ภาชนะประเภทใด

หนึ่งในการกินที่ทำให้สุขภาพดี นอกจากตัวอาหาร วัตถุดิบ กรรมวิธีการปรุงแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องใส่ใจคือ “ภาชนะ” ซึ่งภาชนะในการปรุงอาหารแต่ละชนิดมีข้อดีและวิธีใช้แตกต่างกัน ควรระมัดระวังในการใช้และการเก็บรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลต่อสุขภาพและทำให้สูญเสียรสชาติของอาหาร

ภาชนะประเภทใด

ภาชนะเคลือบ (non-stick) ไม่ควรใช้ไฟแรง

ภาชนะที่เคลือบสารเทฟลอนง่ายต่อการทำความสะอาด การตั้งไฟแรงหรือของใช้ของมีคมขูดขณะประกอบอาหารจะทำให้สารที่เคลือบไว้หลุดออก ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีผลเสียต่อสุขภาพ แต่จะทำให้อายุการใช้งานของภาชนะนั้นๆสั้นลง
*ไม่ควรใช้แปรงแข็งๆปัดแรงๆ

ภาชนะสเตนเลสไม่เหมาะสำหรับการตุ๋นยาจีน

ควรหลีกเลี่ยงการนำภาชนะสเตนเลสมาตุ๋นยาจีน เพราะว่าในยาจีนจะมีสารจำพวกกรดอินทรีย์หรือแอลคาลอยด์ เมื่อโดนความร้อนหรือผ่านการตุ๋นนานๆจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับโลหะจนทำให้สรรพคุณของยาจีนหมดไปและอาจก่อให้เกิดสารที่เป็นโทษต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังไม่ควรใส่เหล้า หรืออาหารที่มีความเป็นกรดหรือด่างมากไว้ในภาชนะนั้นนานๆ
*ไม่ควรใช้โซดาที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ดี ควรใช้ด่างหรือน้ำยาทำความสะอาดในการทำความสะอาดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผุกร่อน

ภาชนะที่ทำด้วยเหล็กต้องระวังไม่ให้ขึ้นสนิม

ภาชนะที่ทำด้วยเหล็กนับเป็นภาชนะที่มีความปลอดภัยที่สุด แต่ต้องระวังห้ามนำไปตุ๋นยาจีน เหตุผลที่ต้องห้ามนำไปตุ๋นยาจีนเหมือนกับเหตุผลของภาชนะสเตนเลส ไม่ควรใส่อาหารทิ้งไว้ในภาชนะค้างคืน นอกจากนี้ เมื่อใช้ภาชนะเหล็กกับถั่วเขียวหรือชา และใช้ความร้อนสูง จะทำให้น้ำถั่วเขียวมีรสชาติผิดเพี้ยนและน้ำชามีรสฝาด
*ควรล้างและเช็ดให้แห้งทันที หลังใช้งานเสร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสนิม ควรใช้ฟองน้ำนุ่มๆในการล้าง

ภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียมไม่ควรนำมาอุ่นอาหารที่มีความเป็นกรดหรือด่าง

การผลิตภาชนะอะลูมิเนียมจะต้องผ่านกระบวนการทำให้ปฏิกิริยาทางเคมีคงที่ ทนต่อการผุกร่อนและกระจายความร้อนได้เร็ว แต่กระนั้นเมื่อโดนกรดหรือด่าง ก็ยังคงมีปฏิกิริยาอยู่นั่นเอง จึงไม่ควรนำมาอุ่นอาหารที่มีความเป็นกรดหรือด่าง
*ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความเป็นด่างรุนแรง เพื่อป้องกันการผุกร่อน

ภาชนะที่เป็นกระเบื้องไม่ควรมีลวดลายด้านในภาชนะ

ภาชนะประเภทกระเบื้องต้นต่อความเป็นกรดและด่าง จึงเหมาะสำหรับการปรุงอาหารทุกวิธี ทั้งต้ม ตุ๋น ผัด และย่าง อีกทั้งยังทำความสะอาดง่าย หากมีการใช้โลหะมาประดับเป็นลวดลาย ไม่ควรใส่เข้าไปในไมโครเวฟ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปล่อยสารพิษหรือเกิดประกายไฟ
*ควรหลีกเลี่ยงการเลือกภาชนะที่มีลวดลายด้านในภาชนะ ในการใช้งานครั้งแรกควรนำมาใส่น้ำและต้มให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อ

ภาชนะดินเผาเหมาะสำหรับการต้ม

ภาชนะที่ทำจากดินเผาจะเก็บอุณหภูมิได้ดี จึงนิยมนำมาใช้ในการทำหม้อไฟหรือต้ม ควรหลีกเลี่ยงภาชนะที่มีลวดลายด้านใน
*ก่อนนำมาใช้ครั้งแรก ควรล้างให้สะอาด ใส่น้ำและใบชา ต้มให้เดือดด้วยไฟอ่อน หรือแช่ด้วยน้ำซาวข้าวทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อทำให้พื้่นผิวด้านในอ่อนตัว

ควรใช้ภาชนะพลาสติกอย่างเหมาะสม

การใช้ภาชนะพลาสติกควรสังเกตว่าภาชนะนั้นๆทำจากวัสดุใด เช่น หากทำจากวัสดุพอลิโพรพิลีน จะทนความร้อนได้ประมาณ 135 องศาเซลเซียส หากทำจากวัสดุพอลิสไตรีน ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนความร้อน ไม่ควรใช้กับอาหารที่มีความเป็นกรด และอาหารทอด ส่วนพลาสติกที่ทำให้จากวัสดุพอลิไวนิลคลอไรด์ จะปล่อยสารก่อมะเร็งเมื่อโดนความร้อน แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้กันแล้ว การใช้ฟิล์มถนอมอาหารในไมโครเวฟ ไม่ควรปิดฟิล์มให้สนิท และควรห่างจากอาหารอย่างน้อย 3 เซนติเมตร


ที่มา หนังสือกินเปลี่ยนชีวิต ด้วยอาหาร 100 ชนิด จากธรรมชาติ สนพ.นานมีบุ๊คส์

ภาชนะประเภทใด

การเลือกภาชนะในการประกอบอาหารอาจมีผลกระทบต่อคุณค่าสารอาหารได้ กล่าวคือ อาจเป็นการเพิ่มคุณค่าสารอาหาร หรือชะลอการสูญเสียสารอาหารขณะที่ประกอบอาหาร หรือเพิ่มการสูญเสียสารอาหารขณะที่ประกอบอาหาร นอกจากนี้ ภาชนะบางอย่างอาจทำให้อาหารมีกลิ่นและรสแรงมากขึ้น และในทางกลับกัน ภาชนะบางอย่างก็อาจเพิ่มหรือลดความรู้สีกอยากอาหารได้

ภาชนะประเภทใด

1. อลูมิเนียม

อลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาและนำความร้อนได้ดี แต่เหล็กทำให้อาหารมีกลิ่นมากขึ้น(โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผักประเภทดอกกะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ บรูเซลล์ สเปร้าท์ เป็นต้น) และทำให้อาหารที่มีเนื้อสีขาว (เช่น ดอกกะหล่ำ มันฝรั่ง) เปลี่ยนไปมีสีน้ำตาล

ในอดีตเชื่อกันว่าอลูมิเนียมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การประกอบอาหารด้วยภาชนะที่ทำจากอลูมิเนียมไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ การทำอาหารที่มีรสเค็มหรือเป็นกรด(ไวน์ มะเขือเทศ) ในภาชนะอลูมิเนียมจะทำให้อาหารแตกเป็นชิ้น แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ปริมาณอลูมิเนียมที่ได้รับจากภาชนะก็ยังน้อยกว่าที่ร่างกายได้รับโดยธรรมชาติจากน้ำและอาหาร

ภาชนะประเภทใด

2. ทองเเดง

ภาชนะทองแดงให้ความร้อนคงที่และสม่ำเสมอ ภาชนะอลูมิเนียมและสแตนเลส ทำด้วยชั้นทองแดงที่ประกบกันอยู่ข้างใต้ภาชนะ ทองแดงเปล่าๆ เป็นโลหะที่เป็นอันตราย นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภาชนะทองแดงจึงมีการนำดีบุก และสแตนเลสเข้ามาเป็นส่วนประกอบ

เมื่อไรก็ตามที่คุณประกอบอาหารด้วยภาชนะทองแดง ขอให้ตรวจเช็คแนวของภาชนะเป็นระยะๆ เพราะอาจเป็นอันตรายได้ถ้าคุณสังเกตเห็นทองแดงสีส้มโผล่ทะลุสีเงินออกมานั่นคือถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการซ่อมหรือเปลี่ยนภาชนะใบใหม่

ภาชนะประเภทใด

3. เซรามิค

ดินสีส้มที่มีลักษณะเหมือนอิฐแดงสำหรับกระทะที่ใช้ปิ้งและอบ ทำให้ไอน้ำเล็ดลอดออกไปได้ ในขณะที่มีความชื้นมากพอที่จะทำให้ขนมปังชื้นและไก่มีเนื้อนิ่ม

ภาชนะเซรามิคก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง วัตถุเคลือบผิวทำให้ภาชนะมีรูพรุนน้อยลง ดังนั้น เนื้อหมูและเนื้อไก่ จึงปรุงในภาชนะเซรามิคแบบฝาปิดแทนที่จะเป็นการปิ้งย่าง ดังนั้นเนื้ออาหารจึงชุ่มนุ่มแทนที่จะกรอบ

ภาชนะประเภทใด

4. ภาชนะเคลือบ

ภาชนะเคลือบทำจากโลหะเคลือบซึ่งจะร้อนช้ากว่าและให้ความร้อนสม่ำเสมอน้อยกว่าโลหะ พื้นผิวเคลือบที่มีคุณภาพดีจะสีไม่ตกและไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร

แต่อาจเป็นริ้วรอยขีดข่วนได้ง่าย ถ้าพื้นผิวมีรอยขีดข่วน จะมองเห็นโลหะที่อยู่ข้างใต้ หากเป็นเช่นนันจะต้องทิ้ง ภาชนะใบนั้นไป เนื่องจากอาจมีโลหะปนเปี้อนในอาหารได้ แก้วเป็นวัสดุธรรมชาติที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร แต่มีข้อควรระวัง 2 ประการ คือ

  • ต้องไม่นำภาชนะที่ทำจากแก้วหรือโลหะใส่ในเตาไมโครเวฟ เพราะโลหะจะไปสกัดกั้นคลื่นไมโครเวฟ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ จะทำให้เกิดประกายไฟฟ้าซึ่งทำให้เตาอบเสียหายได้ceramic
    .
  • แก้วสามารถแตกได้ บางครั้งแตกกระจายไปทั่วพื้น ถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบทำของตกหล่น ก็ควรอยู่ห่างจากภาชนะเครื่องแก้วทั้งหลาย

ภาชนะประเภทใด

5. เหล็ก

ภาชนะที่ทำจากเหล็กจะเหมือนกับภาชนะอลูมิเนียม เหล็กมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เหล็กนำความร้อนได้ดีและร้อนได้นานกว่าภาชนะอื่นๆ

ทำความสะอาดง่าย ใช้งานได้ยาวนาน และยังเป็นการเพิ่มคุณค่าสารอาหารให้แก่อาหารของคุณ เหล็กจากภาชนะอาจก่อตัวเป็นแร่ธาตุ ที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้

การมีธาตุเหล็กเพิ่มมากขึ้นก็ไม่ดีอะไร เพราะทำให้เกิดการออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นผลเสียต่อร่างกาย และทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กมากเกินไป ในคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออวัยวะภายในร่างกาย

ภาชนะประเภทใด

6. กระทะแบบไม่ใช่น้ำมัน (nonstick)

พื้นผิว nonstick ทำจากพลาสติก PTEE กับสารเพิ่มความแข็งซึ่งทำให้พื้นผิวมีความแข็งตราบนานเท่าที่พื้นผิวยังไม่มีการขูดขีด

ซึ่งพื้นผิวของ nonstick ก็จะไม่ทำปฏิกิริยากับอาหารกระทะ nonstick เป็นที่ชื่นชอบของผู้ควบคุมอาหารเพราะทำให้คุณประกอบอาหารได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำให้ประหยัดเงิน และยังสามารถขูดก้นกระทะได้ง่าย

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าหม้อหรือกระทะชนิดนี้ร้อนมากๆ ก็อาจจะแยกจากโลหะที่ติดอยู่กับด้านข้างและด้านล่างของหม้อและปล่อยควันไร้กลิ่นออกมา ซึ่งถ้าบริเวณที่ประกอบอาหารมีอากาศถ่ายเทไม่ดีพอ คุณอาจมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด แต่ไม่มีผลในระยะยาว

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องการเหตุการณ์ให้จะเกิดขึ้นจึงควรจัดบริเวณที่ประกอบอาหารให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก

ภาชนะประเภทใด

7. สแตนเลส

สแตนเลสเป็นอัลลอยด์ (สารที่ประกอบด้วยโลหะมากกว่า 2 ชนิด) ซึ่งส่วนมากทำมาจากเหล็ก คุณสมบัติที่สำคัญของสแตนเลส คือ ความแข็งแรงและทนทาน

แต่ข้อเสียคือนำความร้อนได้ไม่ดี นอกจากนี้ อัลลอยด์ยังประกอบด้วยนิกเกิลซึ่งเป็นโลหะที่หลายคนมีความรู้สีกไว ถ้าภาชนะสแตนเลสมีลอยขูดมากจนเห็นผิวชั้นใน ก็ไม่ควรนำมาใช้ประกอบอาหาร

ภาชนะประเภทใด

8. พลาสติกเเละกระดาษ

พลาสติกละลายได้ กระดาษถูกเผาไหม้ได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ภาชนะพลาสติกหรือกระดาษกับเตาไฟ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า แต่สามารถใช้ได้กับเตาไมโครเวฟ โดยต้องเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับเตาไมโครเวฟ เท่านั้น

เมื่อจานพลาสติกหรือพลาสติกห่อของได้รับความร้อนจากเตาไมโครเวฟ มันจะปล่อยสารก่อมะเร็งออกมาปนกับอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้พลาสติกที่ระบุว่าใช้งานได้กับเตาไมโครเวฟเท่านั้น

พลาสติกอื่นๆ ก็สะดวกสบายต่อการใช้งาน แต่มีข้อจำกัด โดยสภาพลาสติกแห่งอเมริกาได้เสนอแนวทาง 3 ประการ สำหรับการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกที่เหมาะสำหรับเตาไมโครเวฟ คือ

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำบนภาชนะพลาสติกหรือหีบห่อ ถ้าภาชนะพลาสติกนั้นไม่ได้ระบุว่า “ใช้ได้กับเตาไมโครเวฟ” ก็ไม่ควรนำไปใช้กับเตาไมโครเวฟ เมื่อซื้ออาหารมาจะต้องเปลี่ยนภาชนะพลาสติกก่อนที่จะนำไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ
    .
  • ถาดอาหารสำหรับเข้าไมโครเวฟจะต้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง
    .
  • เมื่อต้องห่อพลาสติกเพื่อป้องกันอาหารไม่ให้โดนน้ำ จะต้องใช้พลาสติกสำหรับไมโครเวฟเท่านั้น

Cr. คู่มือโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น