Iphone xs max กับ iphone xs ต่าง กัน ยัง ไง

Facebook

注册

无法处理你的请求

此请求遇到了问题。我们会尽快将它修复。

• 返回首页

• 中文(简体)
• English (US)
• 日本語
• 한국어
• Français (France)
• Bahasa Indonesia
• Polski
• Español
• Português (Brasil)
• Deutsch
• Italiano

• 注册
• 登录
• Messenger
• Facebook Lite
• Watch
• 地点
• 游戏
• Marketplace
• Facebook Pay
• Oculus
• Portal
• Instagram
• Bulletin
• 本地
• 筹款活动
• 服务
• 选民信息中心
• 小组
• 关于
• 创建广告
• 创建公共主页
• 开发者
• 招聘信息
• 隐私权政策
• Cookie
• Ad Choices
• 条款
• 帮助中心
• 联系人上传和非用户
• 设置
• 动态记录

Meta © 2022

เปิดตัวรุ่นใหม่มาเรียบร้อยแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนสุดฮิตอย่าง iPhone ที่ปีนี้เปิดตัวพร้อมกันทีเดียวถึง 3 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ iPhone XS, iPhone XS Max และรุ่นเล็กแต่ราคาแอบแรงอย่าง iPhone XR ก็มีมาให้เลือกด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยว่าทั้ง 3 รุ่น มันมีสเปคเป็นยังไง หรือแตกต่างกันตรงไหนบ้าง 

สำหรับความแตกต่างหลักๆ ของ 2 รุ่นใหญ่อย่าง iPhone XS Max และ XS ก็อยู่ที่ขนาดหน้าจอและแบตเตอรี่เท่านั้นเอง ส่วนรุ่นเล็ก iPhone XR ก็จะมีการลดสเปคบางอย่างลงไป เช่นหน้าจอ ที่เปลี่ยนจาก OLED ไปเป็น LCD และกล้องหลังที่ลดลงเหลือแค่ตัวเดียว ส่วนสเปคอื่นๆ ก็มีตามตารางนี้เลย

สเปค iPhone XS / XS Max / XR

สเปค / รุ่น	iPhone XS Max	iPhone XS	iPhone XR
หน้าจอ	OLED 6.5 นิ้ว (2688 x 1242)	OLED 5.8 นิ้ว (2436 x 1125)	LCD 6.1 นิ้ว (1792 x 828)
CPU	Apple A12 Bionic	Apple A12 Bionic	Apple A12 Bionic
GPU	Apple Designed	Apple Designed	Apple Designed
RAM	4GB	4GB	3GB
ความจุ (GB)	64 / 256 / 512	64 / 256 / 512	64 / 128 / 256
กล้องหลัง	12MP (f/1.8) + 12MP (f/2.4), OIS	12MP (f/1.8) + 12MP (f/2.4), OIS	12MP (f/1.8), OIS
กล้องหน้า	7MP (f/2.2)	7MP (f/2.2)	7MP (f/2.2)
แบตเตอรี่	3,174 mAh รองรับ Fast Charge	2,658 mAh รองรับ Fast Charge	2,942 mAh รองรับ Fast Charge
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น	IP68 (ลึก 2 เมตร 30 นาที)	IP68 (ลึก 2 เมตร 30 นาที)	IP67 (ลึก 1 เมตร 30 นาที)
ระบบปฏิบัติการ	iOS 12	iOS 12	iOS 12

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone Xs Max / Xs และ iPhone Xr ก็ตามที่บอกไปแล้วว่าจะมีในส่วนของหน้าจอ ซึ่งหน้าจอของรุ่นใหญ่ทั้ง 2 รุ่นจะเป็น OLED ที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR แต่ iPhone Xr จะเป็นแค่จอแบบ LCD เท่านั้น แถมเรื่องของ 3D Touch นั้นจะมีแค่ใน XS ส่วน XR จะได้ไปแค่ Haptic Touch

จอของ iPhone XS / XS Max เป็น OLED ที่เรียกว่า Super Retina (ซ้าย) จอของ iPhone XR เป็น LCD ที่เรียกว่า Liquid Retina (ขวา)

ส่วนกล้องหลังของ iPhone XS Max / XS ก็จะได้เป็นกล้องคู่ความละเอียด 12MP + 12MP ที่มีระบบกันสั่น OIS ทั้ง 2 ตัว ในขณะที่ iPhone XR จะมีกล้องหลังความละเอียด 12MP แค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่ทั้ง 3 รุ่น ก็จะได้ใช้ระบบ Neural Engine ในการประมวลผลภาพถ่ายด้วยกันหมด

iPhone Xs / Xs Max กล้องหลังคู่ (ซ้าย) iPhone Xr กล้องหลังตัวเดียว (ขวา)

ความจุของ iPhone Xs Max / Xs จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ คือ 64GB / 256GB / 512GB และสำหรับ iPhone Xr จะมีความจุให้เลือก 3 แบบ เช่นกัน แต่จะมีความจุน้อยกว่าที่ 64GB / 128GB / 256GB  

วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้น iPhone Xs และ Xs Max จะมีฝาหลังที่ทำจากกระจกความทนทานสูงสุดเท่าที่ iPhone เคยใช้มา ส่วนเฟรมเครื่องเป็นสเตนเลสเงาแว้บสีเดียวกับกระจกหลังทำให้ตัวเครื่องดูดีพรีเมี่ยมมากๆ ส่วน iPhone Xr จะใช้เฟรมเครื่องเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้กับยานอวกาศที่มีความแข็งแกร่งสูง

อีกหนึ่งอย่างที่ต้องต่างกันแน่นอนระหว่าง iPhone ทั้ง 3 รุ่น ก็คือแบตเตอรี่นั่นเอง เนื่องจาก iPhone ทั้งหมด มีขนาดหน้าจอไม่เท่ากันซักรุ่นเลย ทำให้แบตเตอรี่ของแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากันด้วย โดยรุ่นที่จอใหญ่สุดอย่าง iPhone XS Max มีแบตเตอรี่อยู่ที่ 3400 mAh, iPhone XS อยู่ที่ 2800 mAh และรุ่นเล็ก iPhone XR อยู่ที่ 2700 mAh ซึ่งทั้ง 3 รุ่นรองรับ Fast Charge ที่สามารถชาร์จไฟจาก 0 – 50% ได้ในเวลา 30 นาที

มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นของรุ่นใหญ่ทั้งคู่จะเป็น IP68 ที่สามารถลงน้ำได้ลึก 2 ม. เป็นเวลา 30 นาที ส่วนรุ่นเล็ก iPhone Xr จะต่ำกว่าที่ IP67 ซึ่งลงน้ำได้ลึก 1 ม. เป็นเวลา 30 นาที

และสุดท้ายกับสีของทั้ง 3 รุ่น โดยรุ่นใหญ่ iPhone Xs และ Xs Max จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Silver, Gold และ Space Gray ส่วน iPhone Xr จะมีสีให้เลือกเยอะกว่าถึง 5 สี คือ (Product) Red, Yellow, White, Coral, Black และ Blue

**พื้นที่โฆษณา**

ส่วนราคาเปิดตัวของทั้ง 3 รุ่น แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว โดย iPhone Xs มีราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 32,674 บาท) ส่วน iPhone Xs Max มีราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ (ประมาณ 35,940 บาท) และรุ่นเล็กอย่าง iPhone Xr มีราคาเริ่มต้นที่ 749 ดอลลาร์ (ประมาณ 24,494 บาท) สำหรับวันวางจำหน่ายในบ้านเราต้องรออัพเดทกันอีกทีนะครับ