ในแง่ของการให้บริการ 5G ปัจจุบัน มีเพียงดีแทครายเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ ทำให้ต้องเร่งติดตั้งสถานีฐาน 5G บนคลื่น 700 MHz ออกมาให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง 5G ได้ แต่ในความเป็นจริง การที่คลื่น 700 MHz มีแบนด์วิดท์ในการให้บริการเพียง 10 MHz (10x2 MHz เนื่องจากใช้เทคโนโลยี FDD ที่ต้องมีการแบ่งช่วงคลื่น Uplink-Downlink) จะสามารถทำความเร็วในการใช้งานได้เร็วกว่า 4G ประมาณ 10-20% เท่านั้น ดังนั้น 5G บนคลื่น 700 MHz ที่มีแบนด์วิดท์ 10 MHz จะทำความเร็วได้ประมาณ 90-100 Mbps และถ้าเพิ่มเป็นสูงสุดที่ 15 MHz จะได้ความเร็วเพิ่มเป็นไม่เกิน 150 Mbps ซึ่งในจุดนี้ เอไอเอสเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวที่จะใช้ความสามารถของ 5G บนคลื่น 700 MHz ได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะถือครองคลื่นความถี่ 15x2 MHz แบบเต็ม Super Block ทำให้เห็นได้ว่าความเร็วที่ได้จาก 5G บนคลื่น 700 MHz นั้นจะไม่สูงเท่ากับคลื่นความถี่ย่านกลางที่เหมาะกับการให้บริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงอย่าง 2600 MHz ที่ปัจจุบัน AIS สามารถเร่งความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G ขึ้นไปได้อยู่ที่ราว 1.2 Gbps และเมื่อเทียบกับคลื่น mmWave ที่ได้ความเร็วระดับ Gbps เป็นเรื่องปกติ จึงทำให้เห็นว่า แต่ละช่วงคลื่นความถี่ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้คลื่นความถี่ 700 MHz ถูกนำไปใช้งานกับทีวีดิจิทัล ทำให้อีก 5 MHz ที่เหลือ เอไอเอสต้องรอ กสทช. ปรับจูนคลื่นความถี่ที่ใช้งานกับทีวีดิจิทัล และนำมาบริหารจัดการให้เรียบร้อยก่อนจึงสามารถนำมาใช้งานได้ ประกอบกับจุดเด่นของคลื่นความถี่ย่านต่ำ ทำให้จากเดิมโอเปอเรเตอร์ที่ใช้งานคลื่น 900 MHz จะสามารถขยายพื้นที่ได้ครอบคลุมมากกว่าเดิม เมื่อเปลี่ยนมาใช้งานคลื่น 700 MHz ซึ่งกลายเป็นว่าโอเปอเรเตอร์ที่มีประสบการณ์กับคลื่นความถี่ต่ำมากที่สุด ก็คือ เอไอเอส ที่เริ่มยุคของการใช้งานด้วย GSM 900 ตั้งแต่สมัยแรกๆ ที่ให้บริการ ***ความหน่วงต่ำสำคัญที่สุด ประโยชน์ในการใช้งาน 5G บนคลื่น 700 MHz นอกเหนือจากความครอบคลุมแล้ว ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องของความหน่วงต่ำ หรือ Low Latency ทำให้สามารถสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เชื่อมต่อได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะบรรดารถยนต์ไร้คนขับที่จะถูกนำมาใช้งานในอนาคต เพราะเมื่อมีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณกว้าง และความหน่วงต่ำก็สามารถนำมาใช้งานได้ นอกเหนือจาก 5G แล้ว คลื่นความถี่ 700 MHz ยังสามารถนำไปใช้ในการให้บริการ 4G ในครอบคลุมเพิ่มขึ้นด้วย และในท้องตลาดปัจจุบันนี้ ก็มีสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 4G บนคลื่น 700 MHz ทำให้ประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือโดยรวมทั่วประเทศจะดีขึ้นจากทุกค่ายผู้ให้บริการมือถือ อีกประโยชน์ของคลื่น 700 MHz คือ การนำมาใช้งานร่วมกับคลื่น 4G LTE เดิมในลักษณะของ Anchor Band ที่สามารถจับคู่กับคลื่น 1800 MHz และ 2100 MHz ได้ ส่วนคลื่น 900 MHz ที่เป็น 4G ก็นำไปใช้เป็น Ancher Band กับคลื่น mmWave อย่าง 26 GHz เพื่อใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
เทคโนโลยี 5G หลายๆคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจากข่าวต่างประเทศที่มีการแบนเทคโนโลยีของหัวเหว่ยโดยสหรัฐอเมริกา และในไทย กสทช. นำเงื่อนไขบางสิ่งบางอย่างไปแลกกับการให้เอกชน 3 รายมาประมูลความถี่เพื่อทำระบบ 5G แต่ก็ไม่มีใครสนใจเท่าไร เอาแต่ของแจก แต่เทคโนโลยีนี้อย่างไรเราก็ต้องเริ่มต้นพัฒนา ก่อนจะไปสู่ 5G เทคโนโลยีในอดีตเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สายเริ่มด้วยระบบอะนาล็อค ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ 1 first Generation หรือ 1G สามารถสื่อสารได้เฉพาะเสียง ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่และราคาแพง ใช้ครั้งแรกในญี่ปุ่นและยุโรปทางตอนเหนือ ระหว่างช่วง ค.ศ. 1950-1980 เทคโนโลยี 2G หรือโทรศัพท์ไร้สายรุ่นที่ 2 ปี ค.ศ. 1982 องค์กรบริหารงานไปรษณีย์และโทรคมนาคมของสหภาพยุโรป ได้กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานด้วยเทคโนโลยี GSM (Global System for Mobile communications) และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปี ค.ศ. 1991 ระบบนี้เป็นการส่งสัญญานระบบดิจิทัล มีเสียงคมชัด มีการรบกวนน้อย และสามารถส่ง SMS ได้แล้ว ใช้งานอินเตอร์เนตเบื้องต้นได้ เทคโนโลยี 3G หรือเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายรุ่นที่ 3 เป็นยุคเริ่มแรกของการสื่อสารด้วยความเร็วสูง Mobile Broadband เริ่มขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2000 เป็นยุคเริ่มของการให้บริการทางด้านข้อมูลแบบไร้สายโดยใช้มาตรฐาน IMT-2000 โทรศัพท์ไม่ได้มีไว้โทรอย่างเดียว มันยังสามารถสื่อสารผ่านอินเตอร์เนตหรือเรียกว่า Voice over IP Call และวีดิโอคอล สามารถเล่นเกมส์ ดูทีวีผ่านอินเตอร์เนตได้ การใช้โทรศัพท์มือถือมีความซับซ้อนมากขึ้นและมือถือก็เรียกว่าสมาร์ทโฟน เทคโนโลยี 4G เป็นการพัฒนามาจาก เทคโนโลยี 3G จนกลายเป็นระบบ LTE หรือ Long Term Evolution ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ โทรศัพท์ยุค 4G โดยมาตรฐานที่สาคัญของระบบ 4G คือมาตรฐาน IMT-Advanced ของ International Telecommunication Union Radiocommunication Sector (ITU-R) และมาตรฐาน LTE Release 10 ของ 3GPP ซึ่งมาตรฐานทั้งสองนี้กำหนดให้สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงขึ้น มีการใช้คลื่นความถี่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและกำหนดให้มีความหน่วงของระบบลดลง (Latency) มีการใช้เทคนิค Carrier Aggregation หรือการรวมช่องความถี่จำนวนมากเพื่อให้ได้ความจุที่มากขึ้นและสามารถส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น และการใช้เทคนิค Multiple Input Multiple Output (MIMO) หรือการใช้สายอากาศจำนวนมากสาหรับการส่งและรับสัญญาณเพื่อให้ได้อัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้น 5G เทคโนโลยี ข้อกำหนดและเงื่อนไข
เทคโนโลยี 5G จะทำให้อัตรา ความเร็วในการส่งข้อมูลแบบไร้สายนั้น เทียบเท่ากับการเชื่อ มต่อแบบไฟเบอร์เทคโนโลยี 5G จึงจะมีบทบาทสาคัญในด้านต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกษตรกรรม ยานยนต์ การขนส่ง สิ่งก่อสร้าง พลังงาน การเงิน สุขภาพ อุตสาหกรรมการผลิต การบันเทิงความมั่นคงปลอดภัย และพฤติกรรมผู้บริโภค ITU-R ได้กำหนดมาตรฐาน IMT for 2020 and beyond ซึ่งมีขีดความสามารถในด้านต่างๆเพิ่มขึ้นจากมาตรฐาน IMT-Advanced ของระบบ 4G โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
มาตรฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G เพื่อการรองรับงาน 3 ด้านหลักๆคือ
เทคโนโลยี 5G ใช้ทำอะไรได้บ้างในยุคสมัยของเทคโนโลยีไร้สายในปัจจุบันนี้ ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลาย ธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น การใช้หุ่นยนต์ในโรงงาน การใช้เซ็นเซอร์ในอุตสาหกรรมการเกษตร การใช้ยานยนต์ไร้คนขับ และอุปกรณ์ IoT อีกมากมาย แต่ด้วยความจำกัดของเทคโนโลยี 4G จึงไม่สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเทคโนโลยี 5G จึงถูกออกแบบมาทะลวงขีดจำกัดนั้นให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ธุรกิจสื่อและบันเทิงด้วยความที่เทคโนโลยี 5G สามารถรองรับการส่งข้อมูลได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เราสามารถดาวน์โหลดและอัพโหลด ภาพยนต์และสื่อวิดีโอระดับความคมชัด 4K ด้วยเวลาไม่กี่วินาที และพร้อมๆกันด้วยปริมาณที่หลายๆอุปกรณ์ และสามารถเลือกชม วิดีโอ ออนดีมานด์ได้หลากหลายอุปกรณ์ไม่จำกัดเฉพาะบนมือถือ เมื่อ เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นเกมที่ให้ภาพเสมือนจริง 360 virtual tour ที่ใช้ในการนาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สื่อโฆษณาที่ใช้เทคโนโลยี AR ในการประชาสัมพันธ์ได้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการถ่ายทอดสดกีฬาและมหรสพที่จะทำให้ผู้ที่รับชมผ่าน VR เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนอาศัย 5G อุตสาหกรรมการผลิตภายใต้เทคโนโลยี 5G การสื่อสารแบบไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูง อุปกรณ์เครื่องจักรใดที่ไม่สามารถเชื่อมต่อด้วยสายได้ก็จะถูกเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบด้วยเทคโนโลยีแบบไร้สาย เช่น อุปกรณ์เซ็นเซอร์ในตู้คอนเทนเนอร์ หรือเซ็นเซอร์ที่อยู่ในแปลงเกษตร หรือติดอยู่บนเครื่องจักรในอุตสากรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมการขนส่ง โลจิสติกส์ ซึ่งอุปกรณ์เซ็นเซอร์เหล่านี้จะช่วยในการตรวจสอบและควบคุม รวมถึงรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดการการผลิตได้อย่างอัตโนมัติ ระบบนี้เอื้อให้สามารถสั่งการได้จากระยะไกลโดยเฉพาะในการผลิตที่เสี่ยงอันตราย สามารถนำไปใช้บริหารจัดการโรงงานผลิตสินค้า หรือสินค้า ที่ตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการอื่นๆ ในห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) เช่น supplier และ distributor ให้ทันต่อเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ แม้แต่ในช่องทางการขาย ยังสามารถให้ลูกค้าทดลองใช้ และเลือกสินค้าแบบเสมือนจริงโดยไม่ต้องมาที่ร้านค้าเลย บริการทางสาธารณสุขเทคโนโลยี 5G สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ติดตามตัวผู้ป่วยเป็นจำนวนมากพร้อมกันได้ อีกทั้งต้องรองรับการส่งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียดได้รวดเร็วเพื่อใช้ในการประมวลผลโดยทันที หุ่นยนต์ที่ใช้ในการผ่าตัดต้องอาศัยโครงข่ายการสื่อสารไร้สายที่มีความหน่วงต่ำมาก (Low latency) เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถตอบสนองคำสั่งในการการรักษาได้ทันที การให้บริการทางการแพทย์แม้ผู้ป่วยจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาผ่านเทคโนโลยี AR ในระบบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ได้ด้วย เช่น การฝึกผ่าตัดจาลองโดยใส่ถุงมือที่มีเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของมือ (Haptic gloves) และทำการจำลองการผ่าตัดเสมือนจริงได้โดยทันที บริการสาธาณูปโภค การขนส่ง การจัดการผังเมืองการบริหารเครือข่ายระบบไฟฟ้า น้ำปะปา การขนส่ง ยานพาหนะแบบไร้คนขับ การควบคุมการจราจร การสร้างเมืองอัจฉริยะ การเรียนรู้ด้วย AI การวิเคราะห์ด้วย Big Data สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีอุปกรณ์ IoT เป็นหลายล้านชิ้น มีเซนเซอร์หลายล้านตัว มีการส่งและรับข้อมูลปริมาณมาก บนความรวดเร็วและแม่นยำสูง มีการประมวลผลที่รวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยี 5G ผลการประมูลคลื่นความถี่สำหรับการพัฒนา 5 G ของประเทศไทยกสทช. จัดให้ประมูลคลื่นความถี่สำหรับพัฒนาเครือข่าย 5G ของประเทศไทยโดยมีย่านความถี่ 700 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz ผลการประมูลมีดังนี้ AIS ประมูลได้ครบทั้ง 3 ย่านความถี่ คือ 700 MHz 1 ใบอนุญาต 2600 MHz 10 ใบอนุญาต และ 26 GHz 12 ใบอนุญาต รวมจำนวน 23 ใบอนุญาต |