โรค ที่ มา กับ pm2 5

PM2.5 ยังคงมีมาเรื่อย ๆ เราจึงควรป้องกันตัวเองให้ดีเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพจากอันตรายของฝุ่นจิ๋วพวกนี้ การป้องกันตัวที่ดีเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ที่มีปัจจัยมาจาก PM2.5 ในภายหลังได้ เช่นเดียวกับการซื้อประกันสุขภาพที่ต้องมีไว้ตั้งแต่ตอนที่สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย เพื่อจะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ เพราะประกันสุขภาพไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนซื้อ เราจึงต้องเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 

พลัสความคุ้มครองสุขภาพอย่างเหนือระดับ เลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต Elite Health Plus เหมาจ่ายตามจริง 20 - 100 ล้านบาทต่อปี +เข้ารักษาได้ทุก รพ. ทั่วไทยหรือทั่วทุกมุมโลก(1) คุ้มครองทั้งโรคอุบัติใหม่ โรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี ดูแลสุขภาพยาว ๆ ถึงอายุ 99 ปี คุ้มครองครบทั้ง IPD และ OPD(2) เบี้ยวันละไม่ถึง 83 บาท(3)

✔ คุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน แบบเหมาจ่ายตามจริง หรือ ห้องเดี่ยวพิเศษก็คุ้มครอง 10,000 - 25,000 บาทต่อวัน

✔ คุ้มครองค่าห้อง ICU แบบจ่ายตามจริง รวมสูงสุด 365 วัน

✔ ครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็ง ทั้งแบบเคมีบำบัดและแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) การวินิจฉัยแบบ MRI และการฟอกไตโดยไม่ต้องแอดมิท

✔ เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล

✔ เลือกซื้อเพิ่มได้ ความคุ้มครองคลอดบุตร หรือ แพ็กตรวจสุขภาพประจำปี ทันตกรรม ฉีดวัคซีน และค่ารักษาทางสายตา ได้ตามใจ

ซื้อวันนี้! ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% สูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

(1) กรณีเลือกพื้นที่ความคุ้มครองทั่วโลก

(2) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท

(3) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 35 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

ผลกระทบจากฝุ่นพิษ PM 2.5 คำแนะนำ และการป้องกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายเพื่อต่อต้านสารพิษต่างๆ ด้วยการตรวจค้นหาปริมาณสารอนุมูลอิสระ (Free radical) และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)ที่จะช่วยในการวางแผนป้องกันโรค ชะลอความเสื่อมของร่างกายและโรคเรื้อรังต่างๆ กับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย Wellness Center โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

ฝุ่นพิษ หรือ ฝุ่น PM 2.5 ที่เราๆ เริ่มคุ้นเคยกันมาบ่อยๆ ในช่วง 3-5 ปีนี้ คือ อนุภาคมลพิษทางอากาศขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน มี ส่วนประกอบสำคัญหลัก คือ คาร์บอนอินทรีย์ สาร PAHs เกลือซัลเฟต เกลือไนเตรท โลหะหนัก ซึ่งมีสัดส่วน เปลี่ยนไปบ้างตามแหล่งกำเนิดของมลพิษและฤดูกาล เนื่องจากฝุ่นละอองพิษที่มีขนาดเล็กมาก จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ความเข้มข้นและความรุนแรงของฝุ่น PM 2.5 นี้จะมีมากขึ้นในฤดูแล้ง (ช่วง เดือน ธันวาคม – เมษายน ของทุกปี)

การหายใจในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 มากก็จะทำให้มีการสูดดมเอาฝุ่นละอองเหล่านี้เข้าไปในร่างกายและแทรกซึมลึกถึงถุงลมฝอยในปอด และเข้าไปสู่ทุกเซลล์ของระบบอวัยวะในร่างกายเราได้อย่างรวดเร็ว นอกจากตัวมันเองที่เป็นอันตรายแล้ว ยังพาเพื่อนเเก๊สมลพิษอื่นๆที่อยู่ปะปนกัน ตามเข้ามาในร่างกายเราด้วย จึงทำให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพแทบทุกระบบอวัยวะของร่างกาย ส่วนผลกระทบจะมากหรือน้อย ขึ้นกับปัจจัยสำคัญ ดังนี้

  1. ระดับความเข้มข้นของ PM 2.5 ที่ได้รับ
  2. ระยะเวลาที่ร่างกายได้รับสะสม
  3. สัดส่วนของสารประกอบชนิดต่างๆ ในฝุ่น PM 2.5
  4. สภาวะของร่างกายขณะได้รับ PM2.5 (เช่น ทารกในครรภ์มารดาและช่วงวัยต่าง ๆ ความไวต่อมลพิษของบุคคล ความ เจ็บป่วยที่มีอยู่เดิม สุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย)

ผลกระทบดังกล่าวอาจมีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ มีอาการอักเสบแฝงในระบบอวัยวะจนเกิดอาการผิดปกติ ซึ่งเกิดได้ทั้งฉับพลันทันทีทันใด และแบบเรื้อรัง โดยผลกระทบตามระยะต่าง ๆ อาจทำให้เกิดโรคขึ้นใหม่ หรือทำให้โรคเดิมรุนแรงขึ้นทำให้เซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมจนทำให้อวัยวะทำงานเสื่อมเร็วและรุนแรงขึ้นอาจทำให้เซลล์กลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง ตัวอย่างผลกระทบจาก PM2.5 ต่อระบบอวัยวะสำคัญหลักในการดำรงชีวิต ได้แก่

  • ระบบการหายใจที่พบได้เร็วและบ่อย (เช่น โพรงจมูกอักเสบทั้งแบบภูมิแพ้ และติดเชื้อหลอดคอ กล่องเสียงและหลอดลมอักเสบ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปอดอักเสบ) ยังทำให้เกิดการติดเชื้อ (เช่น ไวรัสไข้หวัด ไวรัสไข้หวัดใหญ่ แบคทีเรีย)ได้ง่ายและรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า
  • ระบบหัวใจ(กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว)
  • ระบบหลอดเลือด (หลอดเลือดไปเลี้ยงสมองเสื่อม โรคstrokeของหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ หลอดเลือดดำอุดตัน)
  • ระบบสมอง(สมองด้อยประสิทธิภาพ สมองเสื่อม สมาธิสั้นและระบบจิตประสาท (อารมณ์แปรปรวน ความผิดปกติทางจิตแบบซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย)
  • มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งของอวัยวะต่าง ๆ (โดยเฉพาะมะเร็งปอด)

คำแนะนำในการป้องกันและดูแลตนเองในช่วงที่มีวิกฤตฝุ่นพิษ

  1. ติดตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศในบริเวณที่ตัวเองอยู่หรือจุดใกล้เคียงที่สุดเป็นระยะ ๆ หากไม่มีค่าคุณภาพอากาศในบริเวณใกล้เคียง อาจใช้เครื่องวัด 5 แบบพกพา ที่ตรวจวิเคราะห์ค่าพอจะเทียบเท่ามาตรฐานได้ นำมาใช้ในการวางแผนดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น หลีกเลี่ยงพื้นที่นั้น หรือใช้เวลาทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่นั้นๆให้น้อยที่สุด
  2. ปิดประตูหน้าต่าง เพื่อไม่ให้มลพิษอากาศเข้ามาสะสมในอาคาร และใช้เครื่องฟอกอากาศในอาคารที่ทำงานหรืออยู่อาศัย เช่น ห้องทำงาน ห้องนอน หรือห้องที่อยู่อาศัยเป็นเวลานาน หากปิดห้องนาน ๆ ระบบไหลเวียนอากาศไม่เพียงพอ (รู้สึกอึดอัด ปวดหรือมึนศีรษะ)ให้เปิดแง้มห้องเพื่อระบายอากาศระยะสั้น ๆ แล้วปิดตามเดิม อาจต้องทำสลับเช่นนี้จนคุณภาพอากาศลดลงมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับแต่ละบุคคล
  3. ควรสวมหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ (N-95) และสวมให้ถูกวิธี จำเป็นต้องเลือกขนาดที่ใส่ได้กระชับกับรูปจมูกและใบหน้า หากเริ่มอึดอัดหรือเหนื่อยให้ถอดออกเพียงชั่วครู่ ก็จะรู้สึกสบายขึ้นแล้วรีบสวมใหม่ ทำสลับกันไปเช่นนี้จนดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยกับตนเอง
  4. ผู้ที่ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบมากยิ่งขึ้นควรงดเว้นการออกไปในบริเวณที่มีปริมาณฝุ่นมลพิษปริมาณมาก หากจำเป็นควรสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย หลังเสร็จกิจกรรมให้อาบน้ำชำระล้างทำความสะอาดผิวหนัง ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิว ก็จะช่วยลดทอนการสัมผัสโดยตรงต่อฝุ่นมลพิษPM 2.5 ได้
  5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายนอกอาคารหรือในอาคาร(โรงยิม)ที่ไม่มีระบบฟอกอากาศนาน ๆหรืออาจต้องงดออกกำลังกายขึ้นกับระดับคุณภาพอากาศในช่วงเวลานั้นและปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล
  6. หลีกเลี่ยงการอยู่ในอาคารที่ไม่มีระบบฟอกอากาศ
  7. ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง หรือโรคระบบหายใจเรื้อรัง เช่นหอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง ควรหมั่นสังเกตอาการ โรคกำเริบ ถ้ามีอาการควรใช้ยาหรือรักษาเบื้องต้นตามที่แพทย์เคยแนะนำและไปพบแพทย์โดยเร็วหากอาการไม่หายเป็นปกติ
  8. ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวหรือสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี ถ้ามีอาการผิดปกติที่รบกวนชีวิตประจำวันควรรีบพบแพทย์เช่นกัน อาการสำคัญที่ควรรีบไปพบแพทย์อย่างฉุกเฉิน ได้แก่ แน่นอกหรือเจ็บหน้าอกหรือเจ็บท้องใต้ลิ้นปี่เหมือนมีของหนักกดทับ เหนื่อยหอบผิดปกติ ปวดมึนศีรษะ ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้าหรือแขนขาซีกใดซีกหนึ่งอย่างฉับพลัน มุมปากตก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ออก สับสน มองไม่เห็นฉับพลัน อาการไอเป็นชุด ๆ ไอมีเสียงดังหวีด มีไข้และหอบเหนื่อย เป็นต้น
  9. สวมใส่แว่นตาขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันดวงตาจากมลพิษ ใช้น้ำเกลือมาตรฐานล้างตาหากรู้สึกระคายเคืองตา
  10. ใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อล้างฝุ่นควันลดอาการคัดจมูก หรือ กลั้วคอ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
  11. หลีกเลี่ยงก่อมลพิษ เช่น ไม่เผาทุกชนิด ไม่สูบบุหรี่ ไม่ใช้รถควันดำ หรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถ้าพบเหตุการณ์เผาป่าหรือหญ้าข้างทาง

**** สามารถดูแลสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายเพื่อต่อต้านสารพิษต่างๆด้วยการตรวจค้นหาปริมาณสารอนุมูลอิสระ (Free radical) และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)ที่จะช่วยในการวางแผนป้องกันโรค ชะลอความเสื่อมของร่างกายและโรคเรื้อรังต่างๆ กับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย Wellness center รพ.สินแพทย์ รามอินทรา****