Show
นอกจากจุดเด่นของความคลาสสิคและนาฬิกาไฮบริดแล้ว Vivomove 3 Series เรียกได้ว่าเป็น สมาร์ทวอทช์ซ่อนรูป ที่คนอื่นๆมองมาแถบไม่รู้เลย อาจจะคิดว่าเป็นแค่นาฬิกาเข็มทั่วๆไป ซึ่งตรงนี้ล่ะ ... คือจุดเด่นของ Vivomove 3 Series ที่แอบซ่อนหน้าจอ OLED ได้แนบเนียน เนียบจนไม่รู้ว่าแผงหน้าปัดหลังเข็มนั้น คือหน้าจอแสดงผลข้อมูลไว้ติดตามสุขภาพ และ ออกกำลังกาย ส่วนเรื่องวิธีการแสดงผลของหน้าดิจิตอล นั้นจะแสดงผลยังไง? จะทำงานควบคู่กับเข็มนาฬิกาจริงๆได้ยังไง? ไปชมรายละเอียดสเปคกันก่อน แล้วมาสรุปรายละเอียดของหน้าจอ เลือก Garmin Vivomove 3 Series ยังไง? ทำไมเยอะไปหมด ?โดยแบ่งรุ่นย่อยของ Vivomove 3 Series ได้ออกเป็น 3 รูปแบบหลักๆ
Vivomove Style / Luxe
รายละเอียด
ก่อนที่จะเริ่มใส่ Vivomove 3 Series เพียงเสียบชาร์จไฟกับสายชาร์จที่มีมาให้ในกล่อง เพื่อเปิดใช้งาน และนำไปซิงค์กับสมาร์ทโฟนด้วย Garmin Connect app ผ่านบลูทูธ โดยทำตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้นก็พร้อมใส่ใช้งานได้ทันที ระหว่างสวมใส่ Vivomove 3 Series หน้าจอแสดงผลดิจิตอลจะยังไม่ถูกทำงาน เพื่อให้เข็มนาฬิกาได้แสดงผลเวลาอย่างเดียว แต่เมื่อมีการเคลื่อนไหวจากท่าทางพลิกนาฬิกาขึ้นมาดู เข็มนาฬิกาจะถูกหลบขึ้นมาชั่วคราว เพื่อแสดงผลข้อมูลจากหน้าจอดิจิตอล และ ควบคุมด้วยระบบสัมผัส หลังจากพลิกข้อมือลงสักครู่ นาฬิกาจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ เพื่อใช้ดูเวลาจากเข็มปกติ โดยระบบติดตามต่างๆ จะยังทำงานอยู่อัตโนมัติอยู่เบื้องหลัง รูปทรงตัวเรือน
หน้าจอ
การแสดงผลข้อมูลประเภทการแสดงผลของหน้าจอดิจิตอลแบ่งได้ 2 ประเภท
รูปแบบการแสดงยังเหมือนเดิมกับรุ่นที่แล้วอย่าง Vivomove Hr ที่แสดงผลเฉพาะด้านล่างเท่านั้น ส่วนด้านบนจะสลักโลโก้ Garmin คงไว้
สำหรับจอแสดงผลด้านบนที่เพิ่มเข้ามา จะแสดงสีสันด้วยไอคอนที่เข้าใจได้ง่าย พร้อมเป้าหมายที่ควรทำได้เพื่อส่งผลดีต่อสุขภาพ
เซนเซอร์ด้านหลังนาฬิกามาพร้อม เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และ เซ็นเซอร์ Pulse Ox ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของ Garmin รุ่นใหม่ๆ สำหรับวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด โดยเปิด/ปิดใช้งานอัตโนมัติ สายนาฬิกาVivomove 3 Series ใช้สายรูปแบบ Quick Release ที่ถอดเปลี่ยน หรือ ใช้งานได้ง่าย สะดวก โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วย จึงเปลี่ยนสีสันให้เหมาะกับสไตล์ได้ลงตัว โดยมีจุดที่แตกในเรื่องของ ขนาด และ วัสดุของสายดังนี้
ใช้งานในชีวิตประจำวันหน้าปัดนาฬิกาแสดงผลข้อมูลเวลา, วัน/เดือน และ จำนวนแบตเตอรี่ที่คงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นหน้าหลักสำหรับเลื่อนเปลี่ยนข้อมูลแสดงผลต่างๆ จำนวนก้าวเดินสถิติเหล่านี้จะถูกติดตามอัตโนมัติเพียงใส่ไว้บนข้อมือตลอดเวลา โดยตรวจจากการเคลื่อนไหวของแขน เพื่อมาคำนวณเป็นจำนวนก้าว โดยฝั่ง Vivomove Style/Luxe จะดูเป้าหมายด้วยแถบครึ่งวงกลมด้านบน วัดความเครียดเป็นฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิตอย่างมาก สำหรับการผ่อนคลาย หยุดพักจากความเครียด โดยอาศัยเซนเซอร์วัดชีพจรเข้ามาตรวจวัดความแปรผัน เพื่อแสดงข้อมูลออกว่าอยู่ในระดับ ผ่อนคลาย หรือ เครียด จากสภาวะต่างๆในขณะนั้น บันทึกดื่มน้ำเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาสำหรับคนรักสุขภาพ สำหรับบันทึกข้อมูลการดื่มน้ำระหว่างวัน โดยผู้ใช้ต้องเป็นผู้บันทึกข้อมูลด้วยตนเอง ด้วยการเลือกปริมาณของน้ำที่ได้ดื่มไปจริงๆ การแสดงผลในเรื่องการแสดงผลรายละเอียดฝั่ง Vivomove 3S/3 ค่อนข้างดูยากกว่า Vivomove Style/Luxe ด้วยเนื้อที่แสดงผลที่ถูกจำกัดเพียงพื้นที่ด้านล่างเท่านั้น Body Batteryอยากให้ได้ลองนำไปใช้งาน เพื่อตรวจวัดระดับพลังงานในร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมออกกำลังกาย หรือ ควรหยุดพักผ่อน ติดตามออกกำลังกายโหมดออกกำลังกาย
การแสดงผลในโหมดออกกำลังกายฝั่ง Vivomove Style/Luxe จะได้เปรียบตรงที่หน้าจอด้านบนที่แสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอด ในช่องด้านล่างสำหรับเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ แต่โดยรวมแล้วข้อมูลที่แสดงผลเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มออกกำลังกาย Pulse OXสำหรับเช็คภาพรวมว่าการนอนหลับที่ละเอียดขึ้น จากช่วง REM รวมถึงค่าออกซิเจนในเลือด VO2 Maxเห็นว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็มี VO2 Max มาให้ได้ใช้งาน เพื่อเช็คค่าความฟิตของร่างกาย เพื่อวัดผลจากการออกกำลังกาย หรือ ความพร้อมต่อการออกกำลังกายที่มีคุณภาพ แพร่สัญญานอัตราการเต้นของหัวใจเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ช่วยส่งสัญญานอัตราการเต้นของหัวใจไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ สรุปปิดท้ายGarmin Vivomove 3 Series ของดี ของคนรักสุขภาพ ถ้าคุณกำลังคิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องไกลตัว ไม่รู้สถิติของสุขภาพ และ วัดผลอะไรไม่ได้เลย อยากให้ลอง Vivomove 3 Series มาใส่แทนนาฬิกาปกติที่ใส่อยู่ ด้วยแบตเตอรี่ที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกวัน บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์มือใหม่ที่ต้องการติดตามสุขภาพ บอกเลยว่ามีความสุขกับการใช้งานอย่างแน่นอน |