เมื่อตกลงใจซื้อคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรรที่มีนิติบุคคลบริหารจัดการส่วนกลางแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าสิ่งที่เราต้องยอมรับกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมานั่นก็คือ‘ค่าส่วนกลาง’ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อหรือผู้ที่เป็นเจ้าของทุกราย และในทุกๆ ปีจะต้องมีการจัดเก็บ ‘ค่าส่วนกลาง’ นี้เพื่อนำไปใช้ในการดูแลและปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลางให้ดูใหม่และน่าใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปัจจุบันการเรียกเก็บการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถเรียกเก็บได้ครบ 100% บ่อยครั้งที่ทางนิติบุคคลทั้งอาคารชุดฯ และหมู่บ้าน มักได้รับข้ออ้างในการปฏิเสธ หรือผัดผ่อนในการชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง รวมถึงไม่ยอมชำระค่าเบี้ยปรับ (เงินเพิ่ม) ในกรณีชำระค่าส่วนกลางล่าช้า โดยอ้างถึงสาเหตุต่างๆ นานา เช่น Show “ไม่ได้เข้ามาอยู่อาศัยเลยเพราะเป็นนักลงทุน ซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ในมืออยู่หลายโครงการ” “ไม่เคยมาใช้บริการส่วนกลางใดๆ เลย แล้วทำไมต้องจ่ายค่าส่วนกลางด้วย” “ไม่รู้มาก่อนว่ามีการเรียกเก็บค่าส่วนกลางภายในวัน/เวลาที่กำหนด เพราะไม่ได้รับใบแจ้งหนี้” “ไม่พอใจในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ เช่น รปภ. แม่บ้าน ฯลฯ” เหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จึงเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้มีผู้อยู่อาศัยบางส่วนที่มีความคิดในลักษณะนี้ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง แล้วอาจเกิดคำถามไปยังผู้ที่ชำระค่าส่วนกลางอยู่เป็นประจำมีความรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบจนอาจจะมีความคิดอยู่ในใจว่า แล้วถ้าเราไม่จ่ายบ้างล่ะ จะเป็นอะไรไหม? แน่นอนว่าคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านใดที่มีสัดส่วนผู้ที่ชำระค่าส่วนกลางน้อยย่อมส่งผลให้เกิดผลกระทบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการแน่นอน เพราะโครงการที่ไม่ได้รับการดูแลที่ดีนั้นจะส่งผลเสียในระยะยาว ได้แก่
นอกจากนี้การปฏิเสธการชำระค่าส่วนกลางนั้นยังมีบทลงโทษที่เป็นไปตามข้อบังคับนิติบุคคล และมีผลทางกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้เพราะ เมื่อเกิดการซื้อหรือรับโอนห้องชุด/บ้าน เข้ามาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองแล้ว ก็ถือว่าบุคคลนั้นเป็นหนึ่งในเจ้าของร่วม ซึ่งมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่นิติบุคคลฯ ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายกับสำนักงานที่ดิน เป็นกฎกติกาเบื้องต้นที่เจ้าของร่วมต้องรับทราบ โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ โดยมีกฎเกณฑ์ ดังนี้ บทลงโทษการค้างชำระค่าส่วนกลางในกรณีหมู่บ้านจัดสรร
บทลงโทษการค้างชำระค่าส่วนกลางในกรณีอาคารชุดคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้การเลือกนิติบุคคลที่ดีมีความเป็นมืออาชีพให้เข้ามาช่วยบริหารโครงการจะต้องมีความสามารถในการนำค่าส่วนกลางที่เรียกเก็บมาในแต่ละปีมาจัดการกับอุปกรณ์เครื่องจักรและระบบที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น ลิฟต์ ไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาล โทรศัพท์ การจัดระบบรักษาความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การลดการเกิดอุบัติเหตุ การจัดระบบการสัญจรและการเข้าออก การจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แน่ใจได้ว่าระบบหรืออุปกรณ์ต่างๆ จะสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สร้างความพึงพอใจแก่ผู้อยู่อาศัย ลดต้นทุนในการบำรุงรักษา ซึ่งนำมาสู่การสร้างมูลค่าให้แก่โครงการได้ รวมทั้งยังต้องมีความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน สามารถแจกแจงที่มาที่ไปของเงินได้ และยังนำเงินนั้นไปสร้างผลประโยชน์พอกพูนได้อีกด้วย ดังนั้นการจ่ายค่าส่วนกลางไม่ได้จ่ายเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการจ่ายเพื่อความสะดวกสบาย และความสุขในการอยู่อาศัยของตัวท่านเอง ค่าส่วนกลางคอนโด คิดยังไงสำหรับค่าส่วนกลางของคอนโดจะคิดตามตารางเมตรครับ ซึ่งแต่ละแห่งจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ อย่างถ้าคอนโดคิดค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 30 บาท แล้วเรามีห้องขนาด 35 ตารางเมตร ก็จะเท่ากับว่าต้องจ่ายค่าส่วนกลาง 30*35 = 1,050 บาท/เดือน หรือถ้าคิดเป็นรายปีก็จะเท่ากับ 1050*12 = 12,600 บาท/ปี นั่นเอง
ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน คิดยังไงวิธีคำนวณค่าส่วนกลางหมู่บ้านจัดสรร
นำอัตราค่าส่วนกลาง x ขนาดพื้นที่ดินของบ้าน เช่น หากอัตราค่าส่วนกลางอยู่ที่ 100 บาท / ตารางวา / เดือน และ บ้านมีขนาด 100 ตารางวา ก็เท่ากับว่า ค่าส่วนกลางจะอยู่ที่ 10,000 บาท / เดือน หรือตกปีละ 120,000 บาทนั่นเอง
ค่าส่วนกลางคิดจากอะไรหลักการคิดค่าส่วนกลาง คือ การประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ดูแลรักษา เช่น ค่าจ้างนิติบุคคลฯ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลสวน ค่าดูแลสระว่ายน้ำ ค่าบำรุงรักษาลิฟท์ ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกหารด้วยพื้นที่ขาย
ค่าส่วนกลางจำเป็นต้องจ่ายไหมหากไม่ชำระค่าส่วนกลางในเวลาที่กำหนด จะต้องเสียเบี้ยปรับอยู่ที่ประมาณ 10-15% ของยอดที่ต้องจ่าย หากไม่จ่ายค่าส่วนกลางเกิน 3 เดือน อาจถูกระงับสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น การบริการเก็บขยะ การถูกระงับสิทธิ์ในการใช้คีย์การ์ด หรือพื้นที่ส่วนกลางใด ๆ ก็ตาม ทั้งคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
|