“มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ออนไลน์” ขยายเวลาถึง 31 ม.ค.66 หลังลงทะเบียนทะลุ 1.2 แสนคน พร้อมเพิ่มประเภทสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ซึ่งมีการเปิดลงทะเบียน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ออนไลน์” ซึ่งเดิมจะหมดระยะเวลาการลงทะเบียน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่มีประชาชนสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จึงได้ขยายเวลาการลงทะเบียนออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 66 โดยลงทะเบียนได้ที่ www.bot.or.th/debtfair เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงโครงการได้อย่างครอบคลุมและสอดคล้องกับการจัดงานมหกรรมสัญจร ซึ่งจะสิ้นสุดสิ้นเดือนมกราคม นี้เช่นกัน ปัจจุบัน มีลูกหนี้ธนาคารของรัฐ ลงทะเบียนออนไลน์เข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้แล้วกว่า 1.2 แสนคน ซึ่งขั้นตอนต่อไปกระทรวงการคลังจะคัดกรองอีกครั้งว่าเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินแห่งใดจากนั้นจะให้ลูกค้าเลือกว่าจะเดินทางมาที่บูธในงาน หรือเข้ารับการแก้ไขหนี้ที่สาขาธนาคาร หากมาที่งานก็จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากธนาคารที่เข้าร่วม ทั้งนี้มีการเพิ่มประเภทสินเชื่อธุรกิจ (office) วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (house) วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระหนี้ตั้งแต่ 31 วันขึ้นไปก่อนวันที่ 31 ตุลาคม 65 นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า ขอเชิญชวนประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้ ลงทะเบียน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ออนไลน์” ซึ่งมีสถาบันการเงิน/ผู้ให้บริการทางการเงิน ภาคเอกชนและภาครัฐ (SFIs) กว่า 60 แห่ง ครอบคลุม หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ จำนำทะเบียนรถ ที่อยู่อาศัย นาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อการเกษตร สินเชื่อธุรกิจ หนี้ค่าประกันชดเชย บสย. หนี้ที่โอนไปบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) และสินเชื่อของผู้ให้บริการทางการเงินภาครัฐ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร 1213 หรือจาก www.bot.or.th/debtfair แบงก์ชาติสนับสนุนให้สถาบันการเงินเร่งให้ความช่วยเหลือกับลูกหนี้ได้อย่างทั่วถึงในการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงของลูกหนี้ ในช่วงมาตรการเว้นระยะเพื่อลดการแพร่เชื้อ (social distancing) อาจทำให้การติดต่อกับสถาบันการเงินโดยตรงทำได้ไม่สะดวก "ทางด่วนแก้หนี้" เป็นช่องทางเสริมสำหรับประชาชนและธุรกิจที่เป็นลูกหนี้ที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยแบงก์ชาติจะช่วยรับเรื่องและเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล ติดต่อ หรือเจรจากับสถาบันการเงินในกรณีจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้จากปัญหาโควิด 19 ใครที่ควรใช้ช่องทางนี้ลูกหนี้ประชาชนและธุรกิจ SMEs ทั้งที่มียังเป็นลูกหนี้ดีสถานะปกติแต่ขาดสภาพคล่องชั่วคราว หรือเป็นหนี้เสีย หรือปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
ขั้นตอนการใช้งาน
ทั้งนี้ เมื่อลูกหนี้แจ้งข้อมูลผ่านเว็บไซต์ “ทางด่วนแก้หนี้” แล้ว เรื่องจะถูกส่งให้สถาบันการเงินเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามดุลยพินิจ หรือหากจำเป็นในบางกรณีแบงก์ชาติอาจช่วยหารือและไกล่เกลี่ยหาแนวทางที่พอจะทำได้ เพื่อช่วยให้ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ประโยชน์ร่วมกัน
FCCPageContent1 โปรดไปยังหน้าทางด่วนแก้หนี้ที่ปรับปรุงใหม่ >> https://www.1213.or.th/App/DebtCase/FCCPageContent2 FCCPageContent3 FCCPageContent4 FCCPageContent5 ผู้จัดการบริการ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ส่งผลให้รายได้ของประชาชนและภาคธุรกิจปรับลดลงอย่างมาก ดังนั้น การที่ผู้ให้บริการทางการเงิน (ผู้ให้บริการ) และลูกค้าสามารถตกลงและได้ข้อสรุปร่วมกัน ในเรื่องการผ่อนชำระหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในการนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงเปิดช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางเสริมสำหรับให้ประชาชนหรือธุรกิจแจ้งขอความช่วยเหลือด้านการผ่อนชำระหนี้ โดย ธปท. จะส่งข้อมูลที่ได้รับไปยังผู้ให้บริการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป ขณะเดียวกันขอให้ผู้แจ้งขอความช่วยเหลือเตรียมพร้อมรับการติดต่อกลับด้วย อย่างไรก็ตาม หากท่านประสงค์จะร้องเรียน แจ้งเบาะแส หรือสอบถามเรื่องอื่น สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1213 อีเมล [email protected] หรือหน้าเว็บไซต์ www.1213.or.th |