ถ.พระราม 9 ห้วยขวาง ห้วยขวาง จ.กรุงเทพมหานคร 10310 ข้อมูลโครงการ
Facilityสถานที่ใกล้เคียง ลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดารร.นานาชาติเซนทรัล (0.2 กม.) เดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม9 (0.5 กม.) อ่านเพิ่ม หมายเหตุ : ข้อมูลรายละเอียดโครงการที่อยู่อาศัยนี้เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการเปรียบเทียบ ทั้งนี้มิใช่การโฆษณาขายสินค้าแต่อย่างใด ผู้ซื้อควรสอบถามรายละเอียดเพื่อความถูกต้อง ไปยังบริษัทเจ้าของโครงการก่อนการตัดสินใจ คอนโด ลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา ( Lumpini Place Rama 9-Ratchada ) ตั้งอยู่ที่ ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 โครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2554 ประกอบด้วย 2 อาคารสูง 25 ชั้น รวมทั้งหมด 1,165 ยูนิต การเดินทางสะดวกสบายด้วย ระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 10 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT พระรามเก้า 9 ภายในอาคารมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เซาว์น่า สวน ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น ใกล้กันยังมีสถานที่อำนวยความสะดวกสบาย เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และแหล่งช้อปปิ้งต่างๆมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้าฟอร์จูนทาวน์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาแกรนด์พระราม 9 ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต (อาร์ซีเอพลาซ่า) โอโซโนช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ เอสพลานาด รัชดาภิเษก เป็นต้น และสำหรับผู้ที่มีบุตรหลาน หรือพักอาศัยเป็นครอบครัว ก็มีหลากหลายสถานศึกษาให้เลือกมากมาย เช่น ศูนย์การเรียนบริษัทเอสแอนด์พีซินดิเคท จำกัด (มหาชน) อินเทอร์เน็ตและการออกแบบ โรงเรียนวัดใหม่ช่องลม โรงเรียนอนุบาลลีนา วิทยาลัยนานาชาติเพื่อศึกษาความยั่งยืน เป็นต้น นอกจากนี้ โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ 510 เมตรจากลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา รีวิวฉบับที่ 210 เป็นรีวิวโครงการสร้างเสร็จแล้ว… โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบคอนโดที่มีจำนวนห้องเยอะๆครับ โดยเฉพาะโครงการที่มีจำนวนห้องมากกว่า 1,000 ห้อง เพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย คนเยอะ แออัด ไม่มีความเป็นส่วนตัว หากไม่มีการจัดการที่ดีแล้วปัญหาคงเยอะ แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ โครงการ ลุมพินีเพลส พระราม9 – รัชดา มีมากถึง 2,365 ยูนิตโดยแบ่งเป็น 1,165 สำหรับเฟสแรก และ 1,200 สำหรับเฟสที่ 2 ครับ อะไรมันจะเยอะและใหญ่ขนาดนั้น แต่ไม่น่าเชื่อครับ โครงการขายหมด Sold Out เรียบร้อยไปนานแล้ว ปัจจุบัน มีเพียงห้องที่เจ้าของห้องปล่อยมือสอง หรือห้องให้เช่าเท่านั้น.. ไม่เท่านั้น และจากที่ได้ไปสัมผัสโครงการมาด้วยตัวเอง กลับไม่รู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกวุ่นวายเลยครับ อาจเป็นเพราะว่าการบริหารงานนิติบุคคลมืออาชีพ และมีการจัดการที่ดี ทำให้โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ ใครขับรถเข้ามาจากทางมอเตอร์เวย์ ผ่านพระราม9 คงจะเคยเห็นหมู่ตึกขนาดใหญ่ สี่อาคารวางเรียงต่อกันตั้งเด่นเป็นสง่า รับสายตาที่ขับผ่านไปอย่างเด่นชัด รูปแบบอาคารทาสี ที่พอมองดูปั๊บ ก็รู้ทันทีว่าเป็นโครงการของใคร นึกขึ้นมาได้ว่าค้างงานส่งการบ้านของพี่โอ๋มานานแล้ว วันนี้พอมีเวลาว่าง เลยขอแวะซักหน่อยครับ ตัวโครงการตั้งอยู่บนเกือบจะหัวมุมของถนนสองสาย ได้แก่ ถนนพระราม9 และ ถนนวัฒนธรรม สามารถออกได้ทั้งจากสองทาง การมีทางออกสองทางนี้ทำให้สามารถระบายรถออกจากโครงการในช่วงเช้า และช่วงเย็นได้ดีพอสมควรเลยครับ เพราะจากขนาดของโครงการไม่อยากจะคิดเลยครับว่า หากเวลาเช้า หรือเวลาเย็นหลังเลิกงาน แล้วจำนวนรถเข้า ออกจะมากมายขนาดไหน ขอเล่าที่มาของทางออกบริเวณถนนวัฒนธรรมหน่อยละกันครับ จริงๆ แล้ว LPN เช่าที่ของการรถไฟในการเปิดทางออก เป็นเวลา 30 ปีนะครับ เนื่องจากบริเวณที่ติดกับถนนเทียมร่วมมิตรนั้น เป็นที่ของการรถไฟทั้งหมด ซึ่งปรกติแล้ว การรถไฟ ก็จะจัดสรรปันส่วนที่ดิน แล้วปล่อยเช่าระยะยาวออกมา 30 ปี ซึ่งทางบริษัท LPN ก็จัดการเปิดทางเข้าออกเพื่อประโยชน์ของชุมชนด้านในครับ โดยที่ก็ต้องแจ้งให้ลูกบ้านรับทราบด้วยนะครับ ว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินของโครงการนั้น ถึงไหน อย่างไร โดยที่หากพ้นกำหนดไปแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของ นิติบุคคลโครงการทั้งสองแล้วหละครับ ว่าเห็นสมควรที่จะเช่าต่อ หรือไม่อย่างไร โดยค่าเช่านั้น ทางนิติก็คงต้องเก็บกับลูกบ้านเพื่มเติมเองครับ LPN ก็คงไม่เกี่ยวแล้ว สำหรับการเข้าถึงโครงการ ก็สามารถมาได้หลายทางครับ ไม่ว่าจะมาจากดินแดง อโศกหรือ ลงทางด่วนพระรามเก้า จะสามารถเข้าโครงการได้ทางด้านหน้า ซึ่งอยู่ติดถนนพระราม9 ส่วนหากใครที่มาจากมอเตอร์เวย์ หรือเหม่งจ๋ายซึ่งตัดมาทางถนนเทียมร่วมมิตร ก็จะสามารถเข้าโครงการได้จากถนนวัฒนธรรม ซึ่งอยู่ด้านข้าง ถือว่าสะดวกสบายมากครับ การออกจากโครงการ ก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางครับ ไม่ว่าจะออกไปดินแดง หรืออโศก ก็สามารถใช้ทางออกด้านหลังเพื่อเลี้ยวเข้าถนนพระราม9 ซึ่งจะสามารถเข้าเมืองได้อย่างสะดวก ความหนาแน่นของถนนวัฒนธรรมเองหากเทียบกับถนนพระรามเก้าแล้ว หนาแน่นน้อยกว่ามาก และไม่มีบริเวณเกาะกลาง ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้รถที่ออกจากทางออกดังกล่าว สามารถเลี้ยวขวาเพื่อกลับไปยังถนนพระรามเก้า และจากไฟแดงบริเวณแยก ก็สามารถเลี้ยวกลับไปยังสี่แยก อสมท หรือ ขึ้นทางด่วนได้ง่ายด้ายสะดวกมากยิ่งขึ้น หรือหากต้องการจะออกนอกเมือง ก็สามารถออกจากถนนพระราม9ไปยังรามคำแหง หรือศรีนครินทร์ หรือจะขึ้นทางด่วนบริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ของ MRT ได้อย่างง่ายดาย หรือหากใครต้องการออกไปเส้นรัชดาภิเษก ก็สามารถวิ่งย้อนกลับไปทางถนนเทียมร่วมมิตร ผ่านศูนย์วัฒนธรรมและไปเชื่อมกับถนนรัชดาได้เช่นกัน สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้านะครับ ทางโครงการมีบริการ รถรับส่ง ไปยังบริเวณสถานี ศูนย์วัฒนธรรม หรือ พระราม9 ให้ด้วยนะครับ โดยรถจะมีกำหนดเวลาออกที่แน่นอน โดยเขียนเป็นตารางไว้บริเวณนิติบุคคล ส่วนค่าบริการก็ครั้งละ 10 บาทโดยต้องซื้อเป็นคูปองเพื่อชำระให้กับพนักงานขับรถครับ โดยรถตู้เองจะแยกกันระหว่างเฟส 1 และเฟส 2 ลูกบ้านของเฟสไหนต้องขึ้นรถตู้ของเฟสนั้นเท่านั้นครับ (แก้ไขเป็นใช้ได้ร่วมกันนะครับ) ตารางแสดงเวลาการให้บริการของรถตู้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วครับ ผมเลยลองขับรถวนตามเส้นทางของรถตู้โครงการ เพื่อจะดูว่าใช้เวลาขนาดไหน กันครับ สำหรับเส้นทางการให้บริการของรถตู้ที่ให้บริการนั้น จะวิ่งเป็นวงกลมตามเส้นทางที่เขียนไว้ครับ โดยออกจากถนนวัฒนธรรม ออกไปแยกเทียมร่วมมิตร เพื่อที่จะเข้าสู่ถนนรัชดา จากนั้นก็จะเลี้ยวซ้ายกลับมาทางถนนพระราม 9 บริเวณถนนพระรามเก้า เป็นช่วงขาออก มุ่งหน้าออกสู่มอเตอร์เวย์ หรือว่าจะเลี้ยวเข้าถนนวัฒนธรรมได้ครับ ออกมาปั๊บก็จะผ่านเต็นท์รถมือสองครับ แล้วก็ร้านอาหารอร่อยแน่นอนที่อยู่บริเวณหัวมุมถนนตัดระหว่างถนนพระรามเก้า และถนนวัฒนธรรมครับ สำหรับคนที่ต้องการเลี้ยวเข้าถนนวัฒนธรรม เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนะครับ พอเลี้ยวเข้าถนนวัฒนธรรม ก็จะเป็นถนนสี่เลนวิ่งสวนกัน โดยปรกติถนนค่อนข้างว่างครับ สองข้างทางส่วนมากเป็นเต็นท์รถ หรือร้านอาหาร เนื่องจากที่ดินทั้งหมด เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย หากมองไปทางซ้ายก็จะเห็นโครงการ ลุมพินี เด่นเป็นสง่าอยู่เลยครับ บริเวณที่กั้นรั้วสังกะสีเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยครับ อย่างที่บอกครับ ฝั่งซ้ายส่วนมากเป็นร้านอาหาร ไม่ก็เต็นท์รถมือสอง ส่วนฝั่งตรงข้าม ก็จะเป็นหน่วยงานราชการรวมถึง อู่รถเมล์ของ ขสมก ส่วนอาคารสูงๆ ที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็คืออาคาร Cyber World เรื่อยมาอีกนิด ก็ถึงจุดตัดที่เป็นทางเชื่อมสำหรับรถที่มาจากแยกเหม่งจ๋ายครับ บริเวณหัวมุมถนนที่เป็นที่ดินว่างเปล่า เป็นที่ดินของ อสมท. นะครับ โดยมีโครงการที่จะสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ของ อสมท ในอนาคตเช่นกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นทางออกของ สำนักงานใหญ่อสมท ปัจจุบันครับ เลยมาอีกนิด ก็จะเป็นศูนย์วัฒนธรรมครับ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโครงการในอนาคตของบริษัท Noble Development เป็นโครงการคอนโดมิเนียมเช่นเดียวกันครับ..ใครสนใจเดี๋ยวไว้รอให้พี่โอ๋มารีวิวนะครับ บริเวณแยกเทียมร่วมมิตรครับ ส่วนใหญ่การจราจรบริเวณนี้จะค่อนข้างติดขัดนะครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนรัชดา จะมีเลนเฉพาะสำหรับผ่านตลอด จะไม่ค่อยตัดขัดครับ ผ่านทั้งโรบินสันรัชดา และบิ๊กซีครับ พอเข้ามาถนนรัชดา ไม่นานก็จะถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรมครับ จากนั้นก็จะผ่านโครงการ IVY AMPIO ของบมจ. พฤกษา ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ และผ่านอาคารทรู สำนักงานใหญ่ ครับ ต่อไปก็เป็นรัชดาซอย 4 แหล่งท่องเที่ยว ยามราตรี ต่อมาก็ใกล้จะถึงแยก ฟอร์จูนแล้วครับ บริเวณนี้ก็ยังจะคึกคักตลอดเวลา ครับ มีทั้งเซ็นทรัลพระราม9 ทางซ้ายมือ และก็ฟอร์จูนทางขวามือ ถัดไปก็เป็นสถานที่ก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ที่จะเป็นจุดรวมของออฟฟิศชั้นนำต่างๆของกรุงเทพบริเวณหัวมุมถนนรัชดา ตัดกับพระราม9 ครับ ซึ่งต่อไปจะมีคนนับหมื่นต้องมาทำงานตรงบริเวณนี้ ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารฟอร์จูน และโรงแรมเมอคิวรี่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการปรับปรุงรูปแบบอาคารเพื่อให้ทันสมัยต้อนรับ CBD แห่งใหม่ ตามที่เค้าว่าๆกันมานะครับ พอเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าถนนพระรามเก้าครับ สำหรับคนที่มาเซ็นทรัลพระราม9 จะสามารถเข้าได้จากด้านนี้ที่ถนนพระราม9 เช่นกัน โดยเปิดเข้าเป็นเส้นทางย่อยไว้เพื่อเป็นทางเชื่อมระหว่าง ถนนรัชดา และถนนพระราม9 และก็เป็นทางเข้า โครงการเบล พาร์คซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ด้วย.. เราไม่เข้านะครับ เราขับตรงต่อไป ขับต่อมาเรื่อยๆ ก็จะไปเจอแยกอสมท หากเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าไปสำนักงานใหญ่ อสมท ได้ หากเลี้ยวขวา ก็จะขึ้นทางด่วนบริเวณ จุดขึ้น – ลงด่านอโศก.. เราตรงต่อไปครับ พอพ้นแยกมา ขับเลยมาอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะวนกลับมาเจอโครงการครับ รวมระยะเวลาในการขับวนต่อหนึ่งรอบ ประมาณสิบนาทีครับ สำหรับผม จุดด้อยสำหรับโครงการนี้เป็นเรื่องของรูปร่างที่ดิน เนื่องจากด้วยรูปร่างที่ดินเป็นแนวยาว ลึกเข้าไปข้างในแบบนี้ จึงจำเป็นต้องออกแบบวางอาคาร หันทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ซึ่งทิศตะวันตก มักจะเป็นทิศขายยากเสมอ เนื่องจากจะโดนแดดช่วงบ่าย และทำให้ห้องร้อนมากทีเดียว อีกอย่างก็คือ ตัวถนนพระรามเก้าเอง มีสะพานยกระดับ ทำให้ตัวโครงการดูไม่เด่นเมื่อมองจากด้านทางเข้าครับ และหน้าโครงการค่อนข้างแคบ หากใครไม่เคยมา ขับมาเร็วๆ อาจจะเลยได้เลยครับ ก่อนจะไปดูรายละเอียดของโครงการ ทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ว่า LPN เค้ามีสินค้าหลายตัวจับคนละตลาดกัน โดยไล่มาตั้งแต่ Lumpini Suite – Place – Park – Ville – Condotown ซึ่งโครงการในเมืองทำเลดีพื้นที่สวยๆ ก็มักจะเป็นโครงการระดับ Place ถึง Suite ส่วนโครงการที่เน้นราคาประหยัดหรือต่ำล้าน ก็จะเป็น Condotown .. แน่นอนครับว่า You Get What You Paid คุณภาพและเนื้อโครงการ ย่อมเป็นไปตามราคา ตัว Lumpini Place พระราม9 รูปแบบอาคาร สำหรับเฟส 1 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 30 ชั้น (อาคารB) จำนวน 1 อาคาร และ สูง 25 ชั้น(อาคารA) จำนวน 1 อาคาร ส่วนเฟสที่สองนั้นเป็นคอนโดมิเนียม สูง 29 ชั้น(อาคาร C) จำนวน 1 อาคาร และ สูง 24 ขั้น (อาคาร D)จำนวน 1 อาคาร ซึ่งวันนี้ผมจะพาไปดูบรรยากาศทั้งสองเฟสเลยนะครับ โครงการแบ่งเป็น 2 เฟสตามเส้นแบ่งเขตที่เห็นใน ผังบริเวณรวมนะครับ โดยใช้ทางเข้าออก ถนน และสวนส่วนกลางร่วมกัน ซึ่งทางโครงการเอง ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวค่อนข้างมาก ดังนั้นเวลาเข้าไปจะรู้สึกร่มรื่น และไม่อึดอัดครับ วิธีการเลือก ว่าจะอยู่เฟสไหนดี มีวิธีการเลือกที่ไม่ยากครับ หากใครต้องการห้องที่มีระเบียงสำหรับนั่งชมวิวจากมุมสูง ขอให้เลือกเฟสที่หนึ่ง ส่วนใครที่ไม่นิยมนั่งชมวิว ก็ขอให้เลือกห้องเฟสสองครับ โดยห้องที่มีระเบียง ก็จะต้องจ่ายค่าระเบียงเพิ่มไปอีกประมาณ สี่ตารางเมตรครับ อาคารเป็นรูป ตัว Z หันหน้าชนกัน โดยมีสระว่ายน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ตรงกลาง ฝั่งทิศตะวันตก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการทำให้ห้องในฝั่งทิศตะวันตก ขายง่ายขึ้นเนื่องจากมีจุดขายคือวิวของสระว่ายน้ำนั้นเอง ชั้น Typical Floor จะเหมือนกันโดยห้องส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 37 ตารางเมตร ส่วนห้องมุมจึงจะเป็นห้องใหญ่ครับโดยแต่ละชั้นจะมียูนิตประมาณ 26 ห้องต่อชั้นต่ออาคารสำหรับอาคารบ B จำนวนชั้นสูงกว่า จึงมีจำนวนลิฟท์ 3 ตัว เยอะกว่าอาคาร A ซึ่งมีลิฟท์อยู่ 2 ตัว ช่วงกลางๆของอาคารจะเป็นห้องขนาด 37 ตารางเมตร มองจากด้านข้างจึงเห็นเป็นระเบียงยื่นออกมาดังรูปครับ หากมองจากภายนอก ส่วนที่เห็นเป็นระเบียง ฝั่งซ้ายของรูปจะเป็นห้องขนาด 37 ตารางเมตร ส่วนมุมขวาของรูปเป็นห้อง 2 ห้องนอน ส่วนที่ทาสีแดงเข้มๆ เป็นบริเวณ โถงลิฟท์ และโถงทางเดิน สระว่ายน้ำ และส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 5 โดยลักษณะของอาคารแทบจะเหมือนกับเฟส1 ทุกประการ เพียงแต่ขนาดห้องมาตรฐานมีการปรับให้ขนาดเล็กลง สำหรับเฟส2 อาคาร C มีจำนวนชั้นสูงกว่า จึงมีลิฟท์ 3 ตัว ส่วนอาคาร D มีลิฟท์ 2 ตัว เนื่องจากห้องมาตรฐานได้ตัดส่วนที่เป็นระเบียงออกไป รูปแบบอาคารด้านนอกจึงต่างกันเล็กน้อย หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นเลยนะครับ บริเวณหน้าต่างมีการทำกันสาดยื่นออกมาเพื่่อกันฝน ตามรูปครับ ต่อไปผมจะพาชมรอบๆโครงการนะครับ เริ่มจากด้านหน้าโครงการ ที่ติดกับถนนพระราม9 ทางเข้าจัดได้อย่างสวยงามครับ ถึงแม้จะไม่ใหญ่แต่ก็มีครบครับ เช่นป้อมยาม น้ำพุด้านหน้า และป้ายหน้าโครงการ หากมองจากถนนพระราม9 จะเห็นอาคารด้านกว้างเป็นตามรูปเลยครับ โดยห้องที่หันออกมาเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอนครับ หากใครเดินเข้ามาก็จะพบกับ Foyer ที่ต้อนรับด้านหน้าครับ โดยสามารถเดินทะลุเพื่อเข้าสู่ล๊อบบี้ได้ โดยจะผ่านออฟฟิศสำนักงาน ที่ตั้งอยู่ภายในด้วย สวยงามและเด่นเป็นสง่าทีเดียวครับ บริเวณถนนด้านข้างโครงการก็กว้างขวางครับ และมีพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ยาวตลอดแนวจนถึงด้านหลังโครงการ หลายร้อยเมตรทีเดียวครับ ทำให้โครงการดูร่มรื่น บริเวณด้านล่างจะเป็นส่วนของสำนักงานและที่จอดรถของ Visitor ส่วนที่จอดรถของลูกบ้านจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 เป็นต้นไป โดยมีการปลูกไม้เลื้อยให้ความรู้สึกร่มรื่น ส่วนทางวิ่งรถยนต์ ก็มีการตกแต่งลายพื้นได้อย่างสวยงาม สำหรับรถที่ต้องการรับ ส่งผู้โดยสาร สามารถเลี้ยวเข้าไปส่งที่ใต้อาคารได้เลย และไม่ต้องเปียกฝนครับ ด้านในที่ติดกับจุดรับ ส่ง ผู้โดยสาร ก็จะเป็นล๊อบบี้ของอาคาร A ซึ่งติดอยู่กับสำนักงานของนิติบุคคล เฟส1 (อาคาร A และ อาคาร B) ภายในล๊อบบี้ มีส่วนที่ให้นั่งรอได้ ค่อนข้างกว้างขวางครับ ถัดไปจะเป็นจุดที่ต้องแตะบัตร เพื่อเข้าสู่โถงลิฟท์ เพื่อขึ้นสู่ตัวอาคาร แต่เรายังไม่ขึ้นอาคารนะครับ ขอพาทุกท่านเดินชมรอบๆ โครงการกันก่อน หากเดินต่อมา ก็จะเป็นส่วนของร้านค้าที่ให้บริการลูกบ้าน (ตั้งอยู่ระหว่าง ล๊อบบี้ของอาคาร A และ B) ประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านทำผม และร้านซักรีดครับ ร้านซักรีด ท่าทางจะกิจการดีครับ จำนวนเสื้อผ้าเยอะมาก คงเป็นเพราะจำนวนผู้อยู่อาศัยเยอะนั่นเอง ถัดมาก็มาถึงล๊อบบี้ของอาคาร B จะมีการจัดตกแต่งคนละแบบกันครับ ด้านท้ายของเฟสที่ 1 จะเป็นทางขึ้นที่จอดรถของลูกบ้านครับ มีระบบแตะบัตรเช่นกัน และมีป้ายแสดงจำนวนของที่จอดรถที่ยังว่างอยู่ด้านบนด้วยครับ ถัดไปเป็นสนามเด็กเล่นซึ่งอยู่ติดกับสวน ขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่าง เฟส1 และ เฟส2 ครับ สวนขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่าง 2 เฟสทำให้โครงการดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้นครับ พื้นที่สีเขียว และทางเดินมีหลังคาบังแดดบังฝน มีทางเดินสำหรับเดินจากเฟส 1 ไปยังเฟส2 มีหลังคากั้นเพื่อกันฝนด้วยครับ ก่อนจะเข้าอาคารของเฟส 2 โดยมีรูปแบบเหมือนทางเข้าเฟส 1 เลยครับ เดินต่อมาจะเจอจุดจอดรถรับส่ง และล๊อบบี้ของอาคาร C และ D ตามลำดับ มีจุดสำหรับจอดรถจักรยานยนต์ และจักรยานไว้ด้วยเช่นกัน บริเวณทางเข้าล๊อบบี้ของอาคาร C อยู่ติดกับสำนักงานนิติบุคคล ของเฟส2 จุดแตะบัตร ขึ้นอาคาร C ลิฟท์ที่เห็นเป็นลิฟท์ที่ใช้เพื่อขึ้นไปที่จอดรถครับ ร้านค้าของเฟส2 มีประเภทของร้านคล้ายกันครับ เช่นร้านตัดผม และร้านอาหาร ส่วนร้านสะดวกซื่้อจะอยู่ถัดออกไปครับ เฟส2 มีการจัดระเบียบของขยะ Recycle ด้วยนะครับ โดยมีการแบ่งประเภทของขยะ และป้ายแสดงประเภทของขยะ ร้านสะดวกซื้ออยู่ท้ายอาคาร ใกล้กับทางออกของโครงการบริเวณถนนวัฒนธรรม ทางขึ้นที่จอดรถของเฟส 2 จะอยู่ด้านหลังสุด ถัดจากร้านสะดวกซื้อครับ ระบบของที่จอดรถเหมือนกันกับเฟส 1 ท้ายเฟส 2 จะใกล้กับทางออกด้านหลังโครงการบริเวณถนนวัฒนธรรมนะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปชมว่าเป็นอย่างไรครับ บริเวณทางออกด้านหลัง จะเล็กกว่าด้านหน้าครับ แต่ก็มีป้ายโครงการติดไว้เพื่อเป็นจุดสังเกตได้ ฝั่งตรงข้ามเป็น ที่ของหน่วยงานราชการและ ขสมกครับ หากออกจากโครงการ เลี้ยวขวาจะไปเจอถนนพระราม9 ซึ่งสะดวกมากหากต้องการเข้าเมืองครับ และถนนวัฒนธรรมนี้รถไม่ค่อยหนาแน่นยกเว้นช่วงเวลาจราจรเร่งด่วน ถนนที่เข้าสู่โครงการ เป็นถนน 2 เลนนะครับ ไม่ใหญ่แต่ก็พอเพียงให้สามารถเข้าออกได้ครับ มีป้อมยามเช่นเดียวกับด้านหน้าโครงการครับ ด้านหน้าก่อนเข้าโครงการ จะมีพี่วินอยู่ด้วยครับ หากต้องการจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน ก็ราคา 20 บาทครับ เข้ามาปั๊ปก็จะเจอวงเวียน หากต้องการไปด้านหน้าโครงการก็เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ แต่หากต้องการเข้าที่จอดรถของเฟส 2 ก็ตรงไปครับ ถัดจากวงเวียนก็เป็นอาคาร พื้นที่เปิดโล่งเยอะ ตัวอาคารส่วนพื้นที่จอดรถก็ปลูกต้นไม้เลื้อยให้ดูเขียวๆสบายตา พอผ่านป้อมยาม ด้านขวามือจะมีที่ต้องของ สนาม Street Basketball ให้สำหรับลูกบ้านออกกำลังกายด้วยนะครับ โดยรวมสำหรับพื้นที่่บริเวณโครงการ ค่อนข้างร่มรื่นและสวยงามครับ โครงการมีการจัดการที่ดี มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่เป็นระเบียบและเคร่งครัด สำหรับ Visitor ที่แลกบัตรเข้ามาทางไหน ต้องออกทางนั้น และโครงการเน้นพื้นที่สีเขียว เพื่อทำให้โครงการดูร่มรื่นครับ ทำให้ไม่รู้สึกวุ่นวายหรืออึดอัดเลย เทียบกับจำนวนยูนิตที่มีอยู่ทั้งหมด กว่าสองพันครอบครัวในโครงการครับ ทีนี้จะขอพาขึ้นไปชมส่วนกลาง ในอาคารกันบ้างครับ โครงการทั้ง 2 เฟส ให้ส่วนกลางแทบจะเหมือนกัน ทั้งขนาดและรูปแบบครับ ผมจึงขอพาไปแค่อาคารเดียวเพื่อให้เห็นเป็นแนวทางที่เฟส1 นะครับ โดยสระว่ายน้ำ และฟิตเนสตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ครับ พอออกจากอาคารจะเป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างอาคาร A และ อาคาร B โดยส่วนกลางที่อยู่ในบริเวณนี้จะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ฟิตเนส และห้องซาวน่า สวนพักผ่อน จะกินพื้นที่ประมาณครึ่งนึงของทั้งหมดครับ สระว่ายน้ำ ก็จะใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือครับ หันไปทางทิศตะวันตก จะเห็นวิวเมืองบริเวณถนนรัชดา และดินแดงได้ชัดเจน ด้านหลังเห็นอาคารที่ก่อสร้างได้แก่ เบล พาร์ค คอนโดหลังเซ็นทรัลพระราม 9 ครับ ใกล้เสร็จแล้วเช่นกัน สระว่ายน้ำ ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 24 เมตรครับ มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ด้วยเช่นกัน มีการจัดการดูแล และ Report ที่เป็นระบบครับ ส่วนฟิตเนสจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร 2 อาคาร ตามรูปครับ มีพนักงานคอยดูแลประจำอยู่ครับ สำหรับเปิดห้องซาวน่าด้วย ภายในฟิตเนส ก็มีอุปกรณ์ครบครับ ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการได้ทีเดียวประมาณ 10 ท่าน ชั้นของ Facilities นี้ก็จะมีส่วนของห้องพักอาศัยอยู่ด้วยครับ ดังนั้นโครงการจึงทำระแนงไม้กั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้าน และปลูกต้นไม้ให้เป็นแนวบังไว้อีกชั้นครับ ส่วนโถงทางเดิน ค่อนข้างกว้างขวางครับ และมีหน้าต่างอยู่บริเวณสุดทางเดิน ทำให้ไม่อึดอัดครับ ต่อมาเราจะพาเข้าไปชมภายในห้องกันครับ รูปแบบห้องของโครงการ เฟส 1 และ เฟส 2 จะต่างกันนะครับ โดยเฟสที่ 1 ห้องส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ 37 ตารางเมตร ส่วนเฟสที่ 2 ห้องส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ 33.50 ตารางเมตร เนื่องจากเฟส2 เปิดขายทีหลัง และเป็นช่วงที่ขนาดห้องในตลาดคอนโดมีเนียมมีการปรับขนาดให้เล็กลง ทำให้ราคาห้องรวมถูกลง จึงมีการปรับเปลี่ยนแบบตามความต้องการตลาด ซึ่งก็ทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดีมากในช่วงเปิดขาย ทีนี้เรามาลองเปรียบเทียบห้องของ ทั้ง 2 เฟสกันครับ ว่าต่างกันอย่างไร ห้อง 1 Bedroom ขนาด 37.00 ตารางเมตร ห้อง 37 ตารางเมตรเป็นแบบ 1 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำ ความกว้างของห้อง 5 เมตร และลึก 6.7 เมตร โดยที่มีส่วนระเบียงเพิ่มเติมต่อออกจากห้องนอนกว้างประมาณ 1 เมตร โดยมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยครบครัน พื้นบริเวณห้องนั่งเล่นปูกระเบื้องครับ ยกเว้นส่วนห้องนอนที่เป็นพื้นลามิเนต ประตูมือจับลูกบิด และมีที่ล๊อกอีกชั้นครับ การแบ่งห้องนอนกับห้องนั่งเล่นโดยใช้ประตู้บานเลื่อนกั้น โดยปรกติ พื้นบริเวณห้องนั่งเล่นของเฟส 1 เป็นกระเบื้องแกรนิโตครับ ยกเว้นส่วนที่เป็นห้องนอน จึงเป็นลามิเนต อ่างล้างหน้าเป็นไฟเบอร์ หล่อตามแบบของ LPN อุปกรณ์เป็นของ American Standard ครับ กระจกเงาตามแบบมาตรฐานของ LPN ครับ โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard เช่นกัน ส่วนอาบน้ำเป็นส่วนที่ต่างกันระหว่างเฟส 1 และ เฟส2 ครับ สำหรับเฟส1 นั้นโครงการให้เป็นอ่างอาบน้ำ แบบที่เห็นครับ โดยทำเป็นฉากกั้นกั้นน้ำกระเด็นอยู่บริเวณขอบของอ่างตามรูป ส่วนระเบียงบริเวณห้องนอน ก็เป็นอีกส่วนที่ต่างกันระหว่าง 2 เฟสครับ โดยเฟส 1 จะมีพื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สำหรับออกมาชมวิวได้ หรือนั่งพักผ่อนได้ด้วยครับ ประตูบานเลื่อนออกสู่ระเบียงเป็นบานเลื่อนสลับ กระจกเขียวใส ส่วนอลูมีเนียมเป็นสีธรรมชาติครับ ขณะเดียวกัน ระเบียงส่วนสำหรับซักล้าง ก็ยังคงมีไว้เช่นกัน โดยเป็นตำแหน่งที่ตั้งของเครื่องซักผ้า และวาง CDU ของแอร์ ตามรูปครับ การเดินท่อแอร์จะเดินลอย โดยมีท่อสำเร็จหุ้มไว้ครับ เวลา Service ก็ง่ายกว่าฝังอยู่ในผน้ง โคมไฟดาวน์ไลท์ บริเวณระเบียง และช่องเซอร์วิส เปิดได้ นอกจากนี้ ยังมีการทำ Grill เพื่อเปลี่ยนทิศทางของลมร้อน ให้เป่าออกด้านนอกระเบียง ส่วนครัวเป็นครัวปิด แบ่งการใช้สอยเป็นสัดส่วน แอร์ ที่โครงการให้เป็นของ Daikin ครับ โดยแถมเฉพาะช่วง Pre-Sale ช่วงแรกเท่านั้น หากใครซื้อหลังจากนั้นต้องซื้อมาติดตั้งเองครับ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.50 ตารางเมตร สำหรับห้อง 33.50 ตารางเมตร เป็นแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ความกว้างของห้องประมาณ 5 เมตร แต่ตัดส่วนระเบียงออก ทำให้ห้องมีความลึกน้อยลง คือประมาณ 6.70 เมตร ด้วยขนาดห้องที่เล็กลงทำให้ราคาต่อห้องเล็กลง จึงไม่แปลกใจเลยที่ทำให้โครงการขายดีมากในวันแรกที่เปิดตัว ส่วนที่ต่างจากเฟสแรกอีกอันหนึ่งคือ ภายในห้องทั้งหมด ปูด้วยลามิเนตทั้งหมดครับ เนื่องจากวัสดมาตรฐานไม่ค่อยต่างกันมากนัก ผมจึงพาไปชมห้องที่ตกแต่ง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ของโครงการครับ เผื่อจะได้อีกบรรยากาศหนึ่งครับ ส่วนที่วางทีวี จะอยู่ติดกับกับประตูทางเข้า ตู้เก็บรองเท้า และบังตู้ไฟภายในห้อง ส่วนที่เป็นโซฟา Build In สามารถเก็บของได้ด้านล่าง และมีโต๊ะทำงานอยู่ด้านข้าง โต๊ะทานอาหาร สำหรับ 2 ที่นั่ง ส่วนที่จะเข้าห้องครัวและห้องน้ำ ส่วนตำแหน่งที่ติดแอร์ อยู่ใกล้กับตำแหน่งของ CDU และต่อท่อออกไประเบียงได้ง่ายครับ ส่วนกั้นห้องนอนและห้องนั่งเล่น เป็นประตูบานเลื่อนเหมือนกันกับเฟสแรกครับ ส่วนครัว มีประตูบานเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วนครับ พื้นปูกระเบื้อง ชั้นเก็บของอยู่หน้าห้องน้ำ และห้องครัว สามารถเก็บของและทำเป็นตู้โชว์ได้ ห้องนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ครับ ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวี ด้านบนเป็นตำแหน่งติดตั้งแอร์ ทางเข้าห้องน้ำ กั้นเป็น Curb ขึ้นมากั้นระหว่างส่วนห้องน้ำ และภายในห้อง อ่างล้างหน้า หล่อขึ้นรูปตามแบบของ LPN ส่วนอาบน้ำ เป็นที่ยืนอาบแบบปรกติ โดยมีฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอนครับ ไฟดาวน์ไลท์ในห้องน้ำ และขอบบนของฉากกั้นอาบน้ำ สุขภัณฑ์ เป็นของ American Standard ครับ ชุดครัว Build In ตำแหน่งวาง อ่างล้างจาก คู่กับตู้เย็น อีกฝั่งเป็นตำแหน่งที่สามารถติดตั้ง เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันได้ครับ ปิดท้ายกันด้วยภาพวิวของทิศทางต่างๆกันในโครงการกันครับ ภาพวิวจากทิศตะวันออกครับ มองเห็นสะพานยกระดับเหนือถนนพระราม9 ส่วนโครงการที่กำลังก่อสร้าง คือโครงการ TC Green จะมองเห็นพื้นที่สีเขียว บริเวณสำนักงานใหญ่ของรถไฟใต้ดินครับ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางเมือง ต่อมาเป็นวิวเมือง ทิศตะวันตกครับ ต่อมาเป็นวิวจากทิศตะวันตก เยื้องไปด้านหลังโครงการครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 09/08/2012
โครงการลุมพินี เพลส พระราม9 – รัชดา เหมาะสำหรับแฟนพันธ์ุแท้ แอล พี เอ็น ที่ยอมรับรูปแบบและเชื่อมั่นในการบริหารจัดการของ LPN โครงการนี้เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่เริ่มสร้างครอบครัว และชอบทำเลพระราม9 รัชดา เหมาะกับคนชอบพื้นที่สีเขียว และชอบการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่มีปัญหากับการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ด้วยราคาต่อตารางเมตรที่พอหยิบจับได้ทำให้ได้ห้องขนาดใหญ่ขึ้นหากเทียบกับโครงการใหม่ๆที่เปิดขายในปัจจุบัน งบประมาณ 2.4 -4.5 ล้าน หรืองบผ่อนจ่าย 17,000 – 30,000 บาทต่อเดือน |