อย่าทํางานหนักจนลืมกินข้าว ภาษาอังกฤษ

ในชีวิตคนเราต่างก็ต้องมีคนที่รักและห่วงใยกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครต่างก็คาดหวังที่จะให้คนที่เรารักมีกำลังกายและกำลังใจที่แข็งแรง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกๆวัน การแสดงความห่วงใย ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของเราต่อใครสักคน แถมยังเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นได้มากกว่าที่เราคาดคิดเสียด้วยซ้ำนะคะ ดังนั้น คำว่า “เป็นห่วงนะ” จึงจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน วันนี้เรามาเรียนรู้การพูดคำนี้เป็นภาษาอังกฤษกันดีกว่าค่ะ

อย่าทํางานหนักจนลืมกินข้าว ภาษาอังกฤษ

หากต้องการจะบอกว่า “ฉันเป็นห่วงเธอนะ” สามารถพูดตรงๆได้เลยว่า:

I do care about you (ไอ ดู แคร์ เออะเบ้าท์ ยู)/ I care about you (ไอ แคร์ เออะเบ้าท์ ยู)
หมายถึง ฉันเป็นห่วงคุณ ตามตัวเลยค่ะ

I’m worried about you (อัม วอรี่ด์ เออะเบ้าท์ ยู)/ I worry about you (ไอ วอรี่ เออะเบ้าท์ ยู)
worry แปลว่า กังวล ถ้าเรารู้สึกกังวลเกี่ยวกับคนๆนั้นก็แปลว่าเราเป็นห่วงเขานั่นเองค่ะ

ยังมีอีกคำที่ใช้ได้เหมือนกันคือ I’m concerned about you (อัม เคินเซินด์ เออะเบ้าท์ ยู) ซึ่งคำว่า concern ก็แปลว่าเป็นห่วงเป็นใยเช่นเดียวกันค่ะ

แหม แหม แหม จะบอกว่าเป็นห่วงตรงๆก็เขินชะมัด ไหนลองมาเรียนรู้วิธีบอกเป็นห่วงแบบอ้อมโลกสไตล์พระเอกเกาหลีกันบ้างดีกว่า บอกไว้ก่อนเลยว่ามีเพียบ!

  1. Take care of yourself (เทค แคร์ เออฟ ยอร์เซลฟ์)
    แปลว่า ดูแลตัวเองด้วย (ก็เราเป็นห่วงเธอไง ทำอะไรให้ระวัง)
  1. Be careful (บี แคร์ฟูล)
    แปลว่า ระวังตัวด้วยนะ
  1. Tread carefully (เธรด แคร์ฟูลี่)
    แปลว่า ระวังตัวด้วย อย่าเจออุปสรรคล่ะ
  1. Be cautious (บี ค้อวเชิ่ส)
    แปลว่า ระมัดระวังตัวด้วย
  1. Go easy on yourself! (โก อิซี่ เออน ยอร์เซลฟ์)
    แปลว่า อย่าหักโหมมากนะ
  1. Stay out of trouble! (สเตย์ เอ้าท์ เออฟ ทรับเบิล)
    แปลว่า อยู่ให้ห่างจากปัญหาล่ะ (เค้าเป็นห่วง อิอิ)
  1. Godspeed (ก๊อดสปีด)
    แปลว่า ขอให้โชคดี (มักจะใช้อวยพรก่อนการเดินทาง)
  1. Don’t do anything I wouldn’t do! (โด้นท์ ดู เอนี่ธิง ไอ วู้ดดึ้น ดู)
    แปลว่า อย่าทำอะไรก็ตามที่ฉันไม่มีทางทำ (คืออย่าทำอะไรบ้าๆที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกันนั่นแหละ)
  1. Put yourself first (พุท ยอร์เซลฟ์ เฟิสท์)
    แปลว่า เอาตัวเองให้รอดก่อน (อย่าคิดถึงแต่คนอื่น นึกถึงและดูแลตัวเองบ้าง)
  1. Take care of number 1! (เทค แคร์ เออฟ นัมเบอะวัน)
    แปลว่า ห่วงตัวเองเป็นอันดับแรก (หมายเลข1 นี่หมายถึงตัวเราเองนะคะ เป็นการเรียงลำดับความสำคัญ เหมือนบอกให้เขาดูแลตัวเองบ้างคล้ายๆ Put yourself first)
  1. Don’t work too hard! (โด้นท์ เวิร์ค ทู ฮ้าด)
    แปลว่า อย่าทำงานหักโหมจนเกินไป
  1. Stay healthy! (สเตย์ เฮ้ลถี่)
    แปลว่า ขอให้แข็งแรง (จงอยู่อย่างมีสุขภาพที่ดี)
  1. Don’t do anything silly! (โด้นท์ ดู เอนี่ธิง ซิลลี่)
    แปลว่า อย่าทำอะไรบ้าๆล่ะ (เกาหลีสุดๆ 55)
  1. Get some ‘me-time’ (เก็ท ซัม มี ไทม์)
    แปลว่า รู้จักมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
  1. Don’t let anyone bring you down (โด้นท์ เล็ท เอนี่วัน บริง ยู ดาวน์)
    แปลว่า อย่าให้ใครมาทำให้เรารู้สึกแย่ (เอาไว้ใช้ปลอบใจก็ดีนะ)
  1. Go and put your feet up (โก แอนด์ พุท ยอร์ ฟี้ท อั๊พ)
    แปลว่า ไปพักทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายบ้าง
  1. I’m with you all the way (อัม วิธ ยู ออล เดอะ เวย์)
    แปลว่า ฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลา (ไม่ว่าจะดีหรือร้าย)
  1. I’ll be there for you (อาวล์ บี แด ฟอร์ ยู)
    แปลว่า ฉันจะอยู่ตรงนั้นกับเธอเอง (อย่าคิดว่าไม่มีใคร)
  1. I’ll always be by your side (อาวล์ เอาเวยส์ บี บาย ยอร์ ไซด์)
    แปลว่า ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเสมอ
  1. I’m behind you all the way (อัม บีไฮด์ ยู ออล เดอะ เวย์)
    แปลว่า ยังฉันก็สนับสนุนเธออยู่นะ (สู้ๆ!)

จดจำคำเหล่านี้ไว้และนำไปใช้กับคนที่เรารักดูสิคะ เขาต้องสัมผัสได้ว่าเราห่วงใยและเอาใจใส่เขาแน่ๆเลย อย่าลืมนะคะว่า กำลังใจนั้นถึงไม่มีราคาแต่มันกลับสุดแสนจะมีค่าสำหรับทุกคนค่ะ

โอ๊ย งานถั่งเทถาโถมดั่งสึนามิ จำนวนงานนับด้วยนิ้วมือไม่ครบแล้ว ต้องอดหลับอดนอนนั่งทำงานถึงดึกๆ ดื่นๆ พระอาทิตย์ไม่ขึ้นอีกรอบหยุดทำงานไม่ได้ ซัดเครื่องดื่มผสมกาเฟอีนเพื่อถ่างตาจนแทบลืมรสน้ำเปล่าไปแล้ว พระมหาชนกหยุดว่ายน้ำไม่ได้ฉันใด เราก็หยุดทำงานไม่ได้ฉันนั้น

ถ้างานเยอะขนาดนี้ จะให้บ่นแค่ I’m very busy. หรือ I’ve been working very hard. ก็คงไม่ได้อารมณ์ ไม่ยุติธรรมต่อหยาดเหงื่อแรงกายหรือความลำบากแสนเข็ญที่เราเผชิญ

สัปดาห์นี้เราจะไปดูกันว่า ภาษาอังกฤษมีสำนวนเก๋ๆ อะไรให้เราหยิบมาใช้บ่นเรื่องงานได้บ้าง

โอ๊ย งานเยอะเหลือเกิน

A lot on your plate

สำนวนนี้หมายถึง มีงานมากเกินพออยู่แล้ว อาจใช้ในกรณีที่ต้องการปฏิเสธงาน เช่น I’m afraid I’ll have to pass on this one. I’ve already got a lot on my plate. ก็จะหมายถึง งานนี้คงต้องขอผ่าน ผมมีงานล้นมืออยู่แล้ว หรือถ้าจะบอกว่า อย่าไปกวนเขาเลย แค่นี้เขาก็มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากพออยู่แล้ว ก็อาจพูดว่า Let’s not bother him. He’s got enough on his plate already.

ภาพของสำนวนนี้มาจากการกินอาหาร ถ้าในจานมีอาหารมากอยู่แล้ว ใครจะตักให้เพิ่มก็คงจะกินไม่ไหวนั่นเอง

Up to my eyes in work

สำนวนนี้ก็เป็นอีกสำนวนที่หมายถึง งานท่วมหัว ใช้เพื่อบอกว่ามีงานต้องสะสางอีกมากมาย เช่น I’m afraid I’m gonna have to bail on you guys. I’m still up to my eyes in work. ก็จะหมายถึง สงสัยต้องขอชิ่งนะ งานยังเหลืออีกตรึมเลย

ภาพของสำนวนนี้มาจากคำแปลตรงตัว ก็คือมีกองงานสุมกันสูงถึงลูกตาเลยทีเดียว ถ้าไม่พูดว่า up to my eyes in work ก็อาจจะพูดว่า up to my ears in work หรือมีงานกองสูงถึงหู ก็ได้เช่นกัน

โอ๊ย งานหลายอย่างไปไหน

Too many irons in the fire

สำนวนนี้หมายถึง ทำงานหลายอย่างเกินไป เช่น Please don’t say you’re taking on another project. You already have too many irons in the fire. ก็จะหมายถึงว่า อย่าบอกนะว่าจะรับโปรเจ็กต์เพิ่ม แค่นี้ก็ทำอยู่หลายอย่างเกินไปแล้วนะ

ที่เหล็กและไฟมาเกี่ยวกับปริมาณงานก็เพราะสำนวนนี้มีที่มาจากโรงตีเหล็ก iron ที่ว่านี้คือ เหล็กที่นำไปเผาไฟก่อนตี หากนำเหล็กไปเผาหลายชิ้นเกินไป ก็จะตีไม่ทันนั่นเอง

Too many balls in the air

สำนวนนี้มีความหมายคล้ายสำนวนก่อนหน้า หมายถึง มีงานที่ต้องดูแลหลายพร้อมกันหลายงานเกินไป เช่น Years of keeping too many balls in the air have taken a toll on his health. หมายถึง การแบ่งร่างทำงานหลายอย่างเป็นเวลาหลายปีส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเขา

สำนวนนี้มีที่มาจากจำอวดที่โยนลูกบอลให้ลอยอยู่กลางอากาศหลายลูกพร้อมกันโดยไม่ตกพื้น ยิ่งลูกบอลมีจำนวนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเลี้ยงให้ไม่ตกถึงพื้นยากขึ้นเท่านั้น

Bite off more than you can chew

สำนวนนี้เป็นอีกสำนวนที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน ใช้หมายถึง รับงานมาเกินความสามารถ ไม่ว่าจะเพราะรับงานปริมาณมากเกินไปหรืองานที่รับมายากเกินกว่าจะทำได้ ตัวอย่างเช่น I may have probably bit off more than I could chew when I decided to take on the project all by myself. ก็จะหมายความว่า สงสัยที่ตัดสินใจรับทำงานชิ้นนี้คนเดียวจะเกินตัวไป

ใครที่เป็นสายกินโหดก็อาจเคยประสบเหตุการณ์ที่เป็นที่มาของสำนวนนี้ เพราะหากแปลตรงๆ สำนวนนี้จะหมายถึง กัดอาหารเข้าปากเยอะเกินจนเคี้ยวไม่ไหว ถ้าไม่คายออกมาก็ต้องอมค้างไว้ในปากอย่างนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเรื่องงานจึงหมายถึงรับงานเกินความสามารถของตัวเอง

Spread yourself too thin

สำนวนนี้ใช้เพื่อหมายถึง ทำงานหลายอย่างเกินไปจนดูแลไม่ทั่วถึง ทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ เช่น Don’t spread yourself too thin. It’s better to focus on a few things and do them well. ก็จะหมายความว่า อย่าโลภทำงานหลายอย่างเกินไปแต่ทำได้ไม่ดีสักอย่าง เลือกทำไม่กี่อย่างแต่ทำให้ดีจะดีกว่า

สำนวนนี้ให้ภาพเหมือนเวลาที่เรากำลังทาเนยลงบนขนมปัง ด้วยเนยปริมาณเท่ากัน หากยิ่งทาบนขนมปังแผ่นใหญ่ก็จะยิ่งทำให้เนื้อเนยบาง ยิ่งหากทาบนขนมปังแผ่นใหญ่มากๆ เข้าแล้วก็อาจทาได้ไม่ทั่วแผ่น กินเข้าไปก็ไม่อร่อยอีกเพราะแทบไม่เหลือรสเนยแล้ว

โอ๊ย ทำงานดึกดื่น

Burn the midnight oil

สำนวนนี้หมายถึง ทำงานจนถึงดึกดื่น เช่น The only way I can get this done is to burn the midnight oil. หมายถึง จะทำงานเสร็จได้มีวิธีเดียว คือต้องถ่างตาทำจนถึงดึกดื่น นอกจากจะใช้กับเรื่องการทำงานแล้ว สำนวนนี้จะใช้กับการเรียนหรือกิจกรรมอื่นก็ได้เช่นกัน

ที่น้ำมันมาเกี่ยวโยงกับการทำงานดึกๆ ดื่นๆ ได้ก็เพราะน้ำมันในที่นี้หมายถึง น้ำมันตะเกียง ที่ใช้กันก่อนที่จะมีหลอดไฟ ในสมัยนั้นถ้าจะทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็ต้องอาศัยไฟจากตะเกียงน้ำมัน จึงเรียกการทำงานดึกว่าเป็นการเผาน้ำมันตะเกียงนั่นเอง

No rest for the wicked.

สำนวนนี้ใช้พูดเพื่อบอกว่า คนคนนั้นยังหยุดทำงานไม่ได้ ยังมีงานมากมายต้องทำต่อไป เช่น Guess I’ll have to pull an all-nighter again. Well, there’s no rest for the wicked. หมายถึง ดูท่าแล้วสงสัยจะต้องโต้รุ่งอีกแล้ว คนมีกรรมก็ต้องก้มหน้าทำงานต่อไปเนอะ

สำนวนนี้มีที่มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ล เดิมทีหมายถึง คนบาปย่อมไม่ได้พบสันติสุขในชีวิต ต้องทรมานไปตลอดกาลในนรก แต่ภายหลังเริ่มนำมาใช้ติดตลกว่าที่ต้องทำงานหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้นก็เพราะเป็นคนบาป อย่างที่ใช้กันในปัจจุบัน

Burn the candle at both ends

สำนวนนี้หมายถึง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เช่น หากหมู่นี้เราตื่นแต่ไก่โห่แล้วทำงานจนถึงดึกดื่นเพื่อทำงานให้เสร็จทันเวลา ก็อาจพูดว่า I’ve been burning the candle at both ends trying to finish this project in time.

คำว่า end ในที่นี้หมายถึง ส่วนปลายของเทียน แรกเริ่มเดิมทีแล้วสำนวนนี้เคยหมายถึงการล้างผลาญหรือใช้ของสิ้นเปลือง ปกติแล้วคนโบราณจะใช้เทียนประหยัดเพราะเป็นของมีค่า หากจุดเทียนทีเดียวทั้งสองปลายก็ยิ่งทำให้เทียนหมดเร็วและถือเป็นการสิ้นเปลือง ภายหลังนำมาใช้ในความหมายทำนองว่า ใช้ชีวิตหรือสุขภาพสิ้นเปลืองเพราะโหมงานหนักนั่นเอง

โอ๊ย ทำงานหักโหมจนเจ็บไข้

Run myself into the ground

สำนวนนี้หมายถึง ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหว เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เช่น หากเราจะเตือนเพื่อน (หรือตัวเอง) ว่าถ้าไม่หลับไม่นอนร่างกายจะไม่ไหวเอา ก็อาจจะพูดว่า If you keep going without sleep like this, you’ll run yourself into the ground. ก็จะหมายถึง ถ้าขืนทำงานไม่หลับไม่นอนแบบนี้ เดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอานะ

สำนวนนอกจากจะพูดว่า run myself into the ground จะใช้กริยา work หรือ drive แทนก็ได้ ให้ภาพเหมือนของที่ถูกใช้งานหนักหรือรับแรงกดดันมากจนมีส่วนที่ถูกกดจมลงไปในดิน

บรรณานุกรม

  • American Heritage Dictionary of the English Language
  • Ammer, Christine. The American Heritage Dictionary of Idioms. Houghton Mifflin Harcourt: New York, 2013.
  • Ayto, John. Oxford Dictionary of English Idioms. OUP: Oxford, 2009.
  • Brenner, Gail. Webster’s New World American Idiom Handbook. Wiley Publishing: Indianapolis, 2003.
  • Cambridge Advanced Learners’ Dictionary
  • Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David. The Penguin Dictionary of English Idiom. Penguin Books: London, 2002.
  • Jack, Albert. Red Herrings and White Elephants: The Origins of the Phrases We Use Every Day. Metro Publishing: London, 2004.
  • Longman Dictionary of Contemporary English
  • Oxford Advanced Learners’ Dictionary
  • Shorter Oxford English Dictionary
  • Speake, Jennifer. Oxford Dictionary of Proverbs. Oxford University Press: Oxford, 2008.

Fact Box

ในภาษาอังกฤษมีสุภาษิตว่า All work and no play makes Jack a dull boy. หมายถึง คนที่ทำแต่งาน ไม่มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจ จะกลายเป็นคนที่น่าเบื่อ ไร้ประกาย เพราะไม่ได้ไปพบเจออะไรใหม่ที่หล่อหลอมให้เป็นคนที่น่าสนใจ

Tags: ศัพท์ภาษาอังกฤษ, สำนวน, งานหนัก