"ชนชาติไทย" แท้จริงแล้วมาจากที่ไหน ยังเป็นแนวคิดที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ขณะที่หลายคนเชื่อว่า คนไทยนั้นมาจาก "เทือกเขาอัลไต" ดูจะเป็นแนวคิดที่ไม่สมเหตุผล Show "ชนชาติไทย" แท้จริงแล้วมาจากที่ไหน ยังเป็นแนวคิดที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ขณะที่หลายคนเชื่อว่า คนไทยนั้นมาจาก "เทือกเขาอัลไต" ดูจะเป็นแนวคิดที่ไม่สมเหตุผล แต่กลับสร้างกรอบคิดและความเชื่อชุดหนึ่งที่ยังตกค้างมาสู่ปัจจุบัน แนวคิดเช่นนั้นคืออะไร แล้วส่งผลอย่างไรในปัจจุบัน คำถามที่ว่า "คนไทย" มาจากไหนยังคงเป็นคำตอบที่คลุมเครือ และยังไม่มีผู้ใดสามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนว่าแท้จริงแล้วคนไทยมาจากไหน เป็นเวลานานหลายทศวรรษ ที่การศึกษาประวัติศาสตร์ชนชาติไทยยังไม่ได้รับการปรับปรุง หรือก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างจริงจัง เนื่องจากกรอบคิดชุดหนึ่งที่ว่าชนชาติไทยมาจาก "เทือกเขาอัลไต" นั้น ดูจะเป็นเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จนทำให้นักวิชาการรุ่นใหม่ปัดแนวคิดนี้ตกไปอย่างไม่ใยดี "เทือกเขาอัลไต" เป็นเทือกเขาที่ตั้งอยู่ในบริเวณเอเชียกลาง มีพรมแดนติดต่อระหว่างประเทศมองโกเลีย รัสเซีย จีน และคาซัคสถาน หลายคนขนานนามอัลไตว่าเป็น "ภูเขาทอง" หรือ "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียกลาง" ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2541 อีกด้วย เเนวคิดว่าด้วยเรื่องเชื้อชาติไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไตนั้น ถูกนำเสนอโดยนายวิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน ก่อนที่ขุนวิจิตรมาตรา จะนำแนวคิดดังกล่าวมาเผยแพร่ลงในหนังสือหลักไท ปี 2471 ซึ่งเชื่อว่าคนไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไต ลงมายังจีนตอนใต้ก่อนที่ ชาวจีนและชาวมองโกล ขับไล่ลงมายังดินแดนสุวรรณภูมิ ทั้งยังเชื่อว่าคนไทยมีเชื้อสายมองโกลอีกด้วย นักโบราณคดีจำนวนมาก กลับไม่เชื่อแนวคิดของดอดด์ และขุนวิจิตรมาตรา เนื่องจากการศึกษาทางโบราณคดี และภูมิศาสตร์ที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าการอพยพผ่านเทือกเขาอัลไต ซึ่งเป็นเขตแห้งแล้ง อากาศมีความหนาวเย็น ถ้าอพยพโยกย้ายลงมาก็ต้องผ่านทะเลทรายที่กว้างใหญ่ และทุรกันดารหลายพันกิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่รอดลงมาถึงดินแดนสุวรรณภูมิได้ ด้านนักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ชุดความคิดดังกล่าวเป็นหนึ่งในเครื่องมือของอุดมการณ์ชาตินิยมในสมัยสร้างชาติให้เป็นอารยะของจอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านการเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์ของหลวงวิจิตรวาทการ และขุนวิจิตรมาตรา ที่พยายามอธิบายรากเหง้าว่า "ไทย" เป็นชาติที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่มากที่สุดในดินแดนสุวรรณภูมิ ทั้งยังผูกเรื่องราวของอาณาจักรโบราณของไทยที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงรัตนโกสินทร์ โดยมีศูนย์กลางที่ "กรุงเทพมหานคร" เข้ากับ "วาทะกรรมการเสียดินแดน" อีกด้วย ประวัติศาสตร์นิพนธ์ชุดนี้ ยังถูกบรรจุลงในบทเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและหนังสือแผนที่ภูมิศาสตร์ของทองใบ แตงน้อย ที่ผลิตซํ้ามาเป็นเวลาหลายทศวรรษถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นความจริงชุดหนึ่ง ถึงแม้หลายฝ่ายจะไม่ปักใจเชื่อ แต่อุดมการณ์ชาตินิยมในเรื่องดินแดนอันยิ่งใหญ่ของไทยที่แฝงอยู่ ยังคงเป็นเกมการเมืองที่กลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ นำมาใช้เพื่อการเคลื่อนไหวอย่างไม่ลดละ ไม่เพียงแค่นั้น แนวคิดเรื่อง"เทือกเขาอัลไต" ยังเป็นการพูดในทำนอง "เสียดสี" ในสังคมออนไลน์ ต่อกลุ่มชาตินิยม ที่ต้องการเคลื่อนไหวทวงคืนดินแดนอย่างปราสาทพระวิหาร โดยชี้ว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงไม่ทวงคืน "เทือกเขาอัลไต" อันเป็นต้นกำเนิดของบรรพบุรุษไทยที่ยิ่งใหญ่เสียเลยเล่า ท้ายที่สุด ปัจจุบันยังคงไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันที่มาที่ไปของชนชาติไทยได้ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นไปได้มากที่สุด ที่เราๆ ท่านๆ มักหลงลืมไปนั่นก็คือ การอพยพเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดน ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลามาตั้งแต่ครั้งอดีตกาลแล้ว ถ้าคนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต แล้วคนไทยมาจากไหน4 Min 179 Views 25 Jul 2022
ความเชื่อนี้เคยถูกบรรจุไว้ในตำราเรียนวิชาสังคมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และอาจฝังหัวอยู่ในความทรงจำของคนไทยหลายๆ คน เช่น ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรีของไทย ยังเคยประกาศความเข้าใจผิดผ่านการอวยพรในวันตรุษจีนปี 2558 มาแล้ว แต่ที่สำคัญคือมัน ‘ผิด’ นี่ล่ะ แล้วความจริงคืออะไรกันแน่? แกะแหล่งที่มาความเข้าใจผิดความเข้าใจผิดว่าคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตมาจากหนังสือเรื่อง ‘หลักไทย’ เขียนโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ตีพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ. 2471 หนังสือเล่มนี้ทำให้ชนชั้นนำสยามตื่นเต้นกันมาก ข้อมูลชุดนั้นลุกลามแพร่ไปสู่หนังสือแบบเรียน ท้ายที่สุดก็กระจายเข้าไปในความเชื่อของคนไทย ขุนวิจิตรมาตราอ้างถึง หมอดอดด์ หรือ บาทหลวงวิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ (William Clifton Dodd) เจ้าของผลงาน ‘The Thai Race: The Elder Brother of the Chinese’ ซึ่งเผยแพร่ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2452 หรือช่วงปลายแผ่นดินรัชกาลที่ 5 โดยมีเนื้อหาสำคัญระบุว่า ไทยเป็นเชื้อสายมองโกล เก่าแก่กว่าจีน และเคยเป็นเจ้าของดินแดนจีน แนวคิดนี้ถูกนำไปขยายว่าถิ่นเดิมของไทยอยู่ที่มองโกเลีย ‘ชาตินิยม’ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อฉบับ อัลไต–น่านเจ้า ยิ่งทวีความเหนียวแน่นในความคิดของผู้คน ในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คณะราษฎรสถาปนากรมศิลปากร แล้วมอบหมายหน้าที่ให้เผยแพร่ ‘การเมืองชาตินิยม’ ผ่านความรู้ทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ครั้นถึงปี พ.ศ. 2482 ‘สยาม’ ได้แปรเปลี่ยนเป็น ‘ประเทศไทย’ เกิดเพลง ‘ประวัติศาสตร์’ แต่งโดย หลวงวิจิตรวาทการ มีเนื้อหาสำคัญตอนหนึ่งว่า
สุจิตต์ วงษ์เทศ อดีตบรรณาธิการนิตยสารศิลปวัฒนธรรม กับ ขรรค์ชัย บุนปาน นักเขียนรางวัลศรีบูรพา เน้นย้ำผ่านรายการ ‘ขรรค์ชัย–สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว’ ว่า แนวคิดเรื่องเชื้อชาติเพิ่งมีในยุโรปเมื่อ 200 กว่าปีมานี้แล้วแผ่มายังรัตนโกสินทร์ ขณะที่ไทยเพิ่งรับมาในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนสมัยสุโขทัย อยุธยา ไม่มีเชื้อชาติไทย แต่ถ้าหากแนวคิดคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่ถูกโปรโมตจากอุดมการณ์รัฐชาติ อย่างนั้นความจริงแล้วคนไทยมาจากไหนกันล่ะ? โชคดีที่เทคโนโลยีสมัยใหม่กับหลักฐานที่เพิ่มพูนมาตามกาลเวลาช่วยให้เราได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น คนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขา แต่มาจาก…?สุจิตต์ วงษ์เทศ กับ ขรรค์ชัย บุนปาน ร่วมกันอธิบายว่า บรรพชนไทยสามารถแบ่งออกกว้างๆ อย่างน้อย 3 กลุ่ม คือ 1. มาจากโซเมีย ทางภาคใต้ของจีน กระจายลงมาข้างล่าง 2. มาจากร้อยพ่อพันแม่ในอุษาคเนย์ และ 3. มาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย ลังกา อิหร่าน ยุโรป แม้กระทั่งอเมริกา สุจิตต์ยังกล่าวอีกด้วยว่า ประเด็นเรื่องเชื้อชาติ บางประเทศยกออกจากรัฐธรรมนูญไปแล้ว เพราะเป็นต้นเหตุของการเข่นฆ่ากัน บรรพชนไทย ผสมผสานหลากหลาย ไม่มีไทยแท้ สอดคล้องกับการศึกษาดีเอ็นเอของ รศ.ดร.วิภู กุตะนันท์ นักชีววิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์เชิงมานุษยวิทยา ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Molecular Biology and Evolution ฉบับเดือนสิงหาคม 2021 ทำให้เห็นความหลากหลายของดีเอ็นเอของคนไทยที่พาเราก้าวข้ามความคิดชาตินิยมที่วนเวียนอยู่กับแค่เทือกเขาอัลไต รศ.ดร.วิภู ค้นพบว่า คนไทยภาคกลางเป็นคนมอญ คนเมืองซึ่งเป็นประชากรหลักในภาคเหนือของไทยมีดีเอ็นเอคล้ายกับชาวไตจากสิบสองปันนา ประเทศจีนตอนใต้ ส่วนคนอีสานมีดีเอ็นเอที่มีการผสมผสานระหว่างกลุ่มประชากรที่พูดมอญ–เขมร กับดีเอ็นเอของคนไทยในสิบสองปันนา และดีเอ็นเอของคนภาคกลางและภาคใต้ยังมีบางส่วนเหมือนกันชาวอินเดียตอนใต้ ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานทางพันธุกรรมจากเอเชียใต้สู่ดินแดนสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกับสุจิตต์ รศ.ดร.วิภู ยืนยันว่า ‘ไทยแท้ไม่มีจริง’ ประเด็น ‘คนไทยมาจากไหน?’ เริ่มมีการถกเถียงมานานอย่างน้อยตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ผู้จุดประเด็นคัดค้านอย่างต่อเนื่องคือ ศาสตราจารย์พิเศษ ศรีศักร วัลลิโภดม เจ้าของรางวัลวัฒนธรรมเอเชียฟุกุโอกะ ประจำปี พ.ศ. 2550 ท้ายที่สุด กระทรวงศึกษาธิการก็ถอดเรื่องคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตออกจากหลักสูตรใน พ.ศ. 2521 แต่ไม่ยกเลิกประเด็นน่านเจ้า แนวคิดลักษณะนี้ยังมีอำนาจสืบมา และในปัจจุบันหลายๆ คนก็ยังเข้าใจผิดอยู่ แต่ถ้าคุณอ่านมาถึงตอนนี้ คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าคนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไตและ ‘คนไทย’ ก็หมายถึง ‘ความหลากหลาย’ ที่ผสมผสานสืบอยู่ยงมาจนปัจจุบัน BrandThink และ ThaiPBS ชวนคุณร่วมค้นหาและเข้าใจใน ‘ความเป็นไทย’ ที่ไม่ได้มีแต่ในตำราไปด้วยกัน ในแคมเปญ #โคตรไทยตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อนโลกนี้มีคำว่าไทย เพื่อตอบคำถามโลกแตกว่าสุดท้ายแล้ว ‘ไทยแท้’ มีจริงไหม? มาร่วมถอดรหัส ‘อะไรคือไทยแท้?’ จากจุดเริ่มต้น จากมนุษย์โบราณอายุหมื่นปี จากถ้อยคำและภาษามากมาย จากชาติพันธุ์ที่หลากหลาย จากเม็ดเลือดในร่างกาย และเข้าใจเรื่องราวการเดินทางว่าเรา ‘เป็นไทย’ อย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร ผ่านการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ หลักฐานทางโบราณคดีในสารคดี ‘เธอ เขา เรา ใคร’ ให้เข้าใจใน 10 นาที มาร่วมเดินทางไปกับเราได้ที่ www.thaipbs.or.th/CodeThai เข้าใจ ‘ความเป็นไทย’ ในมิติทางสังคมกันให้มากยิ่งขึ้น จากการตั้งคำถาม มุมมอง ความคิดเห็น ข้อมูลที่แตกต่าง หลากหลาย ของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ บุคคลที่น่าสนใจ ที่ https://thinkster.brandthink.me/campaign/code-thai อ้างอิง
|