ดังนั้น นายภมรจึงต้องรับผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของผู้อื้น ตามหลักกฎหมายดังกล่าวมาข้างต้น ข้อ2.นายเขียว นายขาว กับพวกอีก 4 คน ได้สมคบกันจะไปเผาโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยนายเขียวให้นายขาวกับพวกอีก 4 คน ขับรถนำหน้าไปก่อน ส่วนนายเขียวได้ขับรถอีกคันหนึ่งตามหลังรถของนายขาวกับพวกไป ระหว่างทางนายเขียวได้แวะที่สถานีบริการน้ำมัน และซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเบ็นซินใส่ถังไป 5 ลิตร เพื่อเอาไปเผาโรงเรียน แต่เมื่อนายเขียวไปถึงโรงเรียน ขณะกำลังจะยกถังน้ำมันลงจากรถ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังอยู่รอบโรงเรียน ส่วนนายขาวกับพวกซึ่งไปถึงก่อนได้หลบหนีไปหมดแล้ว นายเขียวจึงกลับใจ แล้วขับรถหลบหนีไป ดังนี้ นายเขียว นายขาว และพวกอีก 4 คน จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดบ้างหรือไม่ เพราะเหตุใด แนวตอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 บัญญัติว่า “ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษ...” ข้อ3.นายเกย์แอบเห็นนายเบิ้มร่วมประเวณีกับนางฝนภรรยาของผู้จัดการบริษัทที่นายเกย์ และนายเบิ้มทำงานอยู่ นายเกย์จึงไปบอกนายเบิ้มว่า ถ้ายนายเบิ้มไม่ยอมอยู่เวรแทนตนในช่วงวันหยุดชดเชยปีใหม่ นายเกย์จะไปบอกผู้จัดการและคนอื่นๆ ในบริษัทให้รู้ แต่นายเบิ้มไม่กลัวเพราะคิดว่าตนเองกำลังจะลาออกจากบริษัทอยู่แล้ว จึงไม่ยอมอยู่เวรแทนนายเกย์ในวันหยุดชดเชยปีใหม่ แนวตอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนในนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใน ต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษ...” วิเคราะห์ข้อสอบข้อนี้ต้องการให้นักศึกษานึกถึงความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพในมาตรา 309 บ้าง เพราะเท่าที่ผ่านมาถ้าออกข้อสอบมาตรานี้ นักศึกษาจะไม่นึกถึงมาตรานี้ แต่จะไปนึกถึงมาตราอื่นๆ เช่น รีดเอาทรัพย์บ้างกรรโชกบ้าง หน่วงเหนี่ยวกักขังบ้าง หรือบางคนก็เห็นว่าไม่น่าจะมีความผิด ซึ่งนักศึกษานึกถึงความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพมาตรานี้ได้ นักศึกษาก็จะตอบข้อสอบข้อนี้ถูกแน่นอน เพราะข้อสอบออกตรงตัวบท ปัญหาที่พบในการสอบครั้งนี้แยกพิจารณาได้ดังนี้ 1. นักศึกษาไปตอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ เพราะเห็นว่ามีการเปิดเผยความลับ ซึ่งความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ต้องเป็นเรื่องที่ขู่จะเปิดเผยความลับเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ แต่ข้อเท็จจริงในข้อสอบเป็นเรื่องขู่เพื่อให้นายเบิ้มกระทำการอยู่เวรแทน ไม่ได้เกี่ยวกับทรัพย์แต่อย่างใด 2. นักศึกษาไปตอบความผิดฐานกรรโชก เพราะเห็นว่าเป็นการข่มขืนใจ เนื่องจากตัวบทในมาตรา 309 มีข้อความคล้ายกับเรื่องกรรโชกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ซึ่งถ้านักศึกษาดูให้ดีจะเห็นได้ว่าไม่มีเรื่องของการได้ทรัพย์หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์แต่อย่างใด |