นิยาย นางเอก เป็นคุณหนู ธัญ วลัย จบแล้ว

คำเตือน :: ตอนนี้จะทำให้คุณ "หัวร้อน" ได้แน่นอน แต่ใดๆก็แล้วแต่ นางเอกก็โดน "เอาคืน" แน่นอนค่ะ อดทนไว้ ด่าตัวละครได้ แต่ขอด่าอย่างสุภาพน้า

** **

บทนำ

**[**คุณหนูเอาแต่ใจ]

        คฤหาสน์หลังงามเก่าแก่ตั้งตระหง่านอยู่ย่านใจกลางเมือง ความหรูหราใหญ่โตทำให้ผู้พบเห็นประเมินได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ต้องมีฐานะร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน ตัวบ้านตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิคอย่างดูดี สวนกว้างเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวขจีกับพุ่มไม้ถูกตัดแต่งงดงามตามด้วยดอกไม้หลากสีสันชูช่ออวดตัวเองให้ผู้พบเห็น

        ชายหนุ่มร่างสูงในวัยยี่สิบปี กำลังขุดหลุมเล็กๆเพื่อเอาดอกไม้หลายต้นเตรียมลงดินปลูกตามคำสั่งของเด็กผู้หญิงในวัยสิบห้าปีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นคุณหนูของบ้าน ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเศรษฐสาร

        “นี่... ขุดให้มันดีๆหน่อยสิ คอยดูนะ ถ้าดอกไม้ฉันตายเมื่อไหร่ เจอดีแน่” วาจาร้ายกาจที่เปล่งออกมาจากเจ้าของริมฝีปากบางสวย ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะเท่าที่จำความได้ก็โดนแบบนี้มาเสมอ

        “ผมว่าคุณหนูลองมาทำดูเองไหม อาจจะถูกใจ” คำพูดประชดประชันทำให้เด็กสาวไม่พอใจทันที ก่อนจะหันไปเจอเข้ากับฝักบัวรดน้ำขนาดกลางที่เตรียมไว้เพื่อรดน้ำดอกไม้ แต่ตอนนี้ประโยชน์ของมันไม่ใช่อย่างที่ตั้งใจไว้ทีแรกแต่มันมีเพื่อระบายอารมณ์ต่างหาก จึงโยนเข้าใส่แผ่นหลังแกร่งของผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าทันที

        “โอ๊ย!”

        ร่างสูงร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกมีบางอย่างตกกระทบแผ่นหลังตัวเองอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ เมื่อหันกลับไปดูจึงเห็นว่าเป็นบัวรดน้ำ เมื่อเงยหน้ามองเจ้าของบ้านก็เห็นเด็กสาวยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใดจึงทำให้เขาฉุนขาด

        “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” ชาวินทร์เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ตะคอกเสียงดังใส่เด็กสาวอย่างปองขวัญที่ยืนยิ้มสมน้ำหน้าอยู่

        “ทำไม เจ็บเหรอ หลังแกหนาจะตายแค่นี้ไม่น่าเจ็บ” สาวน้อยพูดลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สนใจ แต่ก็ยิ้มได้เพียงครู่เท่านั้นเมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ตัวเอง

        ปองขวัญก้าวถอยหลัง ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น “กะ แกจะทำอะไรน่ะ”

        “กลัวเหรอ” ชาวินทร์ถามเสียงเย็น เดินเข้าไปใกล้อีกจนปองขวัญถอยหลังชิดต้นไม้ใหญ่ไร้หนทางหนี

        “ฉะ ฉันจะฟ้องคุณพ่อถ้าแกกล้าทำอะไรฉัน” ทันทีที่โพล่งออกไป ผู้ชายตรงหน้าหยุดนิ่งแล้วค่อยๆก้าวถอยหลัง ฉับพลันใบหน้าหวาดหวั่นของเด็กสาวแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจ

        “ทีหลังอย่าได้ทำแบบนี้กับฉันอีก ไอ้ขี้ข้า!” เธอบอกเสียงดังแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในอย่างผู้ชนะ ปล่อยให้อีกคนยืนกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น

        ชาวินทร์ ไตรลักษณ์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบปี รูปร่างสูงโปร่งสะดุดตา โครงหน้าคมเข้มอย่างชายไทยแท้ ดวงตาดุดันราวกับพญาเหยี่ยว คิ้วหนาสีเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูป โดยรวมแล้วเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา เป็นที่หมายตาของผู้หญิงมากมาย ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังในคณะบริหารธุรกิจ ชาวินทร์เติบโตขึ้นภายในคฤหาสน์หลังนี้เพราะสรี ผู้เป็นแม่ ทำงานเป็นแม่นมของปองขวัญ และเพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่กี่ปีก่อนด้วยโรคมะเร็ง ชายหนุ่มถูกปองขวัญรังแกรังแกและโขกสับตั้งแต่เด็กๆ แม้จะโกรธอยากออกไปจากที่นี่มากแค่ไหนแต่เขาก็เห็นแก่บดินทร์ บิดาของหญิงสาวที่เลี้ยงดู ส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือ ชายหนุ่มจำเป็นต้องดูแลปองขวัญและกลายเป็นที่รองมือรองไม้ไปด้วย

        ปองขวัญ เศรษฐสาร สาวน้อยวัยสิบห้าปี ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน มีรูปร่างผอม ผิวขาวละเอียดอมชมพู รูปร่างหน้าตาจัดว่าน่ารักตั้งแต่เด็กๆ ดวงตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากบางสวย คิ้วเรียวราวกับคันธนู ซึ่งความงดงามนี้ได้รับมรดกมาจากมารดาที่ล่วงลับไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ด้วยความที่ขาดมารดา จึงทำให้ผู้เป็นบิดาตามใจทุกอย่างด้วยความสงสารที่กำพร้าแม่ ไม่เคยขัดใจ จึงสร้างนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เห็นหัวคนอื่น ให้กับเด็กสาวอย่างเธอ  

        ครอบครัวเศรษฐสารทำธุรกิจส่งออกมีรายได้มากมายเข้าขั้นมหาเศรษฐีติดอันดับของประเทศอย่างสวยงาม ด้วยฐานะดียิ่งทำให้ปองขวัญเหย่อหยิ่งคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นเสมอ ความสุขของเธอคือการได้กลั่นแกล้งชาวินทร์ ชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนคนรับใช้ส่วนตัวนั่นเอง

        เสียงวิ่งเข้ามาภายในบ้านทำให้บดินทร์เลิกคิ้วแล้วลดหนังสือพิมพ์ลงจึงเห็นว่าเป็นลูกสาวของเขานั่นเอง

        “มีอะไรหรือเปล่าลูก แล้ววิ่งมาทำไม ...หืม”

        “ไอ้ชาวินทร์น่ะสิคะ... เมื่อกี้ขวัญแกล้งมันค่ะคุณพ่อ พอขวัญขู่จะฟ้องคุณพ่อนะ มันก็กลัวหัวหดไปเลย” ปองขวัญบอกอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ ผิดกับบดินทร์ที่ถอนหายใจกับคำพูดร้ายกาจของลูกสาว

        “ขวัญ พ่อเคยบอกแล้วไง ให้เรียกชาวินทร์ว่าพี่ เขาแก่กว่าเราตั้งห้าปีนะ”

        เมื่อได้ยินประโยคตำหนิใบหน้าสวยเริ่มหงิกงอแล้วหันหลังให้คนเป็นพ่อ “คุณพ่อเข้าข้างมัน! ขวัญเกลียดมัน เกลียดจริงๆ”

        ปองขวัญเกลียดชาวินทร์ที่เป็นคนโปรดของพ่อ เกลียดชาวินทร์ที่เรียนเก่ง ทำอะไรดีไปหมดจนพ่อคอยแต่จะเปรียบเทียบเธอกับเขาและสุดท้ายเธอเกลียดที่ชาวินทร์ไม่เคยยอมตามใจอะไรเธอเลย!

        “โธ่ ขวัญ... ลูกต้องเข้าใจนะ ชาวินทร์ก็เหมือนครอบครัวเดียวกับเรานะลูก” บดินทร์พยายามพูดให้ลูกสาวเข้าใจแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยพูดแต่พูดมาแล้วหลายครั้ง

        “ขวัญไม่คุยกับคุณพ่อแล้ว!” หญิงสาวบอกอย่างขัดใจก่อนจะวิ่งขึ้นไปด้านบน ปล่อยให้บดินทร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

        บดินทร์ เศรษฐสาร ประมุขใหญ่แห่งตระกูล มองลูกสาวที่หายลับไปอย่างหนักใจ เขารู้จักกับสรีแม่ของชาวินทร์เป็นอย่างดี เธอคือเพื่อนเก่าของเขา แต่เพราะสูญเสียสามีตั้งแต่ตั้งท้องและถูกขับไล่ออกจากบ้าน ไม่มีที่ไป เขาทนเห็นเพื่อนเดือดร้อนไม่ได้จึงยื่นมือเข้ามาช่วยโดยให้สรี มาเป็นแม่นมปองขวัญซึ่งเพิ่งลืมตาดูโลก ส่วนชาวินทร์เพิ่งสี่ขวบ เขาเอ็นดูผู้ชายคนนี้ไม่น้อยเพราะชาวินทร์เป็นเด็กดี ไม่เคยล้ำเส้น เจียมตัวเสมอ ถึงแม้จะถูกปองขวัญทั้งทำร้ายและดูถูก แต่ชายหนุ่มไม่เคยมาฟ้องสักครั้ง จนบางทีเป็นเขาเสียเองที่ต้องเรียกชาวินทร์มาพูดคุยเพื่อให้ระบายอออกมาบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับเงียบจนเขาได้แต่เป็นกังวล คอยห่วงอยู่ห่างๆเท่านั้น

        ที่ด้านนอก ชาวินทร์กำลังนั่งอยู่ในสวนดังเดิม ลงมือนำดอกไม้จากกระถางลงดิน พลางหันไปมองบัวรดน้ำที่ถูกขว้างใส่หลังเมื่อครู่และหยิบมันขึ้นมาเดินไปยังก๊อกน้ำด้านข้าง เปิดน้ำใส่จนเต็มและเดินกลับไปรดน้ำ คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ถอนหายใจ เขาถูกแกล้งแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก โดนแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก เขาเคยโดนหนักกว่านี้เมื่อสองปีก่อน

        “อะไรน่ะชาวินทร์ ขอดูหน่อย” หญิงสาวในชุดนักเรียนถามอย่างจับผิดเมื่อเห็นชาวินทร์เดินออกจากห้องของบดินทร์พร้อมถือกล่องอะไรบางอย่างออกมา

“ของขวัญวันเกิด” ชาวินทร์ตอบสั้นๆก่อนจะเดินหนี

“เอามาดูเดี๋ยวนี้นะ*!” ปองขวัญเดินไปกระชากแขนก่อนจะแย่งกล่องของขวัญมาแต่ชาวินทร์ก็กำแน่นกลายเป็นว่าทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น*

“คุณปองขวัญปล่อยเถอะ” ชาวินทร์พยายามบอกดีๆแต่ปองขวัญก็ยังไม่ยอมเลิกรา

“เอ๊ะ บอกให้ปล่อยไงไอ้ชาวินทร์ นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันหรอ*!”*

ปองขวัญตะคอกเสียงดังจนชาวินทร์ถอนหายใจใช้แรงมากกว่ากระชากจนมันหลุดออกจากมือของเด็กสาว แล้วหมุนตัวเดินลงบันไดหนี แต่เพียงไม่กี่ก้าวจะถึงพื้นก็รู้สึกเหมือนมีแรงบางอย่างผลักเขาอย่างจังจนทำให้ชาวินทร์ตกบันไดลงมา เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นปองขวัญยืนยิ้มสะใจอยู่ เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้เขาแขนหัก ต้องเข้าเฝือกหลายเดือน ส่วนปองขวัญไม่ถูกทำโทษอะไรเลยเพราะเขาบอกบดินทร์ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ!

        ชายหนุ่มพยายามไม่คิดถึงเรื่องเก่า เมื่องานจบลงเขาเดินเข้าบ้าน เดินไปยังห้องพักของตัวเองตรงเรือนคนใช้ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง หยิบกรอบรูปของสรีผู้เป็นแม่ขึ้นมาดู คำพูดก่อนที่แม่จะจากไปยังคงเป็นความทรงจำของเขาเสมอ

        “จำไว้นะลูก วินต้องดูแลคุณบดินทร์กับคุณหนูปองขวัญให้ดี โดยเฉพาะคุณหนู...วินอย่าขัดใจเธอนะลูก เธออยากได้อะไรวินก็ต้องให้ รู้ไหม”

แม้กระทั่งแม่ของเขา ในตอนที่ใกล้จะหมดลมหายใจยังคงนึกถึงปองขวัญ เขาเองก็รู้สึกน้อยใจเช่นเดียวกัน แต่เพราะแม่เลี้ยงผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้สึกรักและผูกพันเหมือนลูกแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า

        ตกกลางคืนระหว่างที่ชาวินทร์กำลังเก็บกวาดห้องของตัวเองเป็นประจำทุกวัน เสียงเคาะประตูด้านนอกก็ดังขึ้น เขาจึงรีบเดินไปเปิดก็เห็นว่าคนที่มาคือบดินทร์

        “วิน ขอลุงเข้าไปหน่อยได้ไหม”

        “คุณลุงมีอะไรหรือครับ” ชาวินทร์ถามอย่างสุภาพ บดินทร์มักจะแทนตัวเองว่าลุงและให้ชาวินทร์เรียกว่าคุณลุงเช่นกัน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้แม่ของเขาจะเคยห้ามปรามแต่บดินทร์ก็ขอให้มันเป็นคำสั่งเพราะอย่างนั้นชาวินทร์เลยได้เรียกบดินทร์ว่าลุง

        “ลุงอยากรู้ว่าพรุ่งนี้เราไปไหนหรือเปล่า ลุงอยากให้วินขับรถไปส่งน้องบ้านเพื่อนหน่อย น้องจะไปงานวันเกิด”

        “ว่างครับ” บดินทร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินมาตบบ่าแกร่ง

        บดินทร์ยิ้มอย่างพอใจตบบ่าแกร่ง “ขอบใจนะวิน ลุงรู้ว่าวินต้องทนกับน้องมากแค่ไหน”

        ชาวินทร์สบตาบดินทร์จนเห็นความจริงใจ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่เขาทนอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากนักจนกระทั่งบดินทร์เดินจากไป ร่างสูงจึงเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ใช้เวลาเพียงสิบห้านาที เขาก็ออกมาพร้อมที่จะล้มตัวลงนอนเพราะพรุ่งนี้เช้าจะต้องตื่นมารบกับปองขวัญอีก แต่เมื่อหัวถึงหมอน ยังไม่ทันหลับ เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม้จะต่างจากครั้งแรก เพราะครั้งนี้ทุบจนประตูแทบพัง เมื่อมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้ว

        “ใครครับ” ชาวินทร์ตะโกนถามคนข้างนอกที่ระดมทุบไม่หยุด

        “ฉันเอง!” เสียงตะคอกกลับมาทำให้ชาวินทร์ถอนหายใจ ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ประตูและเปิดออก เจอปองขวัญในชุดนอนลายการ์ตูนยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ

        “มีอะไร”

        “พูดกับเจ้านายต้องมีหางเสียงด้วยสิ” ปองขวัญไม่ค่อยจะพอใจกับคำพูดของอีกฝ่ายเท่าไหร่ น้ำเสียงห้วนและไม่เป็นมิตรทำให้เธอต้องตะคอกกลับด้วยความหงุดหงิด

        “มีอะไรให้รับใช้ครับคุณหนู” ชาวินทร์พูดประชดแทนที่จะทำให้ปองขวัญพอใจแต่ดูจะหงุดหงิดกว่าเดิม

        “อย่ามาประชดฉันนะ!” ชายหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว

        “ถ้าคุณไม่พูดผมจะปิดประตู”  

ปองขวัญเห็นแบบนั้นก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง ชาวินทร์หันกลับไปมองด้วยอย่างโมโหแต่ไม่พูดอะไร

        “รีดให้หน่อย” หญิงสาวยื่นชุดที่อยู่ในมือให้ชายหนุ่ม ซึ่งชาวินทร์ก็รับมาก่อนจะคลี่ดู จึงได้รู้ว่าเป็นชุดราตรีสีฟ้าสวย และมองคนที่ยื่นให้อีกครั้งราวกับไม่ได้ยินคำสั่งเมื่อครู่

        “เอามาให้ทำไม” ชาวินทร์ถามเสียงเย็น

        “บอกให้รีดให้หน่อย หูตึงรึยังไง!” หญิงสาวตวาดกลับ นั่นก็ทำให้ความอดทนของชายหนุ่มหมดสิ้น ชาวินทร์ปาชุดราตรีของปองขวัญลงพื้นนั่นก็ทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อยและคาดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้

        “อะ ...ไอ้ ...ไอ้ขี้ข้า ...แกรู้ไหมชุดนี้มันตัวเท่าไหร่” ปองขวัญตะโกนด่าชาวินทร์พลางก้มลงเก็บชุดของตัวเองขึ้นมา

        “ไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย ...ถ้าคุณลงมาเพียงแค่หาเรื่องผมล่ะก็ เชิญ!”

        เมื่อรู้ว่าทำอะไรเขาไม่ได้ เธอจึงกัดริมฝีปากแน่น “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ชาวินทร์งี่เง่า!”

        ชาวินทร์ไม่ได้ใส่ใจเมื่อหญิงสาวออกไปยืนด้านนอกเขาก็ปิดประตูใส่หน้าเสียงดังทันทีพร้อมกับล็อกห้องและเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงไม่สนใจเสียงตะโกนด่าต่อว่าเป็นระยะที่ด้านนอก

        ส่วนคนที่ถูกขัดใจก็กลับตึกของตัวเอง ในมือกำชุดไว้แน่นพร้อมกับเดินไปเดินมาในห้องนอน คิดแผนการบางอย่างในวันพรุ่งนี้ เพียงไม่นานใบหน้าสวยก็คลี่ยิ้มในที่สุด ก่อนจะแขวนชุดไว้ที่เดิมแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างเพื่อรอคอยให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ

        วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มตื่นแต่เช้าเพื่อตักบาตร จากนั้นเดินไปรดน้ำต้นไม้ในสวน แม้บดินทร์จะไม่เคยต้องการให้เขาทำงานบ้านใดๆเลยแต่เพราะความเกรงใจ สำนึกบุญคุณ ชาวินทร์จึงทำทุกอย่างพอที่จะทำได้จนบดินทร์คร้านจะห้ามอีก

        “วินจ๊ะ... คุณหนูเรียกแน่ะ” วรรณ แม่บ้านใหญ่ของที่นี่พาร่างอุ้ยอ้ายเดินเข้ามาหาชาวินทร์ในสวน

        “ครับป้า” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆแต่ยังไม่เลิกรดน้ำต้นไม้ จนแม่บ้านที่มาตามรู้สึกเป็นกังวลด้วยรู้ดีว่าปองขวัญเป็นอย่างไร คอยแต่จะหาเรื่องชาวินทร์เสมอ

        “ป้าว่าวินรีบไปดีกว่าไหมลูก ...เดี๋ยวคุณหนูจะโมโหเอานะ”

        “ต่อให้ผมรีบไป ...คุณหนูก็หาเรื่องโมโหผมได้เสมอแหละครับ”

        “ถึงอย่างนั้นก็เถอะจ้ะ ป้าว่ารีบไปเถอะ” วรรณย้ำอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มต้องละมือจากงานที่ทำและยอมขึ้นไป

        ชาวินทร์เดินขึ้นมาหาปองขวัญบนตึกพลางมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้แปดโมงกว่า ที่เดียวที่คุณหนูจะอยู่นั่นก็คือห้องนอนใหญ่ด้านบน

        ซึ่งคนที่กำลังรอคอยเด็กรับใช้อยู่นั้นก็นั่งบนเตียง ในมือถือชุดเมื่อคืนไว้แน่น ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู และตามด้วยร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา เธอก็ปาชุดนั้นลงพื้นทันที

        “เอาไปรีดด้วย” ชายหนุ่มมองดูชุดด้วยแววตาเฉยเมย ไม่ยอมทำตามแต่ก็ไม่ยอมไป ปองขวัญไม่ได้โมโหเหมือนเมื่อคืนด้วยรู้ดีว่าตัวเองมีแผน

        “ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะโทรไปหายัยมุก แฟนของแก!” ดูเหมือนคำขู่นี้จะทำให้แววตาของชาวินทร์วาวโรจน์ขึ้น มุก หรือมุกดา เป็นแฟนสาวของเขาซึ่งเรียนคณะเดียวกัน แม่ของมุกดาเป็นพนักงานในบริษัทของบดินทร์ เขาคบหากับเธอมาได้หลายปีแล้ว และที่ปองขวัญรู้จักมุกดาเพราะหญิงสาวคอยเช็กทุกอย่างของเขาเสมอแม้กระทั่งโทรศัพท์ จึงรู้ว่ามุกดาเป็นใครและที่บ้านทำงานอะไร พอรู้ว่าเป็นพนักงานของบดินทร์ยิ่งทำให้เด็กสาวรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าแฟนของเขา บ่อยครั้งเธอจึงโทรศัพท์แกล้งมุกดา ให้มาหาที่บ้านและใช้งานอย่างกับคนรับใช้ มุกดาเป็นผู้หญิงหัวอ่อน ว่าง่าย และขี้กลัว เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กสาวโทรไป มุกดาจะไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเธอมักจะขู่ไว้เสมอ ถ้าไม่ทำตามก็อาจจะมีผลกับหน้าที่การงานของแม่  ทำให้มุกดาไม่กล้าปฏิเสธ

        “อย่าเอามุกมาเกี่ยว และเธอแก่กว่าคุณ พูดจาก็ให้เกียรติด้วย!” ชาวินทร์บอกเสียงเข้มแต่ก็ไม่ได้ทำให้ปองขวัญกลัว หญิงสาวยิ่งมีความสุขเมื่อได้รู้ว่าจุดอ่อนของชาวินทร์คือมุกดา

        “ถ้าไม่อยากให้เอามาเกี่ยว แกก็ไปรีดชุดฉันสิ” ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวอย่างแค้นเคืองก่อนจะหยิบชุดนั้นขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนักแล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้ปองขวัญนั่งยิ้มสะใจอยู่ลำพัง

        ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชาวินทร์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับชุดที่รีดเสร็จเรียบร้อย ถูกแขวนไว้อย่างดี มองดูหญิงสาวที่นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ จังหวะนั้นเธอก็โยนอะไรบางอย่างลงพื้นมา

        “ฉันเปลี่ยนใจละ ไม่อยากใส่ชุดนั้น เป็นชุดนี้ดีกว่า รีดให้ด้วย”

        ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนนูนเป็นสันเมื่อรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าจงใจแกล้งเขาแน่ แต่เลือกจะไม่พูดอะไร เดินนำชุดที่เพิ่งรีดเสร็จไปแขวนไว้และเดินมาหยิบชุดที่อยู่บนพื้นและเดินออกไปด้านนอก

        ใช้เวลาไม่นานชาวินทร์ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมชุดที่รีดเสร็จ ใส่ไม้แขวนเหมือนกับตัวที่แล้ว แต่พอก้าวเข้ามาในห้องเขาก็เห็นว่าบนพื้นมีชุดใหม่กองอยู่ ความอดทนของชาวินทร์เริ่มจะหมดลง ก่อนจะถามคนบนเตียงเสียงเย็น

        “คุณแกล้งผมใช่ไหม”

        “เปล่าเลยนะชาวินทร์ ฉันก็แค่ ...เปลี่ยนใจง่ายไปหน่อย” น้ำเสียงเหมือนจะเยาะเย้ยทำให้ความอดทนของชาวินทร์หมดลง

        “งั้นหรอ งั้นคุณก็รีดเองแล้วกัน ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันหรอก!” ร่างสูงไม่พูดเปล่าแต่หยิบชุดที่ถืออยู่นั้นโยนลงบนพื้นอย่างแรงแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที

        การกระทำของชายหนุ่มทำให้ปองขวัญเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงโดยที่ชาวินทร์ไม่แม้แต่จะสนใจกลับมาดูเลยแม้แต่น้อย “กรี๊ดดด ไอ้ชาวินทร์ กลับมานะ ไอ้ชาวินทร์!” เมื่อรู้ว่าเขาไม่กลับมา เธอก็เจ็บใจจนคิดหาวิธีเอาคืนอีกครั้ง

        ตลอดทั้งวันชายหนุ่มหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอปองขวัญอีก เขาเคยถามตัวเองหลายครั้งว่าทำไมปองขวัญถึงไม่ชอบเขา ถึงขนาดว่าเคยถามเธอเองด้วยซ้ำ เธอบอกว่าบดินทร์เห็นเขาดีกว่า หนำซ้ำเขาเป็นคนรับใช้แต่ชอบตีตนเสมอเจ้าของบ้าน เหตุผลเพียงแค่นั้นยังไม่ทำให้ชาวินทร์ปักใจเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ยิ่งอยู่ไปนานวัน ความร้ายกาจของเธอมากขึ้น จนความอดทนที่มีมันเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆแล้ว

ตกเย็นชาวินทร์สวมชุดสุภาพอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงสแล็กส์สีดำยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูโดดเด่นและหล่อเหลาราวกับนายแบบก็ไม่ปาน เขากำลังยืนเช็ดรถอยู่หน้าบ้าน รอปองขวัญลงมา เพียงไม่นานเขาก็เห็นคุณหนูสาวสวมชุดเดรสสีชมพูยาวฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิง ในมือถือกล่องขวัญขนาดกลางลงมาด้วย ชาวินทร์เห็นว่าชุดนี้ไม่ใช่ชุดและอีกหลายชุดที่เขารีดให้ ก็เกิดความหงุดหงิด เขานิ่งขรึม ไม่พูดอะไรออกมา นอกจากเปิดประตูหลังให้ปองขวัญขึ้นไปนั่ง ซึ่งเด็กสาวเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น ชาวินทร์ไม่ได้สนใจนอกจากปิดประตูรถ แล้วอ้อมไปยังด้านคนขับ พารถคันหรูพุ่งทะยานออกไปทันที

        บ้านเพื่อนของปองขวัญนั้นใหญ่โต หรูหราไม่แพ้บ้านบดินทร์ ภายในบริเวณบ้านถูกจัดตกแต่งสวยงาม ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน งานวันนี้ที่ปองขวัญมาร่วมคืองานวันเกิด ถูกจัดอยู่ตรงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ทันทีที่มาถึง เขาเปิดประตูให้เด็กสาวลงมาส่วนตัวเองยืนอยู่ข้างรถ

        “ทำไมไม่ตามมาล่ะ” ชาวินทร์เลิกคิ้วสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะการมาวันนี้เพื่อขับรถให้ปองขวัญเท่านั้นแต่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย

        “คนขับรถอย่างผมเข้าไปข้างในด้วยคงไม่เหมาะ” ปองขวัญพึงพอใจกับคำตอบนั้น

        “รู้ตัวก็ดีว่าอยู่ในฐานะอะไร... แต่ฉันก็อยากจะให้นายเข้าไปข้างในด้วยและนี่ถือว่าเป็นคำสั่ง!” หญิงสาวพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในงานทันที ชาวินทร์ไม่มีทางเลือก จำใจเดินเข้าไปด้านในเช่นเดียวกัน  

        เมื่อมาถึงบริเวณที่จัดงาน มีแขกหลายคนกำลังยืนอยู่จำนวนหนึ่ง บ้างเป็นแขกของผู้ใหญ่ บ้างก็เป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับปองขวัญ ในงานมีพนักงานคอยเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหารไม่ขาด เมื่อชาวินทร์เดินเข้ามาก็กลายเป็นจุดสนใจไม่น้อย

        ปองขวัญเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่ยืนอยู่กับพ่อแม่ “สุขสันต์วันเกิดนะลัดดา” ปองขวัญสวมกอด แล้วผละออกมอบกล่องของขวัญให้ โดยที่เพื่อนรักยิ้มกว้างแต่มิวายปรายตามองผู้ชายด้านหลังของเธอ

        “ขอบใจนะขวัญ...ว่าแต่วันนี้พาบอดี้การ์ดสุดหล่อมาด้วยหรอ” ปองขวัญเพียงแต่ปรายตามองไปด้านหลังเล็กน้อยเท่านั้นแล้วตอบกลับ

        “ใช่...ว่าแต่คนที่ให้มาช่วยงานน่ะ...มาถึงหรือยัง” ปองขวัญถามหาใครบางคนที่เธอโทรไปเมื่อเช้าให้มาช่วยงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนรัก

        “อ๋อ มาแล้ว อยู่ในครัวน่ะ เดี๋ยวคงออกมา แต่ทำไมต้องให้พี่เขามาทำด้วยล่ะ”

        ลัดดาถามเหตุผลกับเพื่อนรักอย่างแปลกใจ เมื่อเช้าปองขวัญโทรศัพท์มาถามว่าต้องการคนงานเพิ่มไหม ตอนแรกเธอปฏิเสธ แต่ปองขวัญยืนยันว่าจะให้มาช่วย พอบ่ายคล้อยจึงได้เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูท่าแล้วแก่กว่าเธอหลายปี สอบถามชื่อได้รู้ว่าเป็นมุกดา เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ตอนนี้อยากได้ยินจากปากเพื่อนรักมากกว่า

        “ไม่ทำไมหรอก อยากแกล้งคนเล่นน่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างมีแผนก่อนจะหันไปมองด้านหลังอีกครั้ง เห็นชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายในงานนี้กำลังมองบรรยากาศรอบๆงานอยู่

        ชาวินทร์เห็นการจัดการที่แสนหรูหราก็ส่ายหน้า ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าของบ้านรวยมากแต่การจัดยิ่งใหญ่มีแต่จะสิ้นเปลืองเปล่าๆ แต่คิดไปคิดมาก็ยังดีกว่างานวันเกิดของปองขวัญ ที่เจ้าตัวร่ำร้องต้องมีทุกปี และต้องเด่นกว่าเพื่อนทุกคน ใครที่มางานวันเกิดต้องเอาไปพูดต่อได้ถึงความหรูหรา ยิ่งจะทำให้เจ้าตัวพอใจ เพราะรู้สึกว่าอยู่เหนือคนอื่น

        งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงช่วงเวลาสำคัญ เค้กก้อนโตถูกเข็นออกมา ชาวินทร์ที่ยืนอยู่วงนอก มองดูเหตุการณ์อย่างเบื่อหน่าย เห็นเจ้าของวันเกิดเป่าเค้กท่ามกลางคำอวยพร เขาเบือนหน้าหนีมองไปรอบๆงานอีกครั้งจนกระทั่งสะดุดตากับร่างบางที่กำลังเก็บจานอยู่ พอได้เพ่งมองก็ตกใจเรียกเสียงหลง

        “มุก มาทำอะไรที่นี่!” ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะเจอคนรักในงานนี้ ซ้ำยังสวมยูนิฟอร์มเหมือนกับพนักงานคนอื่นอีก

        “อ้าววิน คุณขวัญโทรหามุกเมื่อเช้า ว่าให้มาช่วยงานวันเกิดเพื่อนเธอหน่อย” มุกดาตอบกลับ ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอคนรักหนุ่มที่นี่เช่นกัน

        ชาวินทร์ขบกรามแน่นจนนูนเป็นสัน หันไปมองในวงล้อมเห็นปองขวัญกำลังยืนยิ้มอยู่ “กลับบ้านกันมุก เดี๋ยวผมไปส่ง” ชาวินทร์บอกเสียงเข้มก่อนจะลากมุกดาออกไป แต่เมื่อเดินมาถึงรถ เสียงปองขวัญก็ดังมาจากด้านหลัง

        “จะไปไหน!” ปองขวัญถามแต่สีหน้าก็ยิ้มเยาะเย้ยทั้งคู่

        ชาวินทร์หันมาด้วยแรงโทสะที่เปี่ยมล้น “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! มุกดาไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์จะใช้เธอ!” ชายหนุ่มตะคอกใส่หญิงสาวอย่างเสียงดัง

        แต่ปองขวัญไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย แถมยังยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นแล้วจ้องหน้ามุกดา “ฉันเปล่านะ มุกดาเต็มใจเองต่างหาก..ใช่ไหมคะ.”

        “เอ่อ..ค่ะ...วิน..มุกเต็มใจเองนะ” มุกดารับคำก่อนจะหันไปบอกชายคนรัก

        “มุกจะกลัวอะไรคุณขวัญนักหนา ผมรู้ว่าเธอเอาเรื่องแม่มาขู่อีกแล้วใช่ไหม!” ชาวินทร์ถามอย่างรู้ทันนั่นก็ทำให้มุกดาก้มหน้าไม่กล้าตอบอะไรออกไปเพราะที่ชาวินทร์พูดนั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น

        “อย่ามากล่าวหากันนะชาวินทร์!” ปองขวัญบอกอย่างไม่พอใจ

        “อย่าทำเป็นรับไม่ได้หน่อยเลยปองขวัญ ผมรู้ว่าคุณทำจริง ผู้หญิงอย่างคุณน่ะร้ายกาจขนาดไหน ผมรู้ดี” ชาวินทร์บอกเสียงเข้ม ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ผิดกับมุกดาที่ก้มหน้าอย่างเดียว

        “รู้ก็ดี จริงๆวันนี้น่าจะขอบใจฉันนะ ที่อุตส่าห์พามุกดามางานนี้” ปองขวัญกระตุกยิ้ม ทำให้ชาวินทร์มองอย่างสงสัย

        “หมายความว่ายังไง” ปองขวัญหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงเพื่อเผชิญหน้า

        “ก็... ชาวินทร์เป็นคนรับใช้ ส่วนมุกดาก็เป็นแฟนคนรับใช้ ฉันพามุกดามาฝึกเป็นคนใช้ไง เผื่อแต่งงานกับนาย มุกดาจะได้ทำงานบ้านเป็น เพราะยังไงแต่งกับขี้ข้า ก็เป็นขี้ข้าเหมือนกัน!” คำพูดของปองขวัญทำให้ชาวินทร์หมดความอดทนก่อนจะปล่อยมือที่จับมุกดาเอาไว้เปลี่ยนเป็นบีบต้นแขนของปองขวัญแน่นทั้งสองข้างจนเด็กสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บ

        “ปล่อยฉันนะไอ้ชาวินทร์ ปล่อยนะ! ฉันเจ็บ!”

        “เจ็บหรอ คนอย่างคุณเจ็บเป็นด้วยหรอ แต่ถ้าคุณเจ็บจริงๆก็ดี ให้รู้สึกซะบ้าง คนอย่างคุณคิดว่าตัวเองอยู่ค้ำฟ้าใช่ไหม คิดว่าจะเหยียบใครก็ได้งั้นสิ! คุณอาจจะทำแบบนั้นได้ แต่ไม่มีใครชื่นชมการกระทำของคุณหรอก ทุกคนจะพากันรังเกียจคุณ สมเพชคุณ เพราะการกระทำของคุณเอง มันเป็นการกระทำที่ต่ำ! ทั้งที่ชอบด่าว่าคนอื่นต่ำแต่การกระทำของคุณมันต่ำยิ่งกว่า! ตอนนี้คุณยังอายุแค่สิบห้า ความร้ายกาจของคุณยังขนาดนี้ แต่ถ้าคุณโตขึ้น คุณคงฆ่าคนอื่นได้อย่างไม่ลังเลเลยสินะ!” ชาวินทร์ตะโกนด่ายืดยาวก่อนจะผลักปองขวัญอย่างแรง จนเด็กสาวลงไปนั่งกองกับพื้นและเสียงของชาวินทร์ก็ดังพอให้คนอื่นภายในงานออกมาดูกัน

        “ยัยขวัญ” ลัดดาร้องเรียกเพื่อนก่อนจะวิ่งแทรกหมู่คนออกไปประคองเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงพื้น

        “แก...ไอ้ชาวินทร์ แกกล้าว่าฉันหรอ! แกกล้าว่าลูกของคนที่เลี้ยงดูแกมา ชุบเลี้ยงแกมา ให้ข้าวให้น้ำแกกินหรอ!” ปองขวัญตะโกนออกไปด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน มุกดาเห็นเหตุการณ์ไม่ดีเริ่มหน้าซีดก่อนจะเขย่าแขนชาวินทร์

        “วิน เรากลับกันเถอะนะ” มุกดาเริ่มอายเมื่อบรรดาแขกเหรื่อมุงดู

        “เรื่องบุญคุณของคุณบดินทร์ผมไม่ลืมหรอก หากมีโอกาสผมตอบแทนแน่ แต่ถ้าจะให้ผมทนอยู่กับคนที่ใจคอคับแคบ ใจดำยิ่งกว่าอีกาอย่างคุณ ผมคงทนต่อไปไม่ไหว!” ชาวินทร์บอกแค่นั้นก่อนโยนกุญแจรถลงพื้นและลากมุกดาออกจากงานไป

        “กลับมานะชาวินทร์ กลับมาเดี๋ยวนี้!...โอ๊ย”

        ปองขวัญตะโกนเรียกตั้งใจจะวิ่งไล่ตาม แต่เพราะล้มเมื่อครู่ ข้อเท้าปองขวัญแพลง ทำให้ทรุดลงไปอีกครั้งแต่โชคดีที่ลัดดาประคองไว้ได้ทัน หญิงสาวมองดูชายหนุ่มที่เดินออกไปก็อดใจหายไม่ได้ ชาวินทร์ไม่เคยโมโหขนาดนี้...แต่ปองขวัญก็ยังมั่นใจว่าเขาจะไม่มีวันไปจากตระกูลเศรษฐสาร เพราะชาวินทร์เกรงใจบิดาของตัวเอง

        เมื่อออกมาจากงานชาวินทร์เรียกแท็กซี่เพื่อไปส่งมุกดาที่หอพัก ทันทีที่ขึ้นมาบนรถสีหน้าร้อนใจของมุกดาก็ฉายชัดออกมา

        “วิน...คุณปองขวัญต้องโกรธมากแน่ๆ” มุกดาถามอย่างเป็นกังวล ผิดกับชาวินทร์ที่ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไรเลย

        “มุก ทำไมมุกต้องกลัวด้วย! เธอไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรแม่มุกได้หรอกนะ” ชาวินทร์บอกตามความจริง ถึงแม้แม่ของมุกดาจะทำงานที่บริษัทของบดินทร์ก็จริง แต่คนที่มีสิทธิ์ไล่ออกก็คือบดินทร์ เขาเชื่อว่าบดินทร์มีเหตุผลพอที่จะไม่ไล่ใครออกตามคำสั่งของลูกสาวแน่ๆ

        “ตะ...แต่...ครอบครัวของคุณขวัญมีบุญคุณกับครอบครัวมุกนะ หากไม่ได้เงินของคุณบดินทร์ช่วย...แม่มุกคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้” มุกดาพูดเบาๆ ยังจำเหตุการณ์ที่แม่ตัวเองถูกรถชนแต่ไม่มีเงินรักษาได้ ตอนนั้นมุกดาร่ำไห้อยู่หน้าห้องไอซียู เพื่อนของแม่แวะเวียนกันมาเยี่ยม จนเรื่องรู้ไปถึงหูบดินทร์ วันรุ่งขึ้นบดินทร์มาด้วยตัวเอง จัดการออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด จึงทำให้มุกดารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของครับครัวเศรษฐสาร เพราะชีวิตของเธอมีเพียงแม่คนเดียว ส่วนพ่อนั้นเป็นผู้ชายติดเหล้าและการพนัน ทำร้ายแม่และเธอเสมอ ทั้งสองจึงหนีมาจากต่างจังหวัด มาอยู่ที่กรุงเทพ

        “บุญคุณก็ส่วนบุญคุณนะมุก...ยังไงเราก็ต้องตอบแทนท่านอยู่แล้ว การที่แม่ของมุกทำงานให้ท่าน ซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับท่าน วินว่าแค่นี้ท่านก็พอใจแล้ว...แต่ไม่ใช่ตอบแทนโดยการเป็นของเล่นให้ลูกท่าน ปล่อยให้ลูกท่านเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเรานะมุก!” ชาวินทร์บอก ซึ่งมุกดาก็เงียบไป ดังนั้นชาวินทร์ไม่พูดอะไรต่อแต่ก็กุมมือของคนรักไว้แน่น สิ่งที่ทำให้เขากับมุกดาเข้ากันได้ดี คงเป็นเพราะชีวิตของเธอน่าสงสารไม่ต่างจากเขาและในที่สุดทั้งคู่ก็คบกัน

        เมื่อมาถึงหอพักของมุกดา ชาวินทร์เดินมาส่งหน้าตึกแม้ตอนแรกหญิงสาวจะปฏิเสธก็ตามที

        “อย่าคิดมากนะมุก ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มบอกให้แฟนสาวสบายใจ

        “แล้วนี่...วินจะไปจริงๆหรอ” มุกดานึกถึงประโยคที่เขาพูดในงานจึงอดจะถามย้ำอีกครั้งไม่ได้

        “ครับ ผมทนมามากพอแล้ว... ทนมาสิบปีแล้วมุก... พอกันที ถึงแม้ไม่มีเหตุการณ์ในวันนี้ วินก็ต้องไปอยู่ดี” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับถอนหายใจ ยิ่งทำให้มุกดาเป็นห่วง

        “แล้ววินจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ แล้วเรื่องเรียนล่ะวิน อีกปีเดียวก็จะจบแล้วนะ” มุกดาถามอย่างเป็นห่วง เอาเรื่องเรียนเข้ามาเป็นประเด็นเพราะชาวินทร์เป็นคนเรียนดี และวาดฝันอนาคตหลายอย่างเมื่อเรียนจบ มุกดาคิดว่าหากเอาเรื่องเรียนมาอ้างชาวินทร์น่าจะรับฟังบ้าง

        “วินจะดร๊อปเรียนไว้ก่อน ถ้าวินออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว คงไม่กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากคุณบดินทร์อีก”

        “แล้วมุกล่ะ วินจะทิ้งมุกหรอ” มุกดาถามเสียงเครือ ทำให้ชาวินทร์จับมือทั้งสองข้างของคนรักไว้แน่น

        “มุก วินไม่อยากจะทิ้งมุกหรอกนะ ใจจริงวินอยากจะให้มุกไปด้วย แต่วินไม่อยากให้มุกลำบาก...เพราะวินเองก็ยังไม่รู้จะไปไหน หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆวินคงหางานทำและเก็บเงินเรียน”

        “ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจวินได้เลยเหรอ”

        “คงไม่มีหรอกมุก...วินคิดดีแล้ว...วินพอแล้ว” ชาวินทร์บอกสั้นๆซึ่งมุกดาก็พยักหน้าเข้าใจ

        “วินต้องส่งข่าวให้มุกรู้นะ...มุกรักวินนะ” มุกดาบอกก่อนจะโผเข้ากอดชาวินทร์ด้วยความรัก

        “วินก็รักมุก”  ทั้งคู่กอดล่ำลากันอยู่สักพักก่อนที่มุกดาจะบอกให้ชาวินทร์กลับไป ซึ่งชายหนุ่มรอให้แฟนสาวขึ้นห้องให้เรียบร้อยและขึ้นรถกลับไปยังที่ที่ชาวินทร์จะไม่ได้กลับไปอีก

        เมื่อมาถึงคฤหาสน์หลังงาม ชายหนุ่มเดินไปยังเรือนคนใช้ทันทีเลี่ยงที่จะผ่านหน้าตึกใหญ่ ไม่อย่างนั้นอาจจะได้ปะทะคารมกับปองขวัญอีกแน่ แต่สิ่งที่ชาวินทร์คาดการไว้คงจะผิด เพราะตอนนี้ปองขวัญกำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขา และยังคงอยู่ในชุดเดิม

        “กลับมาแล้วหรอไอ้ขี้ข้า!” หญิงสาวตะคอกถามเสียงเข้ม แต่เขาไม่ตอบเลือกจะเดินหนีเธอจึงคว้าแขนเอาไว้

        “จะไปไหน! นี่แกกล้าเดินหนีฉันหรอ” ปองขวัญที่หงุดหงิดจากในงาน เมื่อกลับมาเห็นชาวินทร์ทำแบบนี้กับตัวเองยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

        “ปล่อย! หรืออยากโดนแบบที่งานอีก” ชาวินทร์หันมาเผชิญหน้ากับปองขวัญ เสียงของทั้งสองทำให้เหล่าคนใช้เปิดประตูห้องกันออกมาดู รวมไปถึงวรรณที่เห็นท่าไม่ดีก่อนจะเลี่ยงขึ้นไปตึกใหญ่เพื่อตามบดินทร์

        “นี่แกขู่ฉันหรอ แกไม่กล้าหรอก ถ้าแกทำฉันจะฟ้องคุณพ่อ!” ชาวินทร์ยิ้มเย็นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ และผลักปองขวัญล้มลงไปอย่างแรงอีกครั้ง จนเหล่าคนใช้แถวนั้นอ้าปากค้างกันเป็นแถว

        “โอ๊ย...ไอ้ชาวินทร์!!” ปองขวัญร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แผลเก่ายังไม่ทันหายดียิ่งมาโดนย้ำทำให้เจ็บกว่าเดิม

        “ทีนี้ยังคิดว่าผมไม่กล้าอีกไหม!”

        ปองขวัญกัดริมฝีปากแน่น พยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าคมเข้มเต็มแรงพร้อมพูดเสียงกร้าว

        เพี้ยะ!

        “นี่สำหรับที่แกทำกับฉัน! จำใส่กะโหลกหนาๆของแกไว้ ว่าใครให้ที่พักพิงแม่แก ใครจ่ายเงินค่าเรียนหนังสือ ใครให้ข้าวให้น้ำ บุญคุณพวกนี้ต่อให้แกตายก็ใช้ไม่หมดหรอก!” ปองขวัญด่ากระแทกหน้า ชายหนุ่มหันกลับมามองปองขวัญดวงแววตาวาวโรจน์ก่อนจะเงื้อมือขึ้นหมายจะตบปองขวัญ ทำให้หญิงสาวตกใจถอยหนี แต่ยังไม่ทันได้ลงมือบดินทร์ก็มาซะก่อน

        “วิน!” เสียงเรียกของบดินทร์ทำให้ชาวินทร์รู้สึกตัวก่อนจะลดมือลง

        “คุณพ่อคะ มันจะตบขวัญค่ะคุณพ่อ” ปองขวัญโผหาผู้เป็นพ่อทันที ซบลงกับอกอย่างเด็กเสียขวัญ

        “แล้วลูกไปพูดแบบนั้นกับชาวินทร์ได้ยังไง! พ่อไม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนแบบนั้นนะปองขวัญ!” บดินทร์เอ็ดลูกสาวเสียงดัง ทำเอาปองขวัญที่ซบอกอยู่ต้องถอยออกและมองใบหน้าพ่ออย่างผิดหวัง

        “นี่คุณพ่อเข้าข้างมันหรอคะ! มันผลักขวัญล้มนะ มันฉีกหน้าขวัญที่งานวันเกิด มันทิ้งให้ขวัญกลับคนเดียว! คุณพ่อยังจะเข้าข้างมันเหรอคะ” ปองขวัญตะโกนถามพ่อตัวเองอย่างน้อยใจ

        “แต่สิ่งที่ขวัญทำมันเกินไป! ขวัญไปพูดกับวินแบบนั้นแล้ววินจะรู้สึกยังไง การที่พ่อช่วยวิน ช่วยแม่วิน มันเป็นเพราะพ่อเต็มใจ ไม่ได้ถือเป็นบุญคุณ พ่อไม่เคยคิดเลยว่าขวัญจะเป็นแบบนี้!” บดินทร์บอกอย่างผิดหวัง แต่ก็ยิ่งสร้างความเจ็บช้ำและความโกรธให้กับปองขวัญได้ในคราวเดียว

        “คุณพ่อเข้าข้างมัน! คุณพ่อเข้าข้างไอ้ขี้ข้า! ขวัญเกลียดคุณพ่อ! ขวัญเกลียดมันด้วย!” ปองขวัญตะคอกออกมาอย่างสุดแรง ทำให้บดินทร์มองลูกสาวอย่างหัวเสีย

        “ผมก็เกลียดคุณ!” ชาวินทร์ตอบกลับอย่างไม่เกรงใจบดินทร์ จนบดินทร์เห็นก็รู้สึกผิด

        “วิน...ใจเย็นๆก่อนนะลูก เดี๋ยวลุงจะลงโทษน้องเอง วินไปพักผ่อนเถอะ” บดินทร์บอก แต่ชาวินทร์กลับเดินเข้ามาใกล้บดินทร์ก่อนจะคุกเข่าลงพร้อมกับพนมมือขึ้น ยิ่งทำให้บดินทร์อึ้ง

        “อย่างแรก ผมต้องขอบคุณ คุณลุงที่มีพระคุณกับแม่และผม เลี้ยงดูเราสองแม่ลูกเป็นอย่างดี อย่างที่สอง ขอบคุณที่คุณลุงช่วยเหลือผมในทุกๆเรื่อง บุญคุณของคุณลุงผมจะไม่มีวันลืม...ผมรู้ว่าชาตินี้อาจจะใช้หนี้บุญคุณของคุณลุงไม่หมด แต่วันนี้ผมไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของคุณลุงได้แต่ผมสัญญา ตราบใดที่ผมมีลมหายใจ ผมจะตอบแทนบุญคุณของคุณลุง หวังว่าคุณลุงจะเข้าใจนะครับ” ชาวินทร์บอกเสร็จก่อนจะก้มกราบแทบเท้าของบดินทร์ ยิ่งทำให้คนเป็นลุงมองอย่างตกใจ รีบประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้น

        “หมายความว่ายังไงวิน”

        “ผมไม่สามารถอยู่บ้านหลังนี้ได้อีกต่อไปแล้วครับ หวังว่าคุณลุงจะไม่ถือโทษโกรธในสิ่งที่ผมทำ แต่ผมไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนใจร้ายอย่างคุณปองขวัญได้...ผมเคารพและรักคุณลุงนะครับ...แต่ผม...ลาล่ะครับ” ชาวินทร์บอกแค่นั้นก่อนจะผละออกไป ซึ่งบดินทร์เห็นแบบนั้นก็เดินตามปล่อยให้ปองขวัญยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

        ชาวินทร์เข้ามาในห้องก็เริ่มเก็บเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีเยอะนักยัดใส่กระเป๋าอย่างไม่เป็นระเบียบ ไม่ลืมเก็บของสำคัญทั้งหมดแต่ก็ถูกบดินทร์เดินเข้ามาห้ามไว้

        “วิน...ใจเย็นๆนะลูก ฟังลุงก่อน ถ้าวินไม่สบายใจจะอยู่ วินไปอยู่หอด้านนอกไหม ลุงจะออกค่าใช้จ่ายให้” ชายวัยกลางคนเริ่มเสนอทางเลือกให้ทันที

        “อย่าเลยครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณลุง ถึงแม้ผมจะออกไปอยู่ข้างนอก แต่คุณปองขวัญก็ต้องตามราวีผมอยู่ดี ทางที่ดีที่สุดคือผมควรจะไปจากที่นี่ซะ”

        “แล้วเรื่องเรียนล่ะ แล้ววินจะไปอยู่ที่ไหน วินไม่มีญาติที่ไหนแล้วนะลูก” บดินทร์พยายามหว่านล้อม

        “ผมคงจะเริ่มต้นหางานทำ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมอาจจะกลับไปบ้านเกิดของแม่อีกครั้ง...หวังว่าคุณลุงจะไม่ห้ามผม ผมตัดสินใจดีแล้วครับ” ชาวินทร์บอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะเก็บของชิ้นสุดท้ายนั่นคือกรอบรูปของสรีลงกระเป๋าไปด้วย บดินทร์เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าไม่สามารถรั้งชาวินทร์ได้อีกต่อไปแล้ว

        “งั้นวินรับปากลุงได้ไหม...อย่าหายเงียบไปไหน...ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ลุงอยากให้วินติดต่อกลับมาหาลุงบ้าง หรือถ้าวินเดือดร้อน ลุงขอให้วินนึกถึงลุงเป็นคนแรก...นะลูกนะ” บดินทร์มองชาวินทร์อย่างเป็นห่วง เพราะอยู่ด้วยกันมานาน ชาวินทร์ก็ไม่ต่างอะไรจากลูกชายของเขา และเขายังวางแผนให้ชายหนุ่มมาช่วยงานด้านบริหารหลังเรียนจบแต่มันคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

        “ครับ...งั้นผมลาครับคุณลุง” ชาวินทร์ยกมือไหว้ลาบดินทร์อีกครั้ง ก่อนจะสะพายกระเป๋าออกไปด้านนอก เหลือเพียงบดินทร์ที่ทรุดนั่งลงตรงเตียงของชาวินทร์ตามลำพัง

        หากปองขวัญทำดีกับชาวินทร์เพียงสักนิด ชาวินทร์อาจจะไม่คิดไปจากที่นี่ก็เป็นได้ แต่ชาวินทร์ก็สัญญากับตัวเองเสมอ หากมีโอกาส ชาวินทร์จะต้องเอาคืนปองขวัญแน่นอน!

ตอนหน้าพระนางของเราก็โตแล้ว... ชาวินทร์จะกลายเป็นฝ่าย "ได้เปรียบ" แต่เพราะอะไร มาลุ้นกัน เจอกันวันพฤหัสค่า อ่านจบแล้วเมนต์ให้กันได้นะจ๊ะ อย่าลืมแอดแฟนไว้ด้วย แต่ขอย้ำกันอีกครั้ง ด่าตัวละครได้ แต่ด่าอย่าง "สุภาพ" นะคะ