Windows Security Windows 11 หาย

Windows Defender เป็นซอฟต์แวร์ป้องกันความปลอดภัยสำหรับ Windows Windows Defender ปกป้องซอฟต์แวร์จากไวรัสและมัลแวร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีรายงานจำนวนมากจากผู้ใช้ว่า Windows Defender ไม่ทำงานบน Windows 11 หากคุณประสบปัญหานี้ด้วย โปรดอ่านบทความนี้ต่อไป ซึ่งจะแสดงวิธีแก้ไข Windows Defender ที่ไม่ทำงานบน Windows 11

บทความนี้จะนำเสนอห้าวิธีที่มีประสิทธิภาพและง่ายในการแก้ไข Windows Defender ที่ไม่ทำงานใน Windows 11 คุณสามารถปฏิบัติตามเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว

เริ่มบริการศูนย์ความปลอดภัยใหม่

• กดปุ่ม Windows + R，เปิดกล่องโต้ตอบ Run พิมพ์ services.msc แล้วกด Enter
• ค้นหา Security Center ในแอปพลิเคชันบริการที่เปิดอยู่
• คลิกขวาที่บริการแล้วคลิกรีสตาร์ท

อัพเดท Windows เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

• กดปุ่ม Windows + I
• ค้นหา Windows Update ในคอลัมน์ด้านซ้ายของการตั้งค่า
• คลิก ตรวจหาการอัปเดต เพื่อตรวจสอบการอัปเดต
• ดาวน์โหลดและติดตั้งการอัปเดตทั้งหมด
• อัปเดต รีสตาร์ทเพื่อดูว่า Windows Defender ไม่ทำงานปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

เรียกใช้การสแกน SFC

หากวิธีการข้างต้นไม่สามารถแก้ไข Windows Defender ที่ไม่ทำงานใน Windows 11 ได้ คุณสามารถลองใช้การสแกน SFC ได้

• เปิดเมนูเริ่มต้นและค้นหา CMD เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
• ที่พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์และดำเนินการ sfc /scannow
• หลังจากดำเนินการเสร็จสิ้น ให้ปิดพรอมต์คำสั่งและรีสตาร์ทพีซี

ตรวจสอบว่า Windows Defender ทำงานอย่างถูกต้อง หาก Windows Defender ยังคงไม่ทำงานใน Windows 11 ให้ลองใช้ตัวเลือกถัดไป

ทำคลีนบูตด่วน

บริการและโปรแกรมของบริษัทอื่นในการเริ่มต้นระบบสามารถบล็อก Windows ได้ ทำให้ Windows Defender ทำงานไม่ถูกต้อง

• กด Windows + R
• ในกล่องโต้ตอบ Run ให้พิมพ์ msconfig แล้วกด Enter เพื่อเปิด System Configuration
• คลิกแท็บบริการในการกำหนดค่าระบบ
• ทำเครื่องหมายที่ช่อง "ซ่อนบริการทั้งหมดของ Microsoft" จากนั้นคลิก ปิดใช้งานทั้งหมด เพื่อปิดใช้งานบริการทั้งหมดยกเว้นบริการของ Microsoft
• ภายใต้แท็บเริ่มต้น คลิกเปิดตัวจัดการงาน
• ไปที่แท็บเริ่มต้นในตัวจัดการงาน
• เลือกโปรแกรมทีละรายการและคลิกปิดใช้งานเพื่อปิดใช้งานแอปพลิเคชัน
• รีสตาร์ทพีซีของคุณหลังจากปิดใช้งานโปรแกรมทั้งหมดเมื่อเริ่มต้น

เปลี่ยนการตั้งค่ารีจิสทรี

ลองเปลี่ยนการตั้งค่ารีจิสทรีเพื่อแก้ไข Windows Defender ที่ไม่ทำงานใน Windows 11

• เปิดเมนูเริ่ม ค้นหา Registry Editor
• ใน Registry Editor พิมพ์เส้นทางต่อไปนี้: Computer\HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Windows Defender
• ทางด้านขวา ค้นหา DisableAntiSpyware และดับเบิลคลิกเพื่อแก้ไข
• หากไม่มีคีย์ ให้คลิกขวาที่ Windows Defender ที่แถบด้านข้างทางซ้าย คลิกใหม่และเลือกค่า DWORD (32 บิต) ปล่อยให้ชื่อของคีย์ใหม่ที่คุณสร้างขึ้นเป็น DisableAntiSpyware
• คลิกสองครั้งที่คีย์และเปลี่ยนข้อมูลค่าเป็น 0 จากนั้นคลิกตกลง

บทความนี้จะแนะนำห้าวิธีง่ายๆ ในการแก้ไข Windows Defender ที่ไม่ทำงานใน Windows 11 คุณสามารถแก้ปัญหา Windows Defender ได้ง่ายๆ โดยอ่านขั้นตอนโดยละเอียดในบทความนี้

July 25, 2022 Business Software, Microsoft, Products

Microsoft ออกรายงานและเอกสารประกอบเกี่ยวกับ KB5015882 และ KB5015814 สองรายการการอัปเดตล่าสุดที่ส่งผลกระทบข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ต่อผู้ใช้งานบางราย โดยหลังการอัปเดตมีรายงานจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่ามีปัญหาร้ายแรงบางอย่างกับเมนู Start ในการทดสอบพบว่าเมนู Start จะไม่แสดงขึ้นหลังจากการคลิ๊ก กล่าวคือ การอัปเดตทำให้เมนู Start หายไป

KB5015882 เพิ่งเปิดตัวในช่องทางการผลิตและนำคุณสมบัติใหม่มาสู่ Windows 11 เวอร์ชัน 21H2 เช่นเดียวกับการอัปเดตอื่นๆ ผ่าน Windows Update

นี่คือบันทึกการเปลี่ยนแปลง KB5015882 :

• Microsoft กำลังคืนค่าการปรับใช้ Windows Autopilot ฟีเจอร์นี้ถูกปิดเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์
• Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้แอปหยุดทำงานหากใช้ UIAutomation()
• แก้ไขข้อผิดพลาดอื่นที่ทำให้ Startup Task API ไม่ทำงาน
• Microsoft ได้ปรับปรุงความน่าเชื่อถือของการรีเซ็ตปุ่มกดหลังจากการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ
• แก้ไขข้อผิดพลาดจากการรับรองความถูกต้องบัญชีเครื่องล้มเหลว
• Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ส่งผลต่อรหัส Arm64EC
• Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ cmdlet ของ Remove-Item ไม่สามารถตอบสนองต่อโฟลเดอร์ OneDrive ได้อย่างถูกต้อง
• Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถเปิดเครื่องมือแก้ไขปัญหาได้
• Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ของรหัส เพื่อเชื่อถือไฟล์ต่อไปหลังจากแก้ไขไฟล์แล้ว
• แก้ไขข้อผิดพลาดที่ Windows หยุดตอบสนองเมื่อคุณเปิดใช้งาน Windows Defender Application Control

เกี่ยวกับปัญหา Windows 11 หลังอัปเดต KB5015882, KB5015814 :

• ข้อบกพร่องยังส่งผลต่อปุ่ม ‘Windows’ บนแป้นพิมพ์ ซึ่ง Microsoft ทราบรายงานดังกล่าวแล้ว ว่าจุดบกพร่องใน KB5015882 หรือ KB5015814 ส่งผลกระทบต่อเมนู Start ที่หายไป

• Microsoft ได้ออกการอัปเดตฝั่งเซิร์ฟเวอร์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขเมนู Start ที่ใช้งานไม่ได้ แต่อาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมงเพื่อดำเนินการเผยแพร่ไปยังอุปกรณ์ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ และยังแนะนำเพิ่มเติมถ้าหากปุ่ม Start ยังคงไม่ทำงานบนอุปกรณ์ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทำการรีบูทอุปกรณ์ Windows เพื่อให้การอัปเดตแก้ไขสมบูรณ์

• สำหรับลูกค้าองค์กร สามารถค้นหานโยบายกลุ่มพิเศษได้ใน Computer Configuration > Administrative Templates > KB5014668 220721_04201 Known Issue Rollback > Windows 11

• ในการแก้ไขเมนู Start ที่ใช้งานไม่ได้ใน Windows 11 คุณสามารถดาวน์โหลดตัวติดตั้งโปรแกรมแก้ไขฉุกเฉินแบบออฟไลน์ได้จากที่นี่