ประวัติภาควิชาประวัติฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ ประวัติความเป็นมา ในปี พ.ศ. 2490 ได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศตั้งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขึ้นในสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์เป็นหนึ่งในสามฝ่ายแรกที่จัดตั้งขึ้น โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์บัณเย็น ทวิพัฒน์ เป็นหัวหน้าฝ่ายคนแรก ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์เป็นฝ่ายแรกที่ทำการจัดการเรียนการสอนก่อนฝ่ายอื่นๆ ทั้งหมด โดยเปิดสอน 3 วิชา คือ Gross Anatomy, Histology และ Developmental Anatomy ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์เริ่มเปิดสอนวิชา Topographic Anatomy และ Neuroanatomy สำหรับนิสิตแพทย์ชั้นปี 2 เมื่อถึงปี พ.ศ. 2510 ได้มีพระราชกฤษฎีกาโอนคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ได้มีพัฒนาการต่อเนื่องเป็นลำดับจนเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ของนิสิตแพทย์ นิสิตสหเวชศาสตร์ นักศึกษาพยาบาล นิสิตบัณฑิตศึกษา ตลอดจนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไปจวบจนทุกวันนี้ จากจุดเริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์มีรายนามหัวหน้าฝ่าย (ตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น) ดังนี้
กายภาพ ในช่วงแรกของการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ สถานที่เรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ คือ ตึกพิพิธภัณฑ์กาชาดซึ่งเป็นเรือนไม้เก่า ต่อมาในราวปี พ.ศ. 2497 ตึกกายวิภาคศาสตร์ซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้นได้ก่อสร้างเสร็จ กล่าวกันว่าตึกกายวิภาคศาสตร์ในสมัยนั้นสง่างามมาก ทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนเป็นไปได้ด้วยดีและสะดวกสบายกว่าเรือนไม้หลังเดิม โดยชั้นแรกของอาคารถูกแบ่งสัดส่วนเป็นห้องธุรการ ห้องประชุม และห้องบรรยาย ชั้นที่สองเป็นห้องพักอาจารย์และห้องปฏิบัติการจุลกายวิภาคศาสตร์ ชั้นที่สามเป็นห้องพักอาจารย์ และห้องปฏิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์ มีห้องใต้ดินใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาสภาพอาจารย์ใหญ่ ในราวปี พ.ศ. 2513 เมื่อนิสิตแพทย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นทำให้ตึกกายวิภาคศาสตร์มีสถานที่ไม่เพียงพอสำหรับการเรียนปฏิบัติการวิชามหกายวิภาคศาสตร์ จึงได้มีการต่อเติมตึกกายวิภาคศาสตร์เพิ่มเติม โดยสร้างเป็นอาคาร 4 ชั้นขึ้นมาคู่กับตึกกายวิภาคศาสตร์เดิมทางด้านทิศเหนือ และมีทางเดินเชื่อมติดต่อกันระหว่างอาคารใหม่และอาคารเก่าได้ทั้ง 3 ชั้น -2- เมื่อปี พ.ศ. 2547 ตึกกายวิภาคศาสตร์อาคารเก่าที่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 มีสภาพร้าวที่คานกลางตึกซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอาคารเก่าและอาคารใหม่ สภาพอาคารทรุดโทรมทำให้เกิดความเสี่ยงต่อบุคลากรและนิสิตที่ทำงานและเข้ามาเรียนอยู่ในอาคารนี้ คณะแพทยศาสตร์ได้เล็งเห็นความสำคัญจึงได้วางโครงการก่อสร้างอาคารใหม่เป็นอาคารเรียนรวม 11 ชั้น ขึ้นแทนที่ตึกกายวิภาคศาสตร์ ปีพ.ศ. 2551 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จเปิดอาคารและศูนย์ฝึกผ่าตัดอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2552 และพระราชทานชื่ออาคารว่า “อาคารแพทยพัฒน์” การบริหาร และวิชาการ ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ประกอบด้วยหน่วยวิชาต่างๆ 5 หน่วยคือ
หน่วยมหกายวิภาคศาสตร์และศูนย์ฝึกผ่าตัด รับผิดชอบการเรียนการสอนวิชามหกายวิภาคศาสตร์แก่นิสิตแพทย์ นิสิตคณะสหเวชศาสตร์ นักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทยและวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ และนิสิตบัณฑิตศึกษา รวมทั้งรับผิดชอบการจัดเตรียมร่างอาจารย์ใหญ่เพื่อใช้ในการเรียนการสอนนิสิตแพทย์ระดับคลินิกและแพทย์ประจำบ้าน และจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการของศูนย์ฝึกผ่าตัดด้วย ความก้าวหน้าที่สำคัญของหน่วยมหกายวิภาคศาสตร์และศูนย์ฝึกผ่าตัดมี ดังนี้
หน่วยเอมบริโอโลยี รับผิดชอบการเรียนการสอนวิชาเอมบริโอโลยีแก่ นิสิตแพทย์ และนิสิตบัณฑิตศึกษา ซึ่งในระยะแรกเปิดสอนเป็นวิชา Developmental Anatomy ภายหลังได้มีการปรับปรุงเนื้อหาโดยเน้นการศึกษาพัฒนาการของมนุษย์เป็นหลัก และเปลี่ยนแปลงไปเป็นวิชา Medical Embryology ทำให้การเรียนการสอนวิชาเอมบริโอโลยีของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างจากสถาบันอื่น -3- หน่วยเวชพันธุศาสตร์ มีหน้าที่รับผิดชอบในการเรียนการสอนวิชาเวชพันธุศาสตร์พื้นฐานแก่นิสิตแพทย์ และนิสิตบัณฑิตศึกษา การวิจัยทาง เวชพันธุศาสตร์ และการให้บริการตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซม รวมทั้งการวินิจฉัยโรคพันธุกรรมแก่ผู้ป่วย
หน่วยประสาทกายวิภาคศาสตร์ รับผิดชอบการเรียนการสอนวิชาประสาทศาสตร์แก่นิสิตแพทย์และนิสิตบัณฑิตศึกษา การวิจัยทางประสาทกายวิภาคศาสตร์ และการให้บริการตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติของเส้นประสาทและการตรวจชิ้นเนื้อ rectal suction biopsy เพื่อการ วินิจฉัยโรค Hirschprung’s disease
นอกจากการเรียนการสอนแล้ว ฝ่ายยังจัดกิจกรรมพิธีทางศาสนา เช่น งานพระราชทานเพลิงศพแก่ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา และงานอาจาริยปูชา ซึ่งเป็นพิธีขอขมาก่อนนำ ขึ้นเรียน ********************* |