นแหล่งที่สร้างความมั่นคงได้ดีที่สุด เด็กจะเล่นรวมกันได้ทั้งสองเพศ เด็กวัยนี้ไม่ค่อยจะมีเพื่อนสนิท (best friend) แต่จะชอบเล่นกับเพื่อนข้างๆ ลักษณะทางอารมณ์ (Emotional Characteristics) เด็ก 3 ขวบกระตือรือร้นในการที่จะทำอะไรเอาใจผู้ใหญ่ แต่จะขึ้นอยู่กับการยอมรับของตน เด็กต้องการความรักและการชมเชย แต่การแสดงออกจะมีทั้งความรู้สึกทั้งด้านบวกและด้านลบ จะร้องไห้ได้ง่ายมาก และจะพูดว่า “ไม่” เป็นคำที่เด็กชอบ จะอ่อนไหวง่ายกับความรู้สึกของบุคคลอื่น และจะพัฒนาความเป็นอิสระ และสัจจการแห่งตน เด็กวัย 3 ขวบต้องการความอดทนมาก ต้องการความเข้าใจและการยอมรับ ต้องการครูและผู้ใหญ่ กระตุ้นให้ทำสิ่งต่างๆ สำหรับตนเอง อายุ 4 ขวบ (The 4-year-old) ลักษณะทางร่างกาย (Physical Characteristics) เด็กอายุ 4 ขวบจะมีความคล่องแคล่วว่องไว และใช้กล้ามเนื้อใหญ่ในการกระโดดโลดเต้น วิ่งแข่งโยนลูกบอล ปีน และกระโดดแบบควบม้า จะเริ่มแสดงทักษะทางด้านร่างกายใหม่ๆ และใช้ความเป็นตัวของตัวเอง บางครั้งเด็กอายุ 4 ขวบ จะมีความก้าวร้าวทางกายและอ้างสิทธิ์ จะแก้ปัญหาด้วยกำลังมากกว่าการใช้คำพูด จัดการเสื้อผ้า ได้เองถ้าง่าย กล้ามเนื้อเล็กพัฒนาเพียงพอสำหรับการหยิบเครื่องมือง่ายๆ เช่น ที่เจาะรูกระดาษ และกรรไกร
ลักษณะทางด้านสติปัญญา (Intellectual Characteristics) เด็กอายุ 4 ขวบจะเริ่มรู้จักนามธรรม และเริ่มมีเหตุผล แต่การคิดและการอธิบายจะยังมีความเข้าใจผิดบ่อยๆ เด็กคนหนึ่งขณะสังเกตพ่อโกนผม ถามว่า “พ่อ ทำไมถึงไม่มีผม” เด็กคนนี้ได้ยาแอสไพรินมาสำหรับนิ้วที่เจ็บ และได้รับคำบอกเล่าว่า “นิ้วจะรู้สึกดีขึ้นทันทีที่แอสไพรินทำงาน“ เวลาผ่านไปสักครู่ เด็กถามว่า “เมื่อไหร่ยาแอสไพรินจึงจะไปถึงนิ้วของฉัน” ลักษณะทางสังคม (Social Characteristics) เด็กอายุ 4 ขวบมีความสนใจในคนที่อายุ วัยเดียวกัน และเล่นเป็นกลุ่มมากขึ้น เด็กชายมีแนวโน้มที่จะเล่นกับเพศเดียวกัน ถึงแม้ทั้งสองเพศ จะเล่นได้กับทั้งสองเพศ จะชอบเล่นแสร้งทำและเล่นละคร เมื่อไปสังเกตการสอนในโรงเรียนอนุบาล ก็จะพบว่าสถานที่เล่น เช่น มุมบ้าน เด็ก 4 ขวบจะเล่นในบทบาทของผู้ใหญ่ที่คุ้นเคย ในสิ่งแวดล้อมประจำวัน เด็กอายุ 4 ขวบจะเล่นร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น เริ่มพูดออกมาแทนการตี แต่ก็อาจจะยังคงมีความก้าวร้าวทางกาย มีความสะเพร่า อาจจะเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ดื้อรั้นหรือไม่สุภาพ และในอีก ด้านหนึ่งจะให้ความร่วมมือ เป็นมิตรและง่ายที่จะทำงานด้วย เด็กอายุ 4 ขวบหลายคนยอมรับการผลัดเปลี่ยนกันทำงาน การแบ่งกันเล่น และยอมรับข้อตกลง แต่การเตือนก็ยังจำเป็น ลักษณะทางอารมณ์ (Emotional Characteristics) เด็กอายุ 4 ขวบ ชอบทดสอบว่า อะไรที่จะควบคุมได้ แต่ผู้ใหญ่ควรจะฉลาดที่จะติดตามดู ความมั่นใจมีสูงขึ้น จะพูดคุย เกี่ยวกับตนเองและครอบครัว บางครั้งจะไม่มีความอดทนเกี่ยวกับตนเองและคนอื่นๆ และก็จะไม่ชอบรอ อารมณ์จะไม่คงที่
บางเวลาก็จะอารมณ์รื่นเริงดีได้สักครู่หนึ่ง และอีกสักครู่ก็จะทะเลาะกัน ต้องการความอดทน ความอ่อนโยนและความเมตตาจากผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องการความมั่นคง เด็กอายุ 4 ขวบ จะมีความมั่นใจในตนเองและโลกของเขา อายุ 5 ขวบ (The 5-year-old) ลักษณะทางร่างกาย (Physical Characteristics) กิจกรรมยังคงเน้นการเล่นชอบการเคลื่อนไหวและเสียง และชอบเกม ใช้กล้ามเนื้อใหญ่-เล็กได้คล่องแคล่ว และทำหลายสิ่ง หลายอย่างได้ด้วยตนเองดี จะเรียนรู้ในการผูกเชือกรองเท้า ติดกระดุมและรูดซิป ในวัยนี้เด็กจะทำงานได้ในช่วงยาวโดยใช้ดินสอและสีเทียน เด็ก 5 ขวบจะภูมิใจในทักษะที่ทำได้ใหม่ จะเรียนรู้และทำงานด้านกลไกได้ดีกว่าเด็ก 4 ขวบ การที่เด็กสามารถทรงตัวให้สมดุลได้ทำให้เตะบอล เดินเส้นตรง และแสดงความสนใจในการเล่นสเกต การเดินแถว การกระโดดเชือก และการขี่จักรยาน
ลักษณะทางสติปัญญา (Intellectual Characteristics) เด็ก 5 ขวบ ยังมีช่วงความสนใจสั้น แต่ก็มีช่วงความสนใจที่เพิ่มขึ้น ยังคงช่างพูด เป็นประโยคยาวขึ้นและใช้ข้อความได้มากขึ้น ความสนใจ ที่เปลี่ยนไปคือ จะถามข่าว ไม่ใช่เพียงแค่การพูด แต่ว่าต้องการความเข้าใจด้วย เช่น “รากผมต้องการน้ำหรือไม่” เด็กวัย 5 ขวบจะถามด้วยความสงสัย คำถาม ข้อวิจารณ์และคำตอบจะชัดเจน รู้จักตัวอักษรมากขึ้น จำนวน และคำ และชอบแกล้งอ่านและเขียน
จะกระหายใคร่รู้เกี่ยวกับความจริง แยกแยะ ความจริงจากสิ่งที่เพ้อฝันได้ ลักษณะทางสังคม (Social Characteristics) เด็ก 5 ขวบจะดูเป็นมิตร ให้ความร่วมมือ และอยากจะทำให้คนพอใจ จะพอใจในการเล่นเป็นกลุ่ม 2-5 คน อยากจะมีเพื่อนสนิท สนใจเล่นละคร และเล่นสมมติ และมีข้อขัดแย้งในการเล่นเป็นกลุ่มน้อยจะเข้าสู่กรอบและก็จะวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนที่ไม่เข้ากรอบ ลักษณะทางอารมณ์ (Emotional Characteristics) เด็ก 5 ขวบ จะมีบ้านเป็นศูนย์กลางและสนใจในความสัมพันธ์ของครอบครัว สนุกที่จะมาโรงเรียนแต่ก็ผูกพันกับบ้าน จะอายและรู้สึกขายหน้าง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อทำผิด ไม่ชอบให้ใครทำอะไรซ้ำๆ กับเขา การซ้ำแสดงว่าทำผิดจะระมัดระวังเกี่ยวกับการทำถูกและทำผิด มีอิสระ มีสัจจการแห่งตน เชื่อฟัง ต้องการที่พึ่ง มีความสุขภาคภูมิใจ และดูสงบ จะทำอะไรให้ผู้ใหญ่พอใจ จะคิดว่าครูคือผู้ที่ถูกต้องที่สุด รู้ทุกอย่าง จะมีความเชื่อและไว้วางใจผู้อื่น ภูมิใจในผลงานของตน แต่เมื่อโกรธ ก็จะใช้ถ้อยคำก้าวร้าว อายุ 6 ขวบ (The 6-year-old) ลักษณะทางร่างกาย (Physical Characteristics) เด็ก 6 ขวบจะเป็นนักสำรวจและนักผจญภัย พลังของเขาไม่มีขีดจำกัด จะส่งเสียง ไม่ยอมหยุด (restless) ร่าเริง ในการเล่นจะเล่นปล้ำ แกว่ง กระโดด สร้าง เล่นลูกบอล วิ่ง ขี่จักรยาน 3 ล้อ เล่นเกมกลุ่ม ปีน และเล่นที่ห้อยโหนทั้งหลาย ความต้องการพัฒนากล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อย่อยจะปรากฎขึ้น จะกระตือรือร้นในการเล่น จะเล่นจนเหนื่อยหอบ ลักษณะทางสติปัญญา (Intellectual Characteristics) เด็ก 6ขวบ แนวคิดและความคิดจะเป็นไปในทางนามธรรมและความคิดที่ซับซ้อน ถึงแม้ว่าแนวคิดจะต้องเป็นการสอนในรูปธรรม ความจำจะพัฒนาขึ้น
พูดมาก ถามคำถามหลายคำถาม และเข้าใจคำยากได้ ขณะไปทัศนศึกษาวัยนี้จะพูดเสียงดังหนวกหู
ลักษณะทางสังคม (Social Characteristics) เด็กอายุ 6 ขวบ จะมีการแลกเปลี่ยนและทำกิจกรรมกับเพื่อนและเพื่อนก็มักจะเป็นเพศเดียวกัน ยังคงยึดตนเองเป็นศูนย์กลางและห่วงใยเกี่ยวกับตนเองและคนอื่นจะทำกับตนอย่างไร กิจกรรมกลุ่มเป็นที่นิยมมาก เด็กจะต้องการการยอมรับจากสังคมจากเพื่อน จะแบ่งของให้เพื่อนเพื่อให้เพื่อนยอมรับ เด็กบางคนนำอาหารกลางวันมาโรงเรียนอยากจะให้เพื่อนยอมรับก็จะแบ่งอาหารกลางวันให้เพื่อนโดยเฉพาะของหวาน แต่สัมพันธภาพของเด็กในวัยนี้ยังไม่คงที่
จะเล่นได้ดีกับเพื่อนคนหนึ่ง แต่ก็จะเปลี่ยนเพื่อนไปเรื่อยๆ ลักษณะทางอารมณ์ (Emotional Characteristics) เด็ก 6 ขวบจะคุยฟุ้ง และก็จะต่อเติมเรื่องราวให้เกินจริง รู้ไปหมดทุกอย่าง และมักวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น จะตกใจได้ง่าย ทำอะไรแบบเชยๆ และบ่อยครั้งชอบแสดงออก จะพัฒนาความกลัวต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ ทางครอบครัวและโรงเรียน เช่น จะไปโรงเรียนวันที่ 2 อาจจะบอกว่า “วันนี้จะเป็นวันที่หนาวสั่น อีกวันหนึ่งไหม”
พอได้เสื้อหนาวจะบอกว่า “ไม่ได้หมายความว่าหนาว แค่หมายความว่าหนาวสั่นคือ น่าตกใจกลัว” พัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัย
เมื่อครูได้ศึกษาพัฒนาการของเด็กปฐมวัยและพัฒนาการทางภาษาของเด็กปฐมวัยแล้วจะได้นำมาเป็นฐานในการคิดกิจกรรมเพื่อพัฒนาภาษาให้แก่เด็ก โดยสามารถดำเนินการพัฒนาทักษะไปได้ตามลำดับจากง่ายไปยาก โดยเน้นการบูรณาการกับสาระที่ควรเรียนรู้อื่นๆ ตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ มีดังนี้ รายการอ้างอิง (บทความที่ 1 ชุดที่ 1) |