Wanna one ต อส ญญา 6 คน ม ใครบ าง

หากพูดถึงวง Wanna one บางคนที่ไม่ได้ติดตามไอดอลเกาหลีอาจจะไม่รู้จัก แต่ในทางกลับกันแฟนคลับที่ติดตามนักร้องเกาหลี หรือที่เรียกกันว่าไอดอลเกาหลี ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ด้อมไหน (แฟนคลับวงนั้นๆ) คุณก็ต้องรู้จัก หรือคุ้นเคยกับวงนี้กันบ้างแหละ เพราะตลอดปี 2017 ที่ผ่านมานั้น เรียกได้ว่าวง Wanna one มีอิทธิพลอย่างมากให้วงการเกาหลี เพราะไม่เพียงแต่ในวงการเพลงเท่านั้น แบรนด์สินค้าต่างๆ ที่เมื่อสินค้านั้นได้ติดต่อไอดอลวงนี้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ สินค้านั้นๆล้วนแต่ SOLD OUT ในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าตั้งแต่วงนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นไอดอลอย่างเต็มตัว ก็ได้ทำให้วงการไอดอลเกาหลีสั่นสะเทือนอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยมีวงรุกกี้วงไหนสามารถโด่งดังได้ในเวลาอันรวดเร็ว และที่สำคัญสามารถคว้ารางวัลถึง 15 รางวัลในรายการเพลงเกาหลีได้ตั้งแต่เดบิวต์อัลบั้มแรก จนสำนักข่าวเกาหลีหลายสำนักเรียกวง Wanna one ว่า “รุกกี้ปีศาจ”

วง Wannaone มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร?

ก่อนจะมาเป็นวงที่โด่งดังได้ในทุกวันนี้ เขาทั้ง 11 คน ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และแรงกดดันมาอย่างหนัก จากการแข่งขันในรายการ Produce 101 รายการเซอร์ไวเวอร์เกาหลีที่มีผู้เข้าแข่งขันเข้ามาทำตามความฝันถึง 101 คน ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะมีทุกวันนี้ได้ เขาได้รับแรงกดดันที่ไม่เพียงแต่การแข่งขันของผู้เข้าแข่งขันในรายการเท่านั้น เขายังได้รับแรงกดดันจากแฟนคลับที่ไม่ประสงค์ดีในตัวเขาอย่างมากมาย (เข้าใจง่ายๆว่า“บางคน”ที่สนใจแค่เมนตัวเองคนอื่นไม่สน และพยายามทำให้คนที่ไม่ใช่คนที่ตัวเองชอบอันดับตกไป) เรียกได้ว่ารายการเซอร์ไวเวอร์รายการนี้ไม่เพียงแต่หาผู้ชนะทั้ง 11 คนแค่นั้น ผู้เข้าแข่งขันยังต้องต่อสู้กับแรงกดดันภายนอกที่อาจจะมาทำให้กระแสในตัวเขาลดน้อยลงไปอีกด้วย ทำให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 101 คน จะต้องต่อสู้ และต้องไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคต่างๆ จากการแข่งขันที่เรียกได้ว่ากดดันอย่างมาก เพราะการแสดงทุกการแสดงมีค่ากับผลโหวตของเขา และผลโหวตในทุกๆโหวตของแฟนคลับเกาหลี หรือโปรดิวเซอร์แห่งชาติก็มีผลต่อการอยู่รอด เพื่อเข้าใกล้ความฝันที่จะได้เป็นผู้ชนะทั้ง 11 คนในทุกๆสัปดาห์ จึงไม่แปลกที่วง Wanna one จะรักแฟนคลับเกาหลีเป็นพิเศษ (Wannable) เพราะแฟนคลับเหล่านี้เป็นคนที่ทำให้พวกเขาทั้ง 11 คน สามารถมายืนอยู่บนจุดนี้ได้

มาดูรูปแบบรายการ Produce 101 แรงกดดันที่ผู้เข้าแข่งขันต้องฝ่าฟัน

อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ รายการ Produce 101 เป็นรายการที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันถึง 101 คน และผู้เข้าแข่งขันทั้ง 101 คนนี้ก็มาจากค่ายเพลงที่หลากหลาย เพื่อมาร่วมแข่งขันกันจนเหลือผู้ชนะเพียง 11 คน โดยมีระยะเวลาการโปรโมทวงของผู้ชนะเพียง 2 ปี (หมดสัญญาสิ้นปี 2018) ก่อนที่พวกเขาทั้ง 11 คนจะแยกย้ายกลับค่ายเดิมของตัวเอง ซึ่งการแข่งขันนี้เรียกได้ว่าเมื่อพวกเขาทั้ง 101 คน ได้ก้าวเข้าไปในรายการครั้งแรก พวกเขาจะได้รับแรงกดดันตั้งแต่เริ่มเลยก็ว่าได้ เพราะจะมีคัดเกรดความสามารถของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 101 คนตั้งแต่เริ่มรายการ จากการแสดงที่แต่ละคนได้เตรียมมาโชว์ให้กรรมการดู และเกรดที่ว่านี้ก็มีตั้งแต่ A B C D และ F เรียงลำดับตามความสามารถ และใช่ว่าจะจบการคัดเกรดเพียงแค่นั้น เพราะยังมีการคัดเกรดที่จะเกิดขึ้นในครั้งที่ 2 หลังจากซ้อมเต้นเพลง PINK ME ที่มีระยะเวลาการซ้อมเพียงแค่ 3 วัน ก่อนจะเต้นให้กรรมการดูถึงผลลัพท์ในการซ้อมเต้นในครั้งนี้ ซึ่งอันดับเกรดจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอยู่ที่ว่าพวกเขาจะเต้นเพลง PINK ME ได้ดีแค่ไหนในเวลาซ้อมอันน้อยนิด

ทำไมอันดับเกรดถึงสำคัญขนาดนั้น? ก็เพราะรายการนี้หาเซ็นเตอร์ของวงด้วยยังไงล่ะ การที่พวกเขาสามารถเข้าไปอยู่เกรด A ได้ ก็พิสูจน์แล้วคุณมีความสามารถ และโอกาสที่จะได้เป็นเซ็นเตอร์ก็มีโอกาสมากกว่า และไม่เพียงแค่นั้นเกรดของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 101 คน ยังมีผลต่อการถ่าย MV เพลง PINK ME เพลงโปรโมตรายการก่อนที่รายการจะออกอากาศจริง และแน่นอนผู้ที่ได้อยู่เกรด A โดยเฉพาะเซ็นเตอร์ก็จะโดดเด่นกว่าผู้เข้าแข่งขันที่เหลือ และระยะเวลาของคนที่อยู่เกรด A ก็จะปรากฏตัวใน MV มากกว่าเกรดอื่นๆตามลำดับกันไป ซึ่งการเข้าร่วมในรายการนี้เรียกได้ว่าทุกคนต้องกระตือรือร้นตลอดเวลา เพราะการซ้อมทุกนาทีมีค่า และการแสดงในทุกๆเวทีให้ดีที่สุดก็มีค่าเช่นกัน เพราะทุกๆการแสดงในแต่ละสัปดาห์ล้วนแต่มีผลทำให้พวกเขาอาจมีสิทธิอยู่รอดได้ไปจนถึงรอบ Final ในภาวะการแข่งขันที่รายการคัดคนออกจากผลโหวตของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งการคัดผู้เข้าแข่งขันออกของรายการนี้ จะคัดจากผู้เข้าแข่งขัน 101 คน เหลือ 60 คน เหลือ 35 คน เหลือ 20 คน และ 11 คนในรอบสุดท้าย จากการแข่งขันในรอบต่างๆ ทำให้ตลอดระยะเวลาการแข่งขันทั้ง 11 ตอน พวกเขาจึงต้องต่อสู้กับแรงกดดันที่แฟนคลับอย่างเราๆอาจไม่เข้าใจ และอาจจะไม่มีวันเข้าใจหากไม่ได้ไปยืนอยู่จุดนั้น เพราะรายการไม่ได้ถ่ายทอดออกอากาศตลอดเวลาเสียหน่อย ว่าเบื้องหลังที่พวกเขาซ้อมเหนื่อยหรือหนักหนาแค่ไหน ต้องเสียน้ำตามากน้อยแค่ไหนที่จะพยายามทำให้การแสดงบนเวทีผิดพลาดน้อยที่สุด เพื่อที่จะให้ผู้ชมประทับใจและเลือกที่จะโหวตเขา เพราะผู้ชมคือผู้คัดเลือกว่าใครจะเป็นไอดอลแห่งชาติคนต่อไป

ทำไมถึงเรียกวง Wanna one ว่า “รุกกี้ปีศาจ”

หลังจากที่พวกเขาทั้ง 11 คนชนะรอบ Final และได้มาเป็นสมาชิกวง Wanna one หากใครติดตามตั้งแต่เริ่ม ก็จะได้ยินหลากหลายกระแสตั้งแต่ดีจนถึงไม่ดี อาทิเช่น เมมเบอร์ในวงดูไม่เข้ากันเลย ทำไมถึงเป็นคนนี้ทำไมถึงไม่เป็นคนนี้แทนล่ะที่ได้เป็นสมาชิกวง เป็นต้น แต่แล้วกระแสเหล่านั้นก็ได้หายไปในที่สุด เนื่องจากวง Wanna one ได้พิสูจน์ให้พวกเราเห็นแล้วว่าเขาก็เป็นไอดอลที่มีความสามารถ และรวมตัวกันเพื่อสร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการเพลงเกาหลี เพราะตั้งแต่ทั้ง 11 คนชนะรายการ แฟนคลับต่างเฝ้ารอการเดบิวต์ของวง Wanna one กันอย่างมากมาย มีแบรนด์สินค้าหลากหลายแบรนด์วางตัว Wanna one เป็นพรีเซ็นเตอร์ตั้งแต่ยังไม่ได้เดบิวต์ และยังมีการพูดถึงกันในกว้าง ถึงการรวมตัวของที่ 11 คนในนามของวง Wanna one จนในที่สุดวันที่ 7 สิงหาคม 2017 วง Wanna one ก็ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการ ในมินิอัลบั้ม 1×1=1 (TO BE ONE) และการเดบิวต์ในครั้งนี้ก็กวาดอันดับ 1 ในทุกๆชาร์ตเพลงของเกาหลีตั้งแต่เดบิวต์ในครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีไอดอลวงไหนสามารถทำได้ และไม่เพียงแค่นั้นหลังจากเดบิวต์เพลง Energetic เพลงนี้ยังกวาดรางวัลถึง 15 รางวัลในรายการเพลงเกาหลี ซึ่งก็ยังไม่เคยมีวงน้องใหม่วงไหนสามารถทำได้อีกเช่นกัน แล้วก็น้อยนักที่จะมีคนสามารถกวาดรางวัลถึง 15 รางวัลได้ในเพลงเดียว

และไม่หมดแค่นั้น Wanna one ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้ามากมาย และขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากเปิดขาย ซึ่งเรียกได้ว่าแบรนด์สินค้านั้นๆ ต้องยอมแลกกับค่าตัวของ Wanna one ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ กับยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากตัดสินใจเลือกวง Wanna one มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งแบรนด์สินค้าที่วงนี้ได้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น หลายคนอาจจะคิดว่าวง Wanna one จะได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ามากแค่ไหนกันเชี่ยว เราเลยอยากรวบรวมแบรนด์สินค้าที่วงนี้ได้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์มาให้ทุกคนได้ชมกัน ว่าวงที่พึ่งเดบิวต์ยังไม่ถึงหนึ่งปี ก็สามารถมีอิทธิพลกับแบรนด์สินค้าได้อย่างมากเช่นกัน

– Innisfree lipbalm – Innisfree mask – Yohi water – Yohi biscuits – Ivy Club – Kswiss – The Musician – Eider padding – Hite – Cold Brew – Samsung Pay – Ghana – Snow – Lens 9- Lens 9 – Mexicana – Mobifren – Lotteria – Shinhan Bank – Think Nature (D) – The Spring Home (D) – LAP (D) – Eider Sneakers

และทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นแบรนด์ที่ไว้ใจ และเลือกที่จะให้วง Wanna one มาสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ของพวกเขา เพื่อเรียกผู้บริโภคให้มาซื้อสินค้านั้นๆ ด้วยหลักการตลาดที่ใช้วง Wanna one เป็นตัวเพิ่มยอดขาย อาทิเช่น แบรนด์ innisfree มีหลักการตลาดที่ว่า หากซื้อมาร์กหน้า 2 หลอด จะแถมโปสเตอร์วง Wanna one เลือกสมาชิกได้ 1 ใบ ซึ่งหลักการตลาดนี้ก็ใช้ได้ผล เพราะสินค้าหมดภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดขาย และนี่ยังไม่นับแบรนด์อื่นๆ ที่ใช้วิธีนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ต้องเดาให้ยาก เพราะสินค้าก็ล้วนแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนทำให้วง Wanna one สามารถทำรายได้จากการเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาในปี 2017 จำนวนกว่า 2 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 582 ล้านบาท

นอกจากนั้นรายการต่างๆในเกาหลีหลายรายการก็ติดต่อให้ Wanna one มาปรากฎตัวในรายการอย่างมากมาย และหลังจากการที่ Wanna one มาปรากฏตัวในรายการนั้นๆ เรตติ้งในช่วงนั้นก็จะพู่งสูงด้วยอีกเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น รายการ Weekly idol ที่หลังจากออกอากาศในตอนที่ Wanna one มาเป็นแขกรับเชิญ เรตติ้งรายการก็พุ่งสูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ทำรายการมา และที่สำคัญกว่านั้น Wanna one ยังมีแฟนมีตในต่างประเทศมากมายหลังจากเดบิวต์ได้ไม่นาน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีแฟนมีตที่ไทยด้วยเช่นกัน

และไม่นานเกินรอวันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา Wanna one ก็ได้ปล่อยอัลบั้ม 1-1=0 (NOTHING WITHOUT YOU) อัลบั้มรีแพคเกจที่หลังจากปล่อยเพลง Beautiful ออกมา ก็สามารถขั้นอันดับหนึ่งชาร์ตเรียลไทม์ทั้ง 6 ชาร์ตใหญ่ๆอย่าง Melon, Genie, Bugs, M-net, Naver และ Soribada ในเวลาอันรวดเร็ว และไม่เพียงแค่นั้น 3 เพลงใหม่ในอัลบั้มอย่างเพลง Nothing Without You, I Wanna Have และ Twilight ยังติด top 10 ในชาร์ตเพลงอีกด้วย และถึงแม้อัลบั้มรีแพคเกจนี้จะไม่ค่อยได้ขึ้นโปรโมทในรายการเพลงมากนัก เนื่องจากมีตารางมากมายไม่ว่าจะเป็นงาน Fan sign (งานแจกลายเซ็น), รายการต่างๆ ไปจนถึงงานประกาศรางวัลต่างๆ แต่ก็ยังสามารถกวาดรางวัลในรายการเพลงได้ถึง 8 รางวัล ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นรายการเพลงเพื่อโปรโมท เรียกได้ว่าเกาหลีตอนนี้วง Wanna one เป็นวงน้องใหม่มาแรง ที่ทุกคนต้องยอมรับด้วยรางวัลการันตีความสำเร็จ ที่ไม่เพียงแต่ในรายการเพลงเท่านั้น งานประกาศรางวัลวงการเพลงระดับประเทศของเกาหลีก็จะมีชื่อ Wanna one เข้าชิงและได้รับรางวัลอยู่ทุกครั้งไป โดยเฉพาะสาขา New male artist ที่โดน Wanna one กวาดเรียบทั้งปี 2017 จนถึงปัจจุปันนี้ และที่น่าภูมิใจและน่าดีใจกับ Wanna one ไปกว่านั้นคือ การได้รับรางวัล Best male group ในงาน Mnet Asian Music Award 2017 ที่มีวงรุ่นพี่มากความสามารถที่เข้ายิงรางวัลอย่าง BTS, EXO, GOT7, Nu’est W และ Seventeen ซี่งรางวัล Best male group น้อยนักหรือเรียกได้ว่าแทบไม่เคยมีเลยก็ว่าได้ที่วงรุกกี้หรือวงน้องใหม่จะมีโอกาสเข้าชิงรางวัลนี้และยังได้รับรางวัล Best male group ไปครอบครอง

หากใครยังคิดว่าที่เราได้ยกมาเล่าให้ฟังเท่านี้ยังไม่พอที่จะพิสูจน์ได้นิ เอาเป็นว่าเราจะหยิบยก Poll หรือการจัดอันดับความยอดนิยมของประเทศเกาหลีที่ได้มีจัดลำดับในทุกๆเดือน และก็จะมี Wanna one อยู่ในลิสต์รายชื่อทุกครั้งไป มาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เกาหลีได้ถูกปรากฏการณ์ Wanna one ครอบครองซะแล้ว เริ่มจากการจัดอันดับชื่อเสียงรายบุคคลของกลุ่มบอยแบนด์ เซ็นเตอร์ของวงอย่างคังแดเนียลก็ได้ติดท็อปอันดับหนึ่งติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว (ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 ถึงเดือนมกราคม 2018) นอกจากนั้นสมาชิกในวงที่เหลืออีกสิบคนอย่างพัคจีฮุน องซองอู ฮวังมินฮยอน คิมแจฮวาน แพจินยอง พัคอูจิน ฮาซองอุน อีแดฮวี ยุนจีซอง และไลควานลิน ก็ไม่เคยหลุดออกจากโพลล์การจัดลำดับด้วยเช่นเดียวกัน แล้วยังไม่หมดแค่นั้น เพราะหลังจากที่ Wanna one เดบิวต์มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงปัจจุปัน Wanna one มักจะได้อันดับ 1 ไม่ก็อันดับ 2 ในการจัดอันดับความนิยมของไอดอลประจำเดือนทุกครั้งไป อย่างเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมานี้ Wanna one ก็ได้อันดับหนึ่งในการจัดอันดับศิลปินกลุ่ม, อันดับหนึ่งในการจัดอันดับความนิยมของแบรนด์ของศิลปิน และได้อันดับหนึ่งในการจัดอันดับความสนใจของผู้ชมที่มีต่อรายการทีวี ประจำเดือนมกราคม 2018 เช่นกัน แล้วจะไม่ให้เรียกวง Wanna one ว่าวงรุกกี้ปีศาจได้อย่างไรล่ะถูกไหม?

ซึ่งทุกสิ่งที่เราได้กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของความสำเร็จทั้งหมด แต่ก็สามารถตอกย้ำได้ว่าวงที่ได้รับเลือกโดยโปรดิวเซอร์แห่งชาติอย่าง Wanna one ไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตา แต่พวกเขาทั้ง 11 คนก็สามารถพิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นแล้วว่าพวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งวงที่เต็มไปด้วยความสามารถ ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะโชคช่วย แต่พวกเขาทั้ง 11 คนยังช่วยกันประคับประครองและผลักดันกันและกันอย่างคนในครอบครัว ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะมายืนจุดนี้ ถึงแม้ระยะเวลาของวงจะสั้น และจะต้องแยกวงจากกันไปในสิ้นปี 2018 ที่จะถึงนี้ตามสัญญาก่อนถ่ายทำรายการ Produce 101 แต่วง Wanna one ก็จะทิ้งความสำเร็จนี้ไว้เป็นตำนานให้ Wannable และใครหลายๆคนได้นึกถึง ว่าเคยมีวง Wanna one ที่เป็น “ครอบครัว” ที่แสนสดใส และเปี่ยมไปด้วยความสามารถ