Science project from kanjana2536 การจัดทำเว็บไซด์ วิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัส 2000-1306 เพื่อให้ครู และนักศึกษาได้เรียนรู้ร่วมกันตลอดเวลา และในเว็บไซด์นี้ ประกอบด้วย การศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ มีการทำแบบทดสอบออนไลน์เพื่อให้ผู้สอนและผู้เรียน ได้มีการตรวจสอบการเรียนรู้ร่วมกัน 3 กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 8 / 18, คาบที่ 15- 16-/ 36) 1 ครูทบทวนเกี่ยวกับทักษะขั้นขั้นบูรณการ 2 ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 3. 4 4 ขณะนักเรียนทำกิจกรรมครูจะสังเกตการทำงานกลุ่ ม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. สื่อการเรียนรู้ หนังสือเรียน หน่วยที่ 3 เรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมที่ 3. 1 - 3.. 4 แบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน และ PowerPoint ประกอบการสอน หน่วยที่ 3 2. แหล่งการเรียนรู้ หนังสือ วารสาร เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ต การวัดและการประเมินผล 1. การวัดผลและการประเมินผล 1. 1 แบบประเมินพฤติกรรม ความมีวินัย และความรับผิดชอบ ต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 1. 2 ทดสอบโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน 1. 3 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มโดยใช้แบบประเมินผล การปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม 1. 4 ตรวจใบกิจกรรม ตรวจแบบฝึกหัด 2. เกณฑ์การวัดและประเมินผล 2. 1 แบบประเมินพฤติกรรม ความมีวินัยและความรับผิดชอบต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ 2. 2 แบบทดสอบหลังเรียน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 6 0 ผ่านเกณฑ์ 2. 3 แบบประเมินพฤติกรรมปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 6 0 ผ่านเกณฑ์ 2. เฉลย โครง งาน วิทยาศาสตร์ 2000 136 du 214 ใบกิจกรรมต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 2. 5 แบบฝึกหัดต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 6 0 ผ่านเกณฑ์ งานที่มอบหมาย งานที่มอบหมายนอกเหนือเวลาเรียน ให้ทบทวนเนื้อหารวมทั้งความสมบูรณ์ของแบบฝึกหัดและใบกิจกรรม ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสำเร็จของผู้เรียน 1. ผลการนำเสนองานจากใบกิจกรรม คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน ( Post–test) หน่วยที่ 2 เอกสารอ้างอิง หนังสือเรียนวิชาโครงการ วิทยาศาสตร์ ( 2000–1306) เว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทเรียนตามบรรณานุกรม แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั 2000-1306 รายวิชา โครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทวชิ า ช่างอุตสาหกรรม,พาณิชยกรรม จัดทาโดย แผนกวิชาสามัญสมั พันธ์ วิทยาลัยการอาชีพขุนหาญ บันทึกการขออนุมัตกิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั 20000-1306 วิชา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ประเภทวชิ า อตุ สาหกรรม , พาณิชยกรรม ขออนุมัติการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ ความเหน็ หัวหน้าแผนกวชิ า ลงชอื่ ................................................หวั หนา้ แผนกวชิ าสามญั สมั พนั ธ์ ความเหน็ ของหัวหนา้ งานพัฒนาหลักสตู รการเรียนการสอน ลงชอ่ื ................................................หัวหนา้ งานหลกั สูตรฯ ความเหน็ ของรองผ้อู านวยการฝ่ายวิชาการ ลงช่ือ................................................รองผ้อู านวยการฝา่ ยวชิ าการ ความเห็นของผู้อานวยการ ลงชอ่ื ................................................ ผู้อานวยการวิทยาลัยการอาชีพขนุ หาญ คานา แผนการจัดการเรียนรู้วิชา โครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา 20000-1306 ฉบับน้ี ใช้ประกอบการเรียน เน้ือหารายวิชา ครอบคลุมตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคาอธิบายรายวิชา สุนษิ า ธอิ ามาตย์ สารบญั หวั เรอื่ ง หน้า คานา (ก) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 หน่วยที่ 1 หวั ข้อเร่ือง แนวคิดสาคญั ตนเองตามขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยมีครูหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นท่ีปรึกษาการทากิจกรรมโครงงาน แสดงออกดา้ นความสนใจใฝร่ ู้ การตรงตอ่ เวลา ความซ่ือสัตย์ สุจริต มีความรับผดิ ชอบ อดทน เนื้อหาสาระ 1. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยการรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับความสาคัญของวทิ ยาศาสตรว์ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ 2 ครูตั้งคาถามและให้นักเรยี นช่วยกันตอบเกี่ยวกับความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ 1 ให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ศกึ ษาเรือ่ งความรูเ้ กย่ี วกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายและองค์ประกอบ 2 ครใู หค้ วามรู้เพ่ิมเติม โดยใชส้ ื่อ PowerPoint กจิ กรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 2/18, คาบท่ี 3-4) 1 ครูทบทวนเน้ือหาทเี่ รียนในครัง้ ที่ 1 3 ครูให้ความร้เู พิ่มเติม โดยใช้สอ่ื PowerPoint การวัดและการประเมินผล 1.1 แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ความมวี นิ ยั และความรับผิดชอบ ต้องได้คะแนน ไมน่ ้อยกว่า รอ้ ยละ 1.2 ทดสอบโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเร็จของผเู้ รียน เอกสารอ้างองิ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 2 หน่วยที่ 2 หัวข้อเรื่อง 1.อธบิ ายถึงประเภทและความหมายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ เน้ือหาสาระ หาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ 2 วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) เปน็ วธิ กี ารท่ีนักวทิ ยาศาสตร์ใช้แสวงหาความรู้และ ข้ันท่ี 1 ตง้ั ปัญหา ขัน้ สรปุ งานท่ีมอบหมาย ผลงาน/ช้ินงาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรียน เอกสารอ้างองิ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 3 หน่วยท่ี 3 หัวข้อเรอ่ื ง แนวคิดสาคัญ หมายถึงคุณลักษณะที่มีความจาเป็นต้องมีในตัวของผู้ท่ีจะต้องอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหา ผู้ดาเนินการจะมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มากน้อยเพียงใด ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูสนทนาถงึ ลักษณะของนักวิทยาศาสตร์ เชน่ การเป็นคนช่างสงั เกตเพ่ือนาเข้าสูเ่ ร่อื งทักษะขน้ั มลู ฐาน 1 ครอู ธบิ าย เน้อื หาพร้อมยกตวั อย่างเกีย่ วกบั ทกั ษะขนั้ มูลฐานด้านต่างๆ กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ที่ 7 /18, คาบที่ 13- 14-/ 36) ข้นั สอน กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท่ี 8 /18, คาบที่ 15- 16-/ 36) 2 ครูให้นกั เรยี นทากจิ กรรมท่ี 3.4 1.3 สงั เกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มโดยใช้แบบประเมนิ ผล การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่ม แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 4 หน่วยที่ 4 หัวข้อเรอ่ื ง โครงงานเป็นการทากิจกรรมเพ่ือที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง แสดงความรแู้ ละปฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์ การทาโครงงานวิทยาศาสตร์อาจทาไดห้ ลายรปู แบบเมื่อพิจารณารูปแบบและลกั ษณะของกิจกรรม การศกึ ษาคน้ คว้าสามารถจัดประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 4 ประเภทได้แก่ 1. โครงงานประเภทสารวจ 2. โครงงานประเภททดลอง 3. โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ 4. โครงงานประเภททฤษฎี โครงงานประเภทสารวจ เปน็ การสารวจขอ้ มลู ท่มี ีอยใู่ นธรรมชาติตามความสนใจของผู้เรียน แลว้ นามาจาแนกออกเป็นหมวดหมู่ และจัดทาให้เปน็ ระบบระเบยี บ นาเสนอในรปู แบบตา่ งๆ ลกั ษณะโครงงานประเภทนไี้ ม่มีการควบคมุ ตัวแปร ตา่ งๆ เป็นโครงงานท่ีงา่ ยเหมาะสาหรับการเรมิ่ ตน้ ในการทาโครงงานของผู้เรียน ในการสารวจและรวบรวม ข้อมูลอาจทาได้หลายรปู แบบ ดังน้ี โครงงานประเภททดลอง โครงงานประเภทน้ีเป็นการหาคาตอบของปัญหาใดปัญหาหนึ่ง โดยการออกแบบและดาเนินการ ทดลอง เพื่อหาคาตอบหรอื ตรวจสอบสมมตฐิ าน การออกแบบการทดลองมีการจัดทาตัวแปรอิสระ หรือตัวแปร ต้น เพ่ือดูผลที่เกิดข้ึนกับตัวแปรตามตาม และมีการควบคุมตัวแปรต่างๆท่ีอาจมีผลต่อตัวแปรท่ีต้องการศึกษา ตัวอย่างโครงงาน เช่น การศึกษาอิทธิพลชองแสงสีท่ีมีต่อการเจริญเติบโตของพืช กะปิกับการปักชาก่ิงไม้ น้ามะพร้าวชว่ ยเร่งการงอกรากของก่งิ โป๊ยเซยี น เปน็ ต้น โครงงานประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ ประโยชน์ในการทางาน การใช้สอยอ่ืนๆ ให้ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ โดยอาศัยความรู้หรือหลักการทาง โครงงานประเภทน้เี ปน็ การสร้างทฤษฎี หลักการแนวคิดใหม่ๆท่ีไม่มีใครคิดมาก่อน หรือขัดแย้ง หรือ กิจกรรมการเรียนรู้ (สปั ดาห์ท่ี 9 /18, คาบที่ 17- 18-/ 36) การวดั และการประเมินผล แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 5 หน่วยท่ี 5 หัวข้อเร่ือง เนือ้ หาสาระ การคดิ หวั ขอ้ เรื่องหรือปัญหาทจี่ ะศึกษา ตนเอง ซง่ึ หัวข้อเร่อื งของโครงงานควรมคี วามเฉพาะเจาะจง และชัดเจน บ่งชดั วา่ จะศึกษาสง่ิ ใด และควรเปน็ เร่ืองที่ศึกษา ได้ความรูใ้ นเรอ่ื งที่จะทาการศึกษาเพ่มิ เติมมากขึน้ ชว่ ยให้นักเรยี นกาหนดขอบเขตของเร่อื งทจ่ี ะ 5. จุดมุ่งหมายของการศึกษาคน้ ควา้ ควรระบใุ ห้ชัดเจน และเป็นส่ิงทส่ี ามารถวัดได้ เปน็ การบอก 6. สมมติฐานของการศกึ ษาค้นควา้ ( ถ้าม)ี สมมติฐานเป็นการคาดหวังผลท่ีเกดิ ขึ้นไว้ล่วงหน้า ซงึ่ อาจถูก 7. วิธดี าเนนิ งาน จากไหน อะไรบ้างท่ีต้องจดั ซื้อ อะไรบ้างที่ตอ้ งจดั ทาเอง อะไรบ้างที่ต้องขอยมื และขอยมื จากไหน ขอ้ มลู อย่างไร และเมื่อไหร่ พรอ้ มท้ังกาหนดเวลาเบื้องตน้ และเวลาเสรจ็ สน้ิ ของการดาเนินการในแต่ละขัน้ ตอน เขยี นให้ถูกต้องตามหลักการเขยี นเอกสารอ้างองิ ดว้ ย การลงมือทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ การเสนอผลงานการดาเนนิ การเปน็ เอกสาร เป็นวิธสี ื่อ 2. สว่ นเนอ้ื เรือ่ ง เปน็ ส่วนท่ปี ระกอบไปดว้ ยเนือ้ หาทัง้ หมด 5 บทไดแ้ ก่ 3. ส่วนอ้างองิ เป็นส่วนประกอบท่อี ยู่ตอนทา้ ย ไดแ้ ก่ เอกสารอ้างองิ หรอื บรรณนานกุ รม และภาคผนวก 1. ความปลอดภัยของการจัดแสดง 1. ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองท่ีทา โดยพิจารณาจาก การใช้หลักการทางวทิ ยาศาสตร์ และ 2. การใชว้ ธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ในการแกป้ ญั หา โดยพิจารณาจากการสังเกตทนี่ ามาสปู่ ัญหา 3. ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์โดยพิจารณาจาก ความแปลกใหม่ของเร่ืองที่ทา มีการดัดแปลง 4. การเขยี นรายงานและการจัดแสดงโครงงาน โดยพจิ ารณาจากความถูกต้องของแบบฟอร์ม 4 นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนมาอภปิ รายหน้าชัน้ เรียนเพอ่ื สรุป ขน้ั สอน ขน้ั สรุป 1 ครูอา้ งถึงประเดน็ ปญั หาท่นี ักเรยี นสนใจทาโครงงานวิทยาศาสตร์ในครงั้ ท่แี ลว้ ขน้ั สอน กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท่ี 16 /18, คาบที่ 31- 32-/ 36) ขัน้ สอน กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ท่ี 18 /18, คาบท่ี 35- 36-/ 36) การวดั และการประเมนิ ผล ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรียน เอกสารอ้างองิ |