แม้ว่าเครื่องซักผ้าในปัจจุบันถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้นและสะดวกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาบน, เครื่องซักผ้าฝาหน้า, เครื่องซักผ้ามินิ หรือ เครื่องซักผ้าฝาบนแบบ 2 ถัง จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Electrolux, Samsung หรือ LG ซึ่งนอกจากการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าแล้ว เครื่องซักผ้ายังสามารถช่วยปั่นผ้าให้แห้งแบบหมาด ๆ ได้อีกด้วย แน่นอนค่ะว่ามันช่วยประหยัดเวลาในการแตกแดดไปได้เยอะเลย และยังช่วยทุ่นแรงในการบิดผ้าไปได้เป็นอย่างมากเช่นกัน แต่มันแห้งไม่สนิทใช่มั้ยคะ!? เพราะคุณยังคงจะต้องอาศัยแสงแดดในการตากผ้าให้แห้งเช่นเดิม อย่างน้อยในช่วงฤดูร้อนราวตากผ้าอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อให้เสื้อผ้าของคุณหอมสดชื่นหลังซัก และในวันที่แดดแรงมาก ๆ คุณอาจจะใช้เวลาไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งในบางครั้งสภาพอากาศก็ไม่ได้เป็นใจให้คุณเสมอไป Show
อย่างในช่วงฤดูฝนที่นอกจากมีปัญหาในการเดินทางแล้ว การตากผ้าให้แห้งสนิทก็ดูเหมือนจะสร้างปัญหาให้ใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อเสื้อผ้าไม่แห้งนอกจากมันจะส่งผลในเรื่องของกลิ่นอับแล้ว มันยังทำให้เสื้อผ้าของคุณเป็นแหล่งรวมเชื้อราอีกด้วยนะคะ ลองนึกภาพในวันที่ในตกหนักติดต่อกันหลายๆ วัน เราจะซักผ้าแล้วตากผ้าให้แห้ง ไร้กลิ่น ไร้ฝุ่นเกาะ ได้อย่างไร? หรือในคืนที่เรานึกขึ้นได้ว่าเราต้องใส่ชุดตัวโปรดที่ยังไม่ได้ซัก เราจะทำอย่างไรดี? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากเรามี “เครื่องอบผ้าแห้ง (Tumble Dryer)” เครื่องอบผ้าแห้งส่วนใหญ่มีการใช้งานที่ง่ายดาย แค่เพียงเรานำเสื้อผ้าที่ซักทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในเครื่องอบผ้าแห้ง แล้วเลือกโหมดหรือกำหนดเวลาที่ให้เครื่องทำงาน จากนั้นรอเวลาไม่เกิน 1 ชม (แล้วแต่จำนวนของเสื้อผ้า) เสื้อผ้าของเราก็จะแห้งพร้อมใส่ ปราศจากรอยยับและกลิ่นอับ ช่วยลดเวลาและแก้ปัญหาเสื้อผ้าไม่แห้งได้อย่างง่ายดายไปเลยค่ะ เครื่องอบผ้าแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
วิธีเลือกซื้อ เครื่องอบผ้าแห้ง ที่ดีที่สุดการเลือกซื้อเครื่องอบผ้าแห้งสักเครื่องมีข้อให้พิจารณามากมาย เพราะมันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่และมีราคาที่สูง ดังนั้นคุณจะต้องแน่ใจแล้วว่าเครื่องอบผ้าของคุณที่ซื้อมานั้น จะต้องเป็นเครื่องอบผ้าที่ดีที่สุดแล้วตรงตามความต้องการของคุณจริง ๆ และคุณจะต้องพิจารณาคุณสมบัติและแบรนด์ทั้งหมดก่อนตัดสินใจซื้อ เราหวังว่ารีวิวในวันนี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องอบผ้าได้อย่างถูกต้องนะคะ 1. ต้องใช้เครื่องอบผ้าขนาดใด ถึงจะเหมาะที่สุดเครื่องอบผ้ามีขนาดถังตั้งแต่เล็กขนาด 4 กิโลกรัม ไปจนถึงถังใหญ่ขนาด 10 กิโลกรัม โดยทั่วไปรุ่นที่มีขนาด 4-6 กิโลกรัม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานปรมาณ 2 คน สำหรับขนาด 7-8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง และขนาด 9-10 กิโลกรัม เหมาะสำหรับครัวขนาดใหญ่ 7 กิโลกรัมเสื้อยืด 35 ตัว / ผ้านวมเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก8 กิโลกรัมเสื้อยืด40 ตัว / ผ้านวมควีนไซส์เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง9 กิโลกรัมเสื้อยืด 45 ตัว / ผ้านวมคิงไซส์เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่10 กิโลกรัมเสื้อยืด 50 ตัว / ผ้านวมคิงไซส์เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่2. เทคโนโลยีเซนเซอร์เครื่องอบผ้าถูกมองว่าเป็นเครื่องใช้ที่ใช้พลังงานมาก ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ก็ได้พยายามแก้ปัญหานี้ โดยการให้เครื่องอบผ้าประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม ผ่านการนำเซ็นเซอร์เข้ามาช่วย ซึ่งเซ็นเซอร์เหล่านี้จะตรวจสอบความชื้นในถังตลอดเวลาที่ทำงาน และจะหยุดเครื่องอบผ้าทันทีที่ผ้าของคุณแห้ง มันจึงช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้มาก จึงไม่แปลกใจที่เครื่องอบผ้าที่มีเซ็นเซอร์จะมีราคาแพงกว่าปกติ แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการประหยัดเงินค่าไฟในระยะยาว 3. ฟังก์ชันของเครื่องอบผ้าควรมีอะไรบ้างเครื่องอบผ้านั้นใช้งานง่ายมาก ๆ ด้วยส่วนใหญ่เครื่องอบผ้ามี 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ แบบแมนนวลและแบบอัตโนมัติ ในส่วนของเครื่องอบผ้าแบบแมนนวลนั้น จะต้องมีการตั้งค่าอย่างน้อย 2-3 การตั้งค่า สำหรับใช้งานในผ้าฝ้าย, ผ้าใยสังเคราะห์ และผ้าที่ละเอียดอ่อน โดยปกติแล้วเครื่องอบผ้าแบบอัตโนมัติจะมีโปรแกรมที่ช่วยคุณมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผ้าของคุณ ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ควรรู้
การตั้งค่าอื่น ๆ ที่ต้องระวัง
ประเภทของเครื่องอบผ้าแห้ง1. เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Vented หรือ แบบท่อลมร้อนเครื่องอบผ้าแห้งแบบระบายอากาศหรือ Vented มักมีราคาถูกกว่า มีการทำงานคือเป่าลมร้อนภายในเครื่อง เพื่อทำให้ผ้าแห้งสนิท แล้วปล่อยความร้อน/ไอน้ำออกจากเครื่อง ซึ่งระบบนี้ต้องใช้ที่ระบายลมออกจากเครื่องสู่อากาศภายนอก ข้อดี คือ มีราคาถูกกว่า ข้อเสีย คือ ควรจะต่อท่อสายลมร้อนออกนอกบ้าน กรณีที่วางไว้ในบ้าน ดังนั้นอาจต้องมีการติดตั้งแบบมืออาชีพในการเจาะผนัง ซึ่งคุณจะต้องวางเครื่องไว้ข้างผนังหรือหน้าต่างค่ะ 2. เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Condenser หรือ แบบควบแน่นเครื่องเป่าคอนเดนเซอร์เป็นที่นิยมมากที่สุดและติดตั้งง่ายที่สุด มันทำงานด้วยลมร้อนเช่นกัน แต่จะโดยการควบแน่นเอาความชื้นไปเก็บรวบรวมในอีกที่ในระหว่างกระบวนการอบผ้าแห้งด้วยลมร้อน จากนั้นก็จะเทออกมาเป็นน้ำไปยังภาชนะที่ถอดออกได้ ซึ่งต้องมีการเททิ้งเป็นประจำโดย (ปกติหลังจากเสร็จสิ้นการอบแห้งแต่ละรอบ) ส่วนลมร้อนจะถูกลดความร้อนผ่านครีบโลหะ เพื่อลดความร้อนก่อนปล่อยออกจากเครื่อง เครื่องอบผ้าที่ใช้ระบบ Condenser นี้จึงเหมาะกับสถานที่ ๆ ไม่สะดวกในการต่อท่อระบายลมร้อนออก ข้อดี คือ ติดตั้งง่าย เพียงแค่มีปลั๊กไฟที่อยู่ใกล้ ๆ ก็สามารถติดตั้งเครื่องอบผ้าได้แล้วค่ะ ข้อเสีย คือ ผ้าที่ได้จะไม่แห้งสนิท จะมีความชื่นเหลืออยู่บ้าง และราคาเครื่องจะแพงกว่าระบบ Vented อีกทั้งเครื่องอบผ้าแห้งแบบคอนเดนเซอร์บางเครื่องอาจมีความร้อนบ้างเล็กน้อย ดังนั้นจึงขอแนะนำให้เปิดหน้าต่างไว้ในขณะที่เครื่องทำงาน เครื่องอบผ้าแห้ง รุ่นไหนน่าซื้อ ในปี 2022เพื่อช่วยให้คุณเลือกได้ง่ายขึ้นเราทำการได้เลือกเครื่องอบผ้าแห้ง รุ่นและยี่ห้อ ที่ดีที่สุดในปี 2020 มาให้คุณพิจารณากันแล้วค่ะ จะมีรุ่นไหนที่ตรงใจคุณบ้างมาดูกันเลยค่ะ Haier เครื่องอบผ้า ความจุ 7 กก. รุ่น HDV70E1รูปภาพจาก Haierราคา 8,290 บาท* เครื่องอบผ้าจาก Haier ในขนาดกำลังดีเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก เป็นเครื่องอบผ้าระบบ Vented ที่ต้องต่อท่อออกไปยังด้านนอก ซึ่งมีท่อระบายน้ำแถมมาให้ และมีช่องระบายอากาศด้านหน้ามาให้ทำให้ช่วยระบายความร้อนได้ดี ทั้งยังมีโปรแกรมการอบผ้ามากถึง 9 โปรแกรมให้คุณได้ใช้งานได้หลากหลาย ตัวถังอบภายในเป็นสแตนเลสแท้ไม่ก่อให้เกิดสนิม สามารถตั้งเวลาในการอบได้สูงถึง 180 นาที โดยใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 400 วัตต์ ตัวนี้มีความปลอดภัยสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กด้วยนะคะ เพราะเขามีระบบล็อคฝาหน้าที่ป้องกันเด็กเปิดฝาได้ จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Electrolux เเครื่องอบผ้า ฝาหน้า UltimateCare™ 500 รุ่น EDV705HQWA ความจุ 7.0 กก.รูปภาพจาก Electroluxราคา 10,780 บาท* เครื่องอบผ้าฝาหน้าจาก Electrolux มาในขนาดความจุ 7 กิโลกรัม โดยใช้เทคโนโลยีอบลมร้อนแบบ Venting ที่ต้องต่อท่อระบายน้ำ ใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,600 วัตต์ มีช่องระบายความร้อนด้านหน้าและล็อคป้องกันเด็กเปิดฝา สามารถตั้งอบผ้าได้สูงสุด 90 นาที มีเซนเซอร์ตรวจวัดความชื้นของผ้าเพื่อให้คุณสามารถเลือกโหมดแบบรีดผ้าง่ายขึ้น การอบผ้าเป็นแบบเทคโนโลยีปั่น 2 ทิศทางจึงช่วยถนอมเนื้อผ้าได้ดี ทั้งยังช่วยลดรอยยับของผ้าได้ถึง 32% เมื่อเทียบกับตากแดดแบบปกติ มีโปรแกรมอบด่วนใช้เวลาเพียง 40 นาที จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee เครื่องอบผ้า ELECTROLUX ขนาด 8.5 kg รุ่น EDS854J3WBรูปภาพจาก electrolux.co.thราคา 11,590 บาท* Electrolux รุ่น EDS854J3WB จะมาพร้อมกับโปรแกรมลดรอยยับและฆ่าเชื้อโรคภายในผ้า ดังนั้นหลังจากทำการอบแล้ว เสื้อผ้าของเราจะไม่ยับจนเกินไปและมีความสะอาดเป็นพิเศษ ทำให้การรีดง่ายขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันเทคโลโนโลยีของเครื่องจะเป็นแบบ Venting หรืออบลมร้อน ซึ่งใช้กำลังไฟในช่วง 2,250 วัตต์ แน่นอนว่าผ้าของคุณจะแห้งสนิทไม่หลงเหลือความชื้นทิ้งไว้จนเกิดความอับของผ้า นอกจากนี้ยังมีระบบ Sensor Dry เพื่อตรวจเช็กว่าผ้าของเราแห้งกำลังพอดี ไม่แห้งกรอบจนเกินไป ส่วนขนาดของถังในช่วง 8.5 กิโลกรัมก็ถือว่าใหญ่ สามารถใช้ในครอบครัวเล็กไ้ด้สบาย ๆ จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Beko เครื่องอบผ้า อบผ้าแห้ง ความจุ 8 กก. รุ่น DA8112PX0Wรูปภาพจาก Bekoราคา 12,990 บาท* เครื่องอบความร้อนแบบ Vented ที่ต้องต่อท่อออกภายนอกซึ่งมีท่อมาให้ความยาง 1.6 เมตร มาในขนาดถังที่มีความจุถึง 8 กิโลกรัม มีระบบ Child Lock สำหรับป้องกันเด็กปิดฝาเครื่อง และมีโปรแกรมการอบผ้าที่หลากหลายถึง 15 โปรแกรม อาทิเช่น การอบแบบถนอมเนื้อผ้า, อบผ้าฝ้าย, อบผ้าคอตตอน, อบผ้าใยสังเคราะห์, ระบบลดรอยยับอัตโนมัติ, ตั้งเวลาล่วงหน้า ทั้งยังแจ้งเวลาที่เหลือทำให้คุณกะระยะเวลาถูก ตัวถังเป็นวัสดุชนิดพิเศษที่ทนความร้อนได้ 100% มีระบบเซนเซอร์ควบคุมการทำงานได้อัตโนมัติ และอบผ้าเร็วสุดอยู่ที่ประมาณ 35 นาที จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee LG เครื่องอบผ้าฝาหน้า ระบบ Condenser รุ่น RC9066A3F ขนาด 10.5 ก.กรูปภาพจาก LGราคา 25,990 บาท* เครื่องอบผ้าจาก LG ระบบ Condensing Dry System ใช้กำลังไฟฟ้าเข้า 2,200 วัตต์ มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยตรวจจับความชื้นของผ้า ทำให้ผ้าที่อบนั้นนุ่มฟู ไม่แห้งจนเกินไป ง่ายต่อการรีดผ้าให้เรียบ ตัวเครื่องสามารถจัดแก้ไขปัญหาผ้าได้มากถึง 14 โปรแกรม ผ่านสมาร์ทโฟนการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ทำงานได้ง่ายและสะดวกมาก ๆ มาในความจุขนาดใหญ่ถึง 10.5 กิโลกรัม ทำให้คุณช่วยประหยัดเวลาในการอบผ้าไปได้เยอะเลยค่ะ ถังเก็บน้ำเป็นแบบป้องกันการสะสมของแบคทีเรียหมดปัญหาเรื่องการลืมเทน้ำในถังเก็บน้ำทิ้งไปได้เลย และสำหรับตัวถังอบผ้าภายในทำจากสแตนเลสที่ทนทานและไม่ทำให้มีคราบสนิมก่อนติดผ้าแน่นอนค่ะ อีกทั้งมีตัวกรองรุ่นนี้สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าควรจะถอดมาล้างตอนไหน จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee BOSCH เครื่องอบผ้าฝาหน้า (9 KG) รุ่น WTR85T00THรูปภาพจาก bosch-pt.comราคา 28,800 บาท* จุดเด่นของทาง BOSCH รุ่น WTR85T00TH คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพราะตัวทำความร้อนหรือ Heat Pump จะใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงแค่ 1,000 วัตต์เท่านั้น ช่วยให้เราประหยัดค่าไฟไปได้ถึง 50% เลยทีเดียว อีกทั้งเทคโนโลยีและนวัฒกรรมของมันก็ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี Auto Dry ซึ่งจะทำหน้าที่ในการคำนวณเวลาอบผ้า ทำให้ผ้าแห้งได้อย่างพอดี หรือจะเป็น DUO-Tronic ที่คอยตรวจเช็กระดับความชื้น เมื่อผ้าของเราระบายความชื้นออกไปหมดแล้ว ระบบตัวนี้จะสั่งการหยุดทำงานทันที เพื่อเป็นการเซฟค่าไฟฟ้าและป้องกันไม่ให้ผ้าของเรากรอบจนเกินไป แต่ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือมอเตอร์ EcoSilence Drive เพราะมันทำงานเงียบมาก มีเสียงรบกวนเพียงแค่ 65 เดซิเบลเท่านั้น ยิ่งถ้าใครตั้งไว้บริเวณนอกบ้านหรือหลังบ้าน บอกได้เลยว่าแทบจะไม่ได้ยินเสียงการทำงานของเครื่อง รับรองว่าไม่รบกวนการพักผ่อนของคนภายในบ้านอย่างแน่นอน จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Central Whirlpool เครื่องอบผ้าฝาหน้า รุ่น 3LWED4705FW ความจุ 10.5 กก.รูปภาพจาก Whirlpoolราคา 35,899 บาท* เครื่องอบผ้าฝาหน้าจากแบรดน์ Whirlpool รุ่นคลาสสิคที่เน้นใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ต้องมีการตั้งค่าอะไรที่มากมาย เพราะแผงควบคุมเป็นแบบลูกบิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ถนัดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทค เพราะตัวเครื่องมีระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติ ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน และช่วยลดรอยยับบนเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี พร้อมถนอมใยผ้าไปด้วยในตัว โดยมีโปรแกรมการอบมากถึง 13 โปรแกรม ที่สามารถปรับระดับการอบได้ถึง 4 ระดับ จึงเหมาะสำหรับใช้งานกับผ้าทุกชนิด มาในขนาด 10.5 กิโลกรัม ที่ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ๆ โดยใช้กำลังไฟสูงสุดประมาณ 4700 วัตต์ ตัวเครื่องทำจากวัสดุที่ทนทานและมีการเคลือบ Powder Coat ป้องกันรอยขีดข่วน จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Shopee Others เครื่องอบผ้าฝาหน้า (10.5 kg) รุ่น 3LWED4815FWรูปภาพจาก lazada.co.thราคา 39,900 บาท* Other รุ่น 3LWED4815FW มีราคาที่แรงก็จริง แต่ถ้ามองถึงสเปคของเครื่องแล้วก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่นัก เพราะฟังก์ชันของมันครบถ้วน สามารถอบผ้าได้ทุกชนิดที่เราต้องการ โดยโปรแกรมของมันจะมีให้เลือกอยู่ทั้งหมด 14 โปรแกรมใหญ่ ๆ อีกทั้งยังปรับระบบระดับการอบได้อีกด้วย ดังนั้นปัญหาผ้าไม่แห้งจะไม่เกิดขึ้นกับ เครื่องอบผ้าของ Oters อย่างแน่นอน ส่วนฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี AIR VENTED AUTO DRY ซึ่งเป็นระบบเดียวกับทาง ‘BOSCH รุ่น WTR85T00TH’ คือมันจะคอยควบคุมการทำงานของเครื่องและตรวจเช็กความชื้นของผ้าแบบอัตโนมัติ เมื่อผ้าแห้งสนิทเมื่อไหร่เครื่องก็จะหยุดทำงานโดยทันที นั่นหมายความว่ามันจะช่วยประหยัดไฟฟ้าไปด้วยในตัว ส่วนความจุของถังในขนาด 10.5 กิโลกรัม ก็ใช้งานได้ตั้งแต่ภายในบ้าน หรือสถานที่ใหญ่ ๆ อย่างโรมแรมและร้านอาหารได้เลยครับ จุดเด่น
ซื้อที่ Lazada ซื้อที่ Central * หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เครื่องอบผ้า อบผ้าให้แห้งโดยไม่ต้องตาก ยี่ห้อไหนดี ปี 2022ยี่ห้อ/รุ่นสินค้าคุณสมบัติดูเพิ่มเติมรูปภาพจาก HaierHaier เครื่องอบผ้า ความจุ 7 กก. รุ่น HDV70E1
Electrolux เเครื่องอบผ้า ฝาหน้า UltimateCare™ 500 รุ่น EDV705HQWA ความจุ 7.0 กก.
เครื่องอบผ้า ELECTROLUX ขนาด 8.5 kg รุ่น EDS854J3WB
Beko เครื่องอบผ้า อบผ้าแห้ง ความจุ 8 กก. รุ่น DA8112PX0W
LG เครื่องอบผ้าฝาหน้า ระบบ Condenser รุ่น RC9066A3F ขนาด 10.5 ก.ก
BOSCH เครื่องอบผ้าฝาหน้า (9 KG) รุ่น WTR85T00TH
Whirlpool เครื่องอบผ้าฝาหน้า รุ่น 3LWED4705FW ความจุ 10.5 กก.
Others เครื่องอบผ้าฝาหน้า (10.5 kg) รุ่น 3LWED4815FW
ทำไมต้องซื้อเครื่องอบผ้า1. คุณมีพื้นที่ในการตากผ้าจำกัดแน่นอนค่ะว่าหลาย ๆ คนส่วนมากจะเป็นการพักในคอนโด อพาร์ทเม้นท์ หรือหอพักมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับนะคะว่าที่พักเหล่านี้มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดอยู่เสียหน่อย การจะซักผ้าตากผ้าแต่ละครั้งจึงสร้างความลำบากไม่ใช่น้อย อีกทั้งการซักทำความสะอาดผ้าขนาดใหญ่อย่างผ้าปูที่นอนหรือผ้านวมจะต้องใช้พื้นที่ในการตาก หากคุณมีเครื่องอบผ้าไว้ครอบครอง ปัญหาเรื่องพื้นที่ในการตากก็จะหมดไป การตากผ้าให้แห้งสนิทจำเป็นต้องใช้พื้นที่ และต้องเป็นสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก มีแดดส่องถึงคำแนะนำ : ในกรณีที่คุณตั้งใจซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ หรือคุณอาจจะไม่มีเครื่องซักมาก่อน การซื้อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในตัวเดียวกัน หรือที่เรียก 2 in 1 นั้นอาจจะเป็นการช่วยคุณประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าไปได้เยอะ ทั้งยังเป็นการช่วยคุณประหยัดเงินไปอีกเท่าตัวเลยนะคะ แต่หากคุณต้องการประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เครื่องอบผ้าแบบเฉพาะจะทำงานได้ดีกว่า 2. สภาพอากาศที่คาดการณ์ไม่ได้ในช่วงหน้าฝนเป็นที่ทราบกันดีว่าการทำให้ผ้าแห้งสนิทเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก และด้วยสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ทำให้เครื่องอบผ้าอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าการซักผ้าจำนวนมากของคุณจะแห้งได้อย่างรวดเร็วและทันใช้ในวันถัดไป 3. ประหยัดเวลาในการตากแน่นอนค่ะว่านี่คือจุดประสงค์หลักของเครื่องอบผ้า เพราะคุณสามารถนำผ้าที่ซักแล้วโยนลงเครื่องอบผ้าได้ทันที และรอเวลาอบประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นคุณก็เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้หรือตะกร้าผ้าของคุณได้เลยค่ะ 4. รีดง่ายกว่าเดิมคุณอาจจะกำลังสงสัยว่ามันจะช่วยคุณรีดง่ายเดิมได้อย่างไร? อันที่จริงแล้วเครื่องอบผ้าบางรุ่นก็จะปล่อยประจุออกมา ทำให้เสื้อของคุณเรียบกว่าการตากแบบปกติ หรือช่วยลดรอยยับบนเสื้อผ้าของคุณได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องอบผ้าบางตัวก็มีการตั้งค่าที่สามารถอบผ้าไปด้วยและรักษาความชื้นในเนื้อผ้าไปด้วย (Iron dry) เพื่อให้คุณแม่บ้านรีดผ้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น คำแนะนำ : ปริมาณในการอบผ้าแต่ละครั้งรวมถึงชนิดของผ้า ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อรอยยับของเสื้อผ้าได้ค่ะ อีกทั้งหากคุณรีบหยิบเสื้อผ้าออกมาหลังจากอบเสร็จทันทีและใส่ไม้แขวนเลย ก็ลดโอกาสที่ทำให้ผ้ายับไปได้เยอะเลยค่ะ บทสรุปหากถามว่าเครื่องอบผ้าที่เรารีวิวมาตัวไหนดีสุด คงจะตอบยากเสียหน่อย เพราะทุกเครื่องนั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หากคุณอยากได้ความประหยัดพลังงาน เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพง ๆ ทุกเดือน เราแนะนำให้เลือกเครื่องอบผ้าที่มีระบบตรวจวัดความชื้น หรือให้ดูที่ค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานว่าอยู่ในระดับใด โดยค่าที่ดีที่สุดคือค่า A+++ นั่นหมายถึงประหยัดพลังงานได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ อย่างเครื่องอบผ้า Samsung รุ่น DV90H8000HW มีค่าค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานระดับ A++ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หรือหากคุณอยากได้รุ่นที่ทำงานอบผ้าได้เร็วที่สุดก็อาจจะเป็น Electrolux รุ่น EDV705HQWA (ใช้เวลา 40 นาที), Beko รุ่น DA8112PX0W (ใช้เวลา 35 นาที) และ Whirlpool รุ่น 3LWED4705FW (ใช้เวลา 15 นาที) หากคุณอยากที่คุณสมบัติที่ปรับระดับการอบได้ก็ต้องเลือกรุ่นที่ระบุมาว่ามีกี่ระดับ แต่ส่วนใหญ่จะมี 3 ระดับค่ะ ได้แก่ BEKO รุ่น DV7120 และ Samsung รุ่น DV90H8000HW ส่วน Whirlpool รุ่น 3LWED4705FW จะมี 4 ระดับ หากอยากได้ความเงียบในการทำงานก็ต้องเลือกรุ่นที่ออกแบบมาพิเศษที่ลดการสั่นสะเทือนได้ดี อย่าง Beko รุ่น DA8112PX0W หรือ BOSCH รุ่น WTB86202TH ทีมีระดับเสียงขณะเครื่องทำงานเพียงแค่ 65 เดซิเบล นอกจากนี้อย่าลืมดูขนาดของตัวเครื่องว่าเพียงพอต่อพื้นที่ที่เราจะติดตั้งหรือไม่ และความจุของถังว่าเหมาะสมต่อการใช้งานของเราหรือเปล่าด้วยนะคะ ขนาดถังที่ใหญ่เกินไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุด เพราะมันจะทำให้ใช้พลังงานในการปั่นมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ |