บรรยากาศงานบุญนมัสการ พระธาตุหลวง ปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งนครเวียงจันทน์ ศูนย์รวมใจของชาวลาวทั้งประเทศ ประจำปี 2560 ประเพณีบุญนมัสการพระธาตุหลวง กระทำสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล ในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ตอนบ่ายประชาชนทุกภาคส่วนมารวมกันที่วัดศรีสัตนาค เพื่อแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพกฤษ์ ไปทอดถวายที่วัดศรีเมือง ตอนค่ำมีงานมหรสมโภชน์ตลอดทั้งคืน วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ตอนบ่าย 2 โมง ประชาชนทุกภาคส่วนตั้งขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพฤกษ์ ออกไปพระธาตุหลวง เวลาบ่าย 3 โมง ประมุขรัฐและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกไปสู่พระธาตุหลวง เพื่อเป็นเกียรติแห่ปราสาทผึ้งเดินรอบบริเวณพระธาตุหลวงร่วมกับประชาชนที่มาจากทั่วสารทิศ เมื่อเวียนครบ 3 รอบแล้วทำพิธีถวาย ถึงเวลากลางคืนมีงานมหรสพสมโภช วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตอนเช้าทำบุญตักบาตรบริเวณพระธาตุ แล้วฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ ตอนกลางคืนมีงานฉลองเป็นวันสุดท้าย วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เสร็จงานจากพระธาตุหลวงแล้ว มีการแห่ปราสาทผึ้งมาถวายที่วัดองค์ตื้อ และวัดอินแปง ถือว่างานนมัสการพระธาตุหลวงประจำปีเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Voranee Panturat ประชาคมลาววิจารณ์ขรม “แห่นางอัปสร” ในงานนมัสการพระธาตุหลวงเวียงจันทน์เผยแพร่: 7 พ.ย. 2565 16:26 ปรับปรุง: 7 พ.ย. 2565 16:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เช้าวันนี้ (7 พ.ย.) เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางบนสื่อออนไลน์แทบทุกแห่งในลาว ถึงกรณีที่มีขบวนแห่โดยใช้ผู้ชาย 8 คน แบกเสลี่ยงที่มีผู้หญิงนั่งอยู่ด้านบน ทั้งหมดแต่งกายแบบโบราณ เดินเข้าไปภายในพื้นที่รอบองค์พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ในงานบุญนมัสการพระธาตุหลวงประจำปี 2565 เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) จากนั้นขบวนนี้ได้แห่ไปรอบองค์พระธาตุหลวง 3 รอบ ผู้ที่เห็นภาพขบวนแห่นี้ต่างวิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นประเพณีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ 461 ปี ของการจัดงานนมัสการพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ หลายคนแสดงความเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการที่ให้ผู้หญิงนั่งอยู่ด้านบนของเสลี่ยง ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าพระสงฆ์ที่กำลังนั่งทำพิธีทางศาสนาอยู่ด้านล่าง ทุกคนต่างตั้งคำถามว่าขบวนแห่นี้เป็นของใคร และมีเหตุผลใดจึงคิดทำขบวนแห่ในลักษณะนี้
ขออนุญาตชี้แจง และขอขมาลาโทษจากกิจกรรมแห่ปราสาทผึ้งของเมื่อวานนี้ ซึ่งพวกข้าน้อยไม่มีเจตนาจะลบหลู่ดูหมิ่นสถานที่แต่อย่างใด ทำขึ้นเพื่อหวังอยากช่วยส่งเสริมงานศิลปะ แต่ถือว่าอาจเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมในสายตาของสังคม จึงอยากขอชี้แจงเพิ่มเติมให้กระจ่างแจ้ง กิจกรรมนี้ คิดขึ้นโดยกลุ่มคนหนุ่มที่รักในศิลปวัฒนธรรมลาว สร้างขึ้นจากการระดมแนวคิด โดยอ้างอิงจากข้อมูลประวัติศาสตร์ และวรรณคดีลาวในอดีต เพราะเห็นว่าวัฒนธรรมบางอย่างได้ทรุดโทรมหายไป การใช้เสลี่ยงอ้างอิงจากขบวนแห่ในอดีต ส่วนการแต่งกายอ้างอิงจากรูปปั้นของนางอัปสร ซึ่งเป็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในวัดยอดแก้ว (โรงเรียนแพทย์ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างยุคของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช(พ.ศ.2091-2114) ถึงยุคของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (พ.ศ.2181-2238) ปัจจุบันนี้ ร่องรอยเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้ที่หอพระแก้ว ถือเป็นการรื้อฟื้นงานศิลปะที่อยากให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น จึงคิดรูปแบบกิจกรรมนี้ขึ้น สำหรับกิจกรรมเมื่อวานนี้ พวกข้าน้อยพร้อมด้วยทีมงานขอน้อมรับด้วยความจริงใจถึงความผิดพลาดที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่และเวลา เพราะในเวลาที่แห่นั้นไม่รู้ว่ามีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ด้านใน และขณะที่แห่มา เจ้าหน้าที่ก็อนุญาตให้เข้าไปได้ เนื่องจากคิดว่าเป็นขบวนแห่ปกติ แต่หลังจากแห่เข้าไปได้ช่วงหนึ่งเห็นว่ากำลังมีการทำพิธีอยู่ในอีกฟากหนึ่ง จึงให้ผู้หญิงลงจากเสลี่ยงมาเดินบนพื้น จากนั้นก็พากันออกมา ภาพที่ปรากฏออกมาเป็นเพียงบางส่วนที่มีบางคนได้บันทึกไว้ ซึ่งอาจดูไม่เหมาะสม ก็ขอน้อมรับผิด รับทุกคำตำหนิด้วยความจริงใจ และนำไปแก้ไขสิ่งที่บกพร่อง และเป็นบทเรียนอันใหญ่หลวงสำหรับการทำงานด้านศิลปวัฒนธรรมลาว ข้าน้อยและทีมงาน ขอขมาและขออภัยมา ณ ที่นี้ สำหรับงานบุญนมัสการพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ประจำปี 2565 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 พฤศจิกายน 2565. |