อันตราย!!จากการใช้จอคอมพิวเตอร์เผยแพร่: 21 ต.ค. 2556 15:10 โดย: MGR Online Show
-การใช้สายตาเพ่งมองคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตา และแก้วตาทำงานหนักขึ้น อาการเบื้องต้น -ตาแห้ง ปวดตา เคืองตา แสบตา คันตา ตาแดง ดวงตาเมื่อยล้า และรู้สึกว่ากล้ามเนื้อรอบๆ ดวงตาตึงเครียดมากเกินไป วิธีป้องกัน 1.ควรตรวจสุขภาพดวงตาประจำทุกปี 2.พยายามปรับสิ่งแวดล้อมในห้องทำงาน เช่น ปรับแสงสว่างให้เพียงพอ ปรับแสงสะท้อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพิ่มความชื้นในห้องทำงานด้วยการวางแก้วนํ้า หรือกระถางต้นไม้เล็กๆ เมื่อต้องทำงานในห้องปรับอากาศ 3.คอมพิวเตอร์ควรตั้งตรงกับระดับสายตา หรืออยู่ตํ่ากว่าระดับสายตาเล็กน้อยเวลาทำงานควรอยู่ในท่าท่าก้มคอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 4.ใช้แผ่นกรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเพิ่มขนาดตัวหนังสือหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น 5.หยอดนํ้าตาเทียมก่อนลงมือทำงาน 6.กระพริบตาบ่อยๆ ประมาณ16-20 ครั้งต่อนาที เพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมนํ้าตา 7.ใช้หลัก 20-20-20 คือทุกๆ 20 นาทีควรพักสายตาจากคอมพิวเตอร์ 20 วินาที และมองสิ่งสวยงามสบายตาที่ห่างไกลออกไป 20 ฟุต โดยไม่ต้องเพ่ง 8.ปรับเปลี่ยนอาริยะบถบ่อยๆ เปลี่ยนท่านั่ง,หมุนคอ,หมุนไหล่,หมุนเอว,หมุนเข่า,สะบัดข้อมือ,หมุนข้อเท้า.บิดขี้เกียจ,เดินไปเดินมา,ออกกำลังกล้ามเนื้อข้อมือและข้อนิวด้วยท่าบริหารมือและนิ้วอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อป้องกันโรคมือชา นิ้วล็อก
การทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำ ให้เกิดผลเสียต่อ สุขภาพร่างกายได้ ท่านจึงควรศึกษาคำ แนะนำเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยง ความเสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วย และเพื่อความสะดวงสบายใน การใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของตัวท่านเอง มีการทดลองพบว่าการนั้งพิมพ์งานอยูกับที่เป้นเวลานานๆ หรือการจัดตั้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ใน ตำแหน่งที่ไม่ถูก สุข ลักษณะ อุปนิสัยการทำงานที่ไม่ ถูกต้อง หรือการมีปัญหา ด้านสุขภาพ อาจทำให้มีอาการปวดข้อมือ ปวดเส้น เอ็น หรือมีอาการอักเสบได้ อาการที่อาจเตือนให้ทราบ
อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในเวลาที่คุณกำลังพิมพ์ เอกสารอยู่หรือในเวลา อื่นที่ไม่ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือ แม้ในเวลา กลางคืน หากคุณมีอาการ ข้างต้นหรือมีอาการ อื่นที่คิดว่าน่าจะเนื่องมาจากการใช้คอมพิวเตร์ คุณควร ปรึกษาแพทย์ทันที ดัวนั้น คำแนะนำเหล่านี้จะอธิบายถึง วิธีการจัดวางเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ถูกสุขลักษณะท่านั่งที่ ถูกต้อง และความสัมพันธ์ระหว่าง สุขภาพกับอุปนิสัยการ ทำงานของคุณในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ในการทำงานจะเป็นปัจจัยในการตัดสิน สมรรถภาพ ในการทำงานของเรา อีกทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรามี นิสัยการทำงานที่ถูกสุขลักาณะ และปลอดภัยหรือไม่ การ ปฎิบัติตามคำแนะนำ จะทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ถูกสูขลักษณะ ซึ่งจะทำให้เกิดประสิธิภาพ และความปลอดภัยในการทำงาน วิธีการปรับสภาพแวดล้อมในการทำ
การจัดวางแป้นพิมพ์ เมาส์ และอุปกรณ์ป้อนข้อมูล แป้นพิมพ์ เมาส์ และอุปกรณ์ป้อนข้อมูล ควรจัดวางไว้ในที่ซึ่ง สะดวกในการวางแขนและมือได้สบายๆ ตามธรรมชาติ ไม่เกร็งมาก
การจัดวางเฟอร์นิเจอร์และท่านั่ง
วางเครื่องใช้ในการทำงานที่ต้องการหยิบใช่บ่อยๆ ไว้ใกล้มือ แขนช่วงล่างและข้อมือควรให้ขนาดกับพื้น มุมมองภาพที่ปรากฎบนจอหากจัดวางตำแหน่งและมุมมองของจอภาพให้เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการเมื่อล้าของตา กล้ามเนื้อ และคอได้
ระดับบนสุดของจอภาพไม่ควรอยู่สูงกว่าระดับสายตา การวางและเคลื่อนไหวมือ แขนขณะที่ใช้เครื่งคอมพิวเตอร์ทำงานการเคลื่อนไหวมือและแขนอย่างสบายๆ เป็ธรรมชาติจะช่วยป้องกันการเมื่อยล้าของมือ และ แขน โดยดูจากภาพประกอบ และควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำในขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
การวางมือในท่าที่ถูกต้อง การจัดแสงสว่าง การจัดแสงสว่างที่ถูกต้องจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย สภาพของแสงควรเหมาะสมกับงานที่ ทำอยู่เป็นประจำ ในกรณีที่ต้องทำงานหน้าเครื่องเป้นประจำ สภาพของแสงควรมีลักษณะดังนี้
จัดแสงเพื่อให้เกินแสงจ้าบนจอภาพน้อยที่สุด อุปนิสัยในการทำงานปัจจัยที่มีผลต่อความรู้สึกของคุณในขณะที่ทำงานอยุ่ทั้งวันไม่ได้มีเพียงการจัดวางเฟอร์นิเจอน์ อุปกรณสำนักงาน และแสงสว่าง เท่านั้น อุปนิสัยต่างๆ ในการทำงานของคุณก็เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญด้วย ข้อควรจำไว้ปฎิบัติ
การดูแลถนอมสายตาเมื่อทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ คุณอาจเกิดอาการเคืองหรืเมื่อยตาได้จึงควรดูแลรักษาสายตาเป็นพิเศษ
สุขภาพและการออกกำลังกาย สุขภาพโดยทั่วไปของคุณอาจมีผลต่อความสบายและความปลอดภัยในการทำงานในบริเวณที่นั่งทำงาน การศึกษาค้นคว้า ทำให้ ้ทราบว่า สภาวะทั่วไปของสุขภาพร่างกายคนเรสอาจทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิด อาการปวดเมื่อยกล้าวเนื้อและ ข้อพับต่างๆ หรือ แม้แต่เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น สภาวะสุขภาพของร่างกายดังกล่าวคือ
เนื่องจากว่าระดับความอดทนต่อการนั่งทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ฉะนั้นคุณควรที่จะ ทราบ ว่าคุณมีแรงทนนั่งทำงานได้นานเพียงไร และหลีกเลี่ยงการทำงานนาน จนร่างกายทนไม่ไหวบ่อยครั้งเกินไป หากสุขภาพของคุณมี สภาวะที่ตรงกับข้อใดข้อหนึ่งข้างต้นคุณควรทราบไว้เพื่อจะได้คอยระวังตัว นอกจากนี้ ทุกคนที่ทราบสภาวะร่างกายของตน และเรียนรู้ที่จะป้องกันตัว และออกกำลังกายสม่ำเสมอไว้ก่อน ย่อมทำให้ นั่งทำงานได้ทนขึ้นกว่าเดิม และไม่เกิดอาการเมื่อยล้าและทำให้สุขภาพทรุดลง การใช้คอมพิวเตอร์กับสายตา การใช้คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เราอาจใช้คอมพิว- เนื่องจากมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย จึงมีคำถามมากมายว่าการใช้คอมพิวเตอร์มีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ มีอันตรายต่อสายตา หรือมีผลทำให้เกิดโรคตา หรือมีอันตรายต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ หรือไม่ คำถามนี้คงยากที่จะให้คำตอบที่แน่ชัดลงไปร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัด แต่มีข้อมูลบางอย่างซึ่งคิดว่าน่าจะรู้ไว้ มีผู้ทำการทดลองในผู้ที่ใช้จอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั่วโมง พบว่าจะมีอาการผิดปกติต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น มีสายตาพร่ามัวเป็นพัก ๆ รู้สึกตาแห้ง แสบตา ตาสู้แสงไม่ได้ ปรับภาพในระยะใกล้ไกลได้ไม่ดี ปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ อย่างไรก็ตามคนที่ทำงานใกล้ ๆ เช่น อ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ แม้ไม่ใช้จอคอมพิวเตอร์ก็อาจมีอาการเหล่านี้ได้ ทำไมคนที่ใช้สายตาในระยะใกล้ จึงมีอาการปวดตา ไม่สบายตา ทั้งนี้ เนื่องจากการทำงานที่ใช้สายตาในระยะใกล้ จำเป็นต้องอาศัยการหดเกร็งของกล้ามเนื้อตา
เมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลานานก็มีการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา เช่นเดียวกับการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อแขนขาเวลาที่เราวิ่งนาน ๆ การเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตาจะแสดงออกมาในรูปของการปวดตา เมื่อยตา อยากจะหลับตา การใช้สายตาในระยะใกล้เป็นเวลานาน ๆ ไม่ได้มีผลต่อเรื่องสายตาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย เช่น กล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลัง หากท่าทางที่ใช้นั่งทำงานไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังงอ เอียงคอ หรือเอียงไหล่ ก็ทำให้มีอาการได้ง่ายขึ้น และมากกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้มีอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ หรือแม้แต่ปวดศีรษะได้ จะเห็นว่าการนั่งทำงานระยะใกล้เป็นเวลานานจะทำให้มีอาการผิดปกติได้ ทั้งในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์และไม่ใช้ ได้มีผู้ทำการทดลองว่า ใน 2 กลุ่มนี้จะมีอาการผิดปกติแตกต่างกันหรือไม่ ผลปรากฏว่า อาการเมื่อยล้า ปวดหัวไหล่ อาการเมื่อยตา ปวดคอ ปวดหลัง และเคืองตา พบในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า แต่อาการอย่างอื่น เช่น ตาแดง ปรับสภาพใกล้ไม่ชัด ไม่แตกต่างกันใน 2 กลุ่มนี้ หากการใช้จอคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดอาการเหล่านี้จริง
อะไรคือ สาเหตุ ในเมื่อยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด สถาบันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงแรงงานของญี่ปุ่น ได้แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ เมื่ออ่านข้อแนะนำเหล่านี้แล้วหลายท่านอาจลังเลหรือกังวลที่จะใช้คอมพิวเตอร์หรือใช้ด้วยความไม่สบายใจ ลองอ่านข้อมูลต่อไปนี้แล้ว
อาจจะช่วยให้ท่านสบายใจได้
2. จอภาพที่ใช้ควรเลือกใช้จอภาพที่มีคุณภาพดี ปัจจัยที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ ความคมชัดของภาพ 3. การปรับแสงสว่างให้พอเหมาะจะช่วยลดอาการไม่สบายตาได้ 4. จอภาพคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ จะมีสารเคลือบกระจกของจอภาพช่วยลดแสงสะท้อนอยู่แล้ว จึง 5. ควรปรับสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ลดเสียงรบกวน ให้เหมาะกับการทำงาน 6. โต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้ต้องเหมาะสมกับผู้ใช้ 7. ไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นตะกั่วเพื่อป้องกันรังสีเอกซเรย์ที่แพร่กระจายออกจากจอภาพ แม้สตรีตั้ง- ครรภ์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ 8. หากมีปัญหาในการมองเห็นควรพบแพทย์ ในแง่ของสภาพแวดล้อมทั้งแสง เสียง อุณหภูมิในห้องทำงาน รวมไปถึงอุปกรณ์ภายในสำนักงานก็ 2. ควรปรับระดับจอภาพคอมพิวเตอร์ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตา ประมาณ 15-20 องศา เพราะท่าที่ตาเหลือบมองลงล่างเล็กน้อย จะเป็นท่าที่สบายที่สุด หากจอคอมพิวเตอร์อยู่สูงกว่าระดับสายตา ร่างกายจะปรับโดยการเงยหน้าสูงขึ้นเพื่อทำให้ระดับสายตามองลงล่าง การเงยหน้านาน ๆ จะทำให้มีปัญหา ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหลังได้ 3. สำหรับผู้ที่มีสายตาคนแก่ (สายตายาว) ซึ่งมักเริ่มมีอาการเมื่ออายุประมาณ 40 ปี จำเป็นต้องใช้ 4. โต๊ะ เก้าอี้ แป้นพิมพ์ ระดับความสูงของคอมพิวเตอร์ ควรเป็นแบบชนิดที่สามารถปรับให้สูงต่ำ ข้อแนะนำในการใช้งานคอมพิวเตอร์
|