ศาลทหาร มีอำนาจ พิจารณาพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดอาญาซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำผิด สั่งลงโทษบุคคลใดๆ ที่กระทำผิดฐานและละเมิดอำนาจศาล นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีอำนาจในการพิจารณาคดีอย่างอื่นได้อีกตามที่จะมีกฎหมายบัญญัติเพิ่มเติม ที่เคยมีมาแล้วเช่น ความผิดฐานกระทำการอันเป็นคอมมูนิตส์ เป็นต้น สำหรับอำนาจในการรับฟ้องคดีของศาลทหารแบ่งได้ดังนี้ ศาลจังหวัดทหารจะรับฟ้องคดีที่จำเลยมีชั้นยศเป็นนายทหารประทวน ศาลมณฑลทหารจะรับฟ้องคดีที่จำเลยมีชั้นยศตั้งแต่ชั้นประทวนจนถึงชั้นยศสัญญาบัตรแต่ไม่เกินพันเอก ส่วนศาลทหารกรุงเทพจะรับฟ้องได้หมดทุกชั้นยศ นอกจากนี้ชั้นยศจำเลยมีผลต่อการแต่งตั้งองค์คณะตุลาการที่จะพิจารณาคดีด้วย โดยองค์คณะตุลาการที่จะแต่งตั้งนั้นอย่างน้อยต้องมีผู้ที่มียศเท่ากันหรือสูงกว่าจำเลย Show หากจะพูดถึงเรื่องศาลในประเทศไทยเองก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลยุติธรรม, ศาลปกครอง และศาลทหาร แต่ศาลที่ดูจะใกล้ชิดกับชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นศาลยุติธรรมที่ถือว่าเป็นศาลอันมีหน้าที่ในการพิพากษาคดีทั้งหมดทั้งมวล ยกเว้นคดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายได้บัญญัติขึ้นให้ศาลอื่นเป็นผู้ตัดสิน จำนวนชั้นของศาลมีอะไรบ้าง สำหรับศาลยุติธรรมหลักๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีหน้าที่ในการตัดสินคดีหรือมีสิทธิ์ในการตัดสินแตกต่างกันออกไป ดังนี้
ศาลฎีกา – เป็นศาลชั้นสูงสุดที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีที่มีการยื่นอุทธรณ์เพื่อพิพากษา ตามบทบัญญัติที่ว่าด้วยเรื่องของการฎีกา นอกจากนี้ยังมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในคดีที่ศาลฎีกามีอำนาจในการวินิจฉัยได้ตามกฎหมายอื่นๆ ซึ่งอย่างน้อยจะต้องประกอบไปด้วยผู้พิพากษา 3 ท่าน แต่ก็มีในบางกรณีที่อาจต้องใช้มากกว่านั้นหากว่าเป็นคดีที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งศาลฎีกายังมีการแยกออกเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาสำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อใช้สำหรับพิจารณาคดีที่มีนักการเมืองเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ถือว่าเป็นการตัดสินที่ถูกแยกออกไปอย่างชัดเจน (ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550) ศาล รัฐ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนและผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม ศาลรัฐธรรมนูญ องค์ประกอบของของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม
ศาลฎีกา เป็นศาลสูงสุดเพียงศาลเดียวเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว คู่ความที่ยังไม่พอใจคำพิพากษา อาจฎีกายังศาลฎีกาได้อีกเป็นครั้งสุดท้าย คำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นอันสิ้นสุดคู่ความไม่สามารถฟ้องร้องต่อไปยังศาลอื่นได้อีก องค์คณะผู้พิพากษา ผู้พิพากษาอย่างน้อย 3 คน อำนาจ ศาลฎีกามีอำนาจ ดังนี้ 1. พิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำส่งของศาลอุทธรณ์ (หรือศาลชั้นต้นในกรณีที่กฎหมายกำหนดไว้) 2. มีคำสั่ง หรือพิจารณาพิพากษาคำร้องคำขอ หรือพิจารณาพิพากษาคดีที่กฎหมายอื่นกำหนดให้ศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัยหรือพิจารณาพิพากษา นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้มีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง มีอำนาจพิจารณาพิพากษากรณีที่ที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการ การเมืองอื่นถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น องค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 9 คน ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยลงคะแนนลับ และเลือกเป็นรายคดี เหตุที่กำหนดให้มีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็คือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นและการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรงทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งอาจกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพหรือทรัพย์สินของประชาชนได้ การบริหารงานศาลยุติธรรม ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ข้าราชการศาลยุติธรรม ราชการในศาลยุติศาล ศาลปกครอง ศาลปกครองมี 2 ชั้น ได้แก่ ศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด อำนาจในการพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่ง เรื่องต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง คณะกรรมการตุลาการศาลการปกครอง ศาลทหาร องค์กรอิสระ องค์กรที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ผู้มีอำนาจในการตรวจสอบ การถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขั้นตอนในการดำเนินการถอดถอน มติของวุฒิสภาในการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ผลของการถอดถอน ถ้าไม่มีมติให้ถอดถอน การดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การดำเนินการฟ้อง การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลยุติธรรม มีอํานาจหน้าที่อย่างไรศาลยุติธรรม (The Court of Justice) เป็นศาลที่มีอํานาจพิจารณา พิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้ อยู่ในอํานาจของศาลอื่น ศาลยุติธรรมมี 3 ชั้น คือ 1.ศาลชั้นต้น 2.ศาลอุทธรณ์ 3.ศาลฎีกา
ศาลชั้นต้น คือ ศาล อะไรศาลชั้นต้น เป็นศาลซึ่งรับคาฟ้อง หรือคาร้องในชั้นเริ่มต้นคดีไม่ว่าเป็นคดีแพ่ง คดีผู้บริโภค คดี สิ่งแวดล้อม คดีนักท่องเที่ยว คดีแรงงาน คดีภาษีอากร คดีล้มละลาย คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้า ระหว่างประเทศ หรือคดีอาญา โดยดาเนินกระบวนการตัดสินชี้ขาดเป็นชั้นศาลแรก ทั้งมีอานาจดาเนิน กระบวนพิจารณาแทนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาในบาง ...
การตัดสินคดีความเป็นอำนาจหน้าที่ของใครหลักการว่า การตัดสินคดีใดต้องนำหลักการของกฎหมายเอกชนมาบังคับใช้ การตัดสินคดีนั้นเป็นอำนาจของศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นศาลที่มีความชำนาญพิเศษทางกฎหมายเอกชน ส่วนการตัดสินคดีใดต้องนำหลักการของกฎหมายมหาชนมาบังคับใช้ การตัดสินคดีนั้นเป็นอำนาจของศาลปกครองซึ่งเป็นศาลที่มีความชำนาญพิเศษทางกฎหมายมหาชน
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหน้าที่อะไรบ้างศาลอุทธรณ์ คือ ศาลสูงถัดจากศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อยู่ในเขตอำนาจ กับมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้ตามกฎหมายอื่นในเขตท้องที่ที่มิได้อยู่ในเขตศาลอุทธรณ์ภาค เว้นแต่คดีที่อยู่นอกเขตศาลอุทธรณ์จะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ก็ได้ ทั้งนี้อยู่ใน ...
|