ปัจจุบัน Resume ภาษาอังกฤษมีความนิยมค่อนข้างมาก เพราะการทำ Resume ภาษาอังกฤษสามารถบ่งบอกได้ถึงทักษะภาษาของเราไปด้วยในตัว และ Resume ภาษาอังกฤษนี่แหละที่เป็นหนึ่งในตัวชี้ชะตาว่าเราจะถูกเรียกไปสัมภาษณ์หรือไม่ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าการจะทำ Resume ภาษาอังกฤษให้ออกมาดีนั้นเป็นเรื่องยาก จ้างคนที่รับทำน่าจะง่ายกว่าเยอะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้ายังนึกไม่ออกว่าต้องเริ่มต้นยังไง วันนี้ JobThai จะพาทุกคนไปดูพร้อมกันเลย Show ฝึกภาษาอังกฤษแบบสนุก ๆ ดาวน์โหลด JADOH Learning Application เลย iOS Android การเริ่มต้นเขียน Resume ให้ถูกต้องและน่าสนใจ สามารถเพิ่มโอกาสให้เราถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานได้มากยิ่งขึ้น โดยอย่างแรกที่ต้องทำคือให้ทุกคนสร้าง Resume ผ่าน Google Docs, Microsoft Word หรือโปรแกรมที่ถนัด จากนั้นลองลิสต์ข้อมูลสำคัญของตัวเอง 5 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ 1. Contact Information ข้อมูลส่วนตัวสำหรับติดต่อการเขียนข้อมูลสำหรับติดต่อ ให้ใส่ ชื่อจริง-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์ และ อีเมล ข้อมูลที่ใส่ควรสั้นและกระชับที่สุด ซึ่งที่อยู่บ้านอาจจะเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างกินพื้นที่ ดังนั้นเราอาจจะตัดส่วนของที่อยู่ออกก็ได้ สำหรับอีเมลควรใช้ชื่ออีเมลที่เป็นทางการเพื่อความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้อย่าลืมเน้น ชื่อจริง-นามสกุล ของคุณด้วยตัวหนาเพื่อเพิ่มความเด่นชัด จำไว้ว่าพาร์ทนี้ต้องชัดเจน อ่านง่าย ใช้ฟ้อนต์ตัวหนังสือให้ใหญ่กว่าส่วนอื่นใน Resume และทางที่ดีควรวางไว้ตำแหน่งบน ๆ ตัวอย่าง Cody Brown Tel.: (+123) 456-789 Email: [email protected] 2. Resume Summary เขียนแนะนำตัวเองสั้น ๆResume Summary หรือ Summary Statement คือการเขียนแนะนำตัวเองสั้น ๆ ใส่ไว้ในส่วนบนของ Resume เปรียบเสมือนคำโปรยที่เรามักจะอ่านก่อนเลือกซื้อหนังสือสักเล่ม เรียกได้ว่าเป็นการสรุปข้อมูลทั้งหมดใน Resume แบบกระชับ ส่วนนี้จะเป็นตัวดึงความสนใจของ HR ให้อ่านเรซูเม่เราต่อจนจบ โดยจะพูดถึงจุดเด่นของเรา ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา เป้าหมายในการทํางาน หรือบอกว่าเรากำลังมองหาประสบการณ์แบบไหนอยู่ ซึ่งจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้ามีไว้ก็จะช่วยให้ HR เข้าใจตัวตนเราได้ก่อนจะเริ่มอ่านรายละเอียดบน Resume ตัวอย่าง Digital Marketer with 5+ years experience in social media marketing who managed a ฿500,000 budget with a reduction of costs totaling 15% over two years. Certified Marketing Management Professional with excellent leadership skills. I’m currently looking to leverage my knowledge and experience into a role as a Project Manager. สิ่งที่ควรใส่ในการเขียนแนะนำตัวเองสั้นๆ ใน Resume
3. Education ประวัติการศึกษาประวัติการศึกษาเป็นจุดสำคัญที่สุดบน Resume สำหรับเด็กจบใหม่ หากเราไม่มีประสบการณ์การทำงาน เราควรใส่เอาไว้ด้านบน เรียงลำดับบรรทัดบนสุดด้วยวุฒิการศึกษาล่าสุด และไล่ย้อนลงไป หากเราเคยไปเรียนแลกเปลี่ยน เข้าคอร์สอบรม สอบวัดความรู้ หรือได้รับใบประกาศนียบัตร ที่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร ก็สามารถใส่ลงไปในช่องประวัติการศึกษาได้เลย โดยการเรียงลำดับไล่จาก สถาบัน > ระยะเวลาปีที่ศึกษา > สาขาที่จบ > เกรดเฉลี่ย ในส่วนเกรดเฉลี่ยนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เราได้เกียรตินิยม หรือบริษัทระบุไว้ชัดเจนว่าต้องการพิจารณาเกรดเฉลี่ย ตัวอย่าง
B.A. in Marketing, GPA 3.7
4. Work Experience ประวัติการทำงานประวัติการทำงานเป็นส่วนสำคัญที่ควรมีใน Resume โดยต้องมีข้อมูลละเอียดแต่กระชับ เข้าใจง่าย และน่าสนใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเรามีประสบการณ์การทำงานอะไรมาบ้าง หากมีประสบการณ์การทำงานหลายที่ ให้เอาบริษัทที่ทำล่าสุดขึ้นก่อน สำหรับวิธีการเขียน เริ่มต้นจาก ชื่อบริษัท > ตำแหน่งงานทำ > ระยะเวลาที่ทำ จากนั้นใส่รายละเอียดงานที่รับผิดชอบเป็นข้อ ๆ แบบกระชับ แต่หากเราเป็นเด็กจบใหม่ เราสามารถใส่งานพิเศษที่เคยทำ งานจิตอาสา หรือประสบการณ์ฝึกงานได้ โดยสามารถเขียนด้วยรูปแบบเดียวกันได้เลย ตัวอย่าง NNN Tech, Senior Customer Service Representative FEB 2015 – Current - Responds to customer complaints and effectively deescalates altercations over the phone resulting in customer satisfaction improvement of 17%. - Maintains a working knowledge of company products to assist with specific customer inquiries. - Developed and implemented standard operating procedures to maintain a monthly quality service level of 90% and above. 5. Skills ทักษะการทำงานการใส่ข้อมูลส่วนนี้จะแสดงให้ HR เห็นว่าคุณมีทักษะอะไรบ้าง และตรงกับที่บริษัทกำลังมองหาไหม ดังนั้นจึงควรใส่ทักษะที่เราซึ่งสอดคล้องกับ Job Description ที่บริษัทระบุไว้ในประกาศงาน หรือสามารถเอามาปรับใช้ได้ โดยทักษะในการทำงาน จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Hard Skills และ Soft Skills Hard Skills คือ ทักษะเฉพาะทางที่ได้จากการเรียน หรือการปฏิบัติงานจริง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสายงานโดยตรง เช่น ทักษะภาษาต่างประเทศ, ทักษะการใช้โปรแกรมต่าง ๆ เช่น Photoshop, AutoCAD หรือ การซื้อโฆษณาบน Social Media สำหรับทักษะการใช้ Microsoft Word, PowerPoint หรือ Excel อาจจะไม่จำเป็นต้องใส่ เว้นแต่เราจะทำได้ขั้นแอดวานซ์จริง ๆ ที่สำคัญอย่าลืมใส่ระดับความชำนาญลงไปด้วย เช่น ทักษะด้านภาษา ให้เลือกใส่เป็น Basic (ระดับพื้นฐาน), Conversational (ระดับสื่อสารเข้าใจ), Proficient (ระดับสูง), Fluent (ระดับเชี่ยวชาญ) หรือ Native (ระดับเจ้าของภาษา) นอกจากนั้นก็สามารถใส่ผลคะแนนการสอบวัดระดับทางภาษาลงไปใน Resume ได้ เช่น TOEIC Score 700, HSK 5 หรือ TOPIK 4 ตัวอย่าง Hard Skills ในการทำงาน- Workflow Development - UX Design - Data Visualization - Content Creation and Storytelling - Database Management - Fluent in English Soft Skills คือ ทักษะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายงานโดยตรง แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกสายงาน เช่น การทำงานเป็นทีม, การนำเสนอ, ความเป็นผู้นำ หรือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า สำหรับคนที่จะสมัครงานไม่ตรงกับสายที่เรียนมา หรืออยากเปลี่ยนสายงาน การเขียน Soft Skills ลงไปใน Resume จะเป็นส่วนสำคัญที่อาจเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกไปสัมภาษณ์ได้ ตัวอย่าง Soft Skills ในการทำงาน- Conflict Management - Time Management - Life-Long Learning - Communication - Complex Problem Solving - Critical Thinking and Decision-making - Creativity & Innovation นอกจากนั้น Soft Skills อาจจะเขียนอยู่ในส่วน Work Experience ที่เราอธิบายถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่เคยได้รับในตำแหน่งงานนั้น ๆ ก็ได้ ตัวอย่าง - Communicated with customers daily, updating them about new products and upselling promotional merchandise. - Collaborated with a team of 4 interns to develop a redesigned UI for the company’s flagship products. - Quickly adapted our marketing approach after a major algorithm update, recouping 70% of lost traffic in under 4 months. นอกจากการใส่ข้อมูลสำคัญใน Resume ให้ครบถ้วนแล้ว การดีไซน์ Resume ให้ออกมาดึงดูด น่าอ่าน รวมถึงเหมาะกับตำแหน่งงานที่เราสมัครก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยการดีไซน์ Resume ของแต่ละสายงานจะแบ่งกว้าง ๆ ได้ดังนี้ งานทั่วไป: โชว์จุดเด่นของตัวเอง มีลูกเล่นและสีสันที่แสดงตัวตนได้บ้าง แต่ไม่ควรมากเกินไปจนอ่านยาก งานสายอาร์ต: โชว์เซนส์ด้านศิลปะของเราให้มากที่สุด หรือถ้าจะดีไซน์ออกมาแบบเรียบ ๆ ก็ควรจะต้องเรียบแบบดูดีมีสไตล์ และบ่งบอกความเป็นตัวเอง งานบริการ: ดีไซน์แบบเรียบง่าย คลาสสิค รูปภาพของเราสำคัญมาก เพราะเขาจะได้เห็นบุคลิกภาพของเราจากรูป งานราชการ: ดีไซน์แบบเป็นทางการ เรียบร้อย ใช้สีโทนสุภาพ การทำ Resume ให้ออกมาน่าสนใจนั้นไม่ยาก เราทุกคนมีจุดเด่นจุดขายของตัวเองอยู่แล้ว อย่ากังวลหรือไม่กล้าที่จะเขียนความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ของตัวเองลงไปบน Resume ถ้าคุณสามารถทำให้ Resume ของคุณกระชับ อ่านง่าย ข้อมูลครบถ้วน ไม่มีคำสะกดผิด การถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน |