นิยาย พระเอกเป็น ทูต NC ธัญ วลัย จบแล้ว ไม่ติดเหรียญ

"วิกตอเรีย ซีเคร็ต สีม่วงขอบลูกไม้สีดำ ปลดตะขอด้านหน้า เผื่อคุณอยากรู้"

หญิงสาวรับรู้ถึงแววตาเร่าร้อนที่แทบจะแผดเผาเธอให้ดับดิ้น เขาเอาแต่จ้องความอวบอิ่มล้นทะลักออกมาโชว์อย่างออกนอกหน้า ที่ปลายสายตาคู่สวยก็เห็นความผิดปกติบางอย่างเช่นกัน กางเกงสแล็คดำที่เขาสวมใส่มันคับแน่นขึ้นเพราะบางอย่างที่ฝังตัวอยู่หว่างขามันพองโต หญิงสาวหัวเสียเล็กน้อยที่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะต่อว่า จึงได้คิดแกล้งหยอกให้ชายหนุ่มจินตนาการพร่ำเพ้อหลงอยู่ในความหวามหวิว

ชายหนุ่มอมยิ้ม แววตามาดร้ายไล้ขึ้นสบกลีบปากฉ่ำสีชมพูจัด เธอไม่ได้มีอะไรเหนือกว่าสาวอื่นที่เขาผ่านมา แต่ทำไมนะ เธอถึงได้มีอิทธิพลต่อกล่องดวงใจของเขามากถึงเพียงนี้ มันพรั่งพร้อมแทบจะแตกดับแล้ว เพียงแค่ความอวบอิ่มล้นทะลักขอบบราเซียร์

ไหนๆ เธอก็เผยสิ่งที่เขาอยากรู้ซะขนาดนี้ จะปล่อยให้เธอไปเฉยๆ คงเสียดายแย่ คิดได้เช่นนั้นก็ไม่รีรอ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แก้มนวล แล้วกระซิบแหบพร่า

"รู้ตัวมั้ยว่าคุณเซ็กซี่"

แก้มนวลแดงแปรดขึ้นทันตา ถึงเธอจะเรียนเมืองนอกเมืองนา แต่ก็ใช่ว่าจะเคยโดนชายหนุ่มพูดทำนองนี้กับเธอ นี่มันล้ำหน้าการแทะโลมหว่านเสน่ห์ไปไกลเสียแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างแก้ขัดแก้เขิน กระนั้นชายหนุ่มหาได้มองว่าเป็นการกัดปากแก้เขินไม่ เธอกำลังยั่วให้เขาลุ่มหลง ต้องใช่แน่ๆ

เขากระซิบอีกครั้งด้วยเสียงนุ่มทุ้มกว่าเดิม

"อย่ากัดปากแบบนั้นอีกนะครับ"

หญิงสาวถามกลับทันทีด้วยความแปลกใจ ลืมความเขินอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปชั่วขณะ

"ทำไมคะ" น้ำเสียงของเธอวูบไหวเล็กน้อย

"เพราะคุณเซ็กซี่... และผมกำลังเปลี่ยว..."

กำลังเปลี่ยว...

คำนี้... มือเรียวเล็กหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมใส่ทันที เธอติดกระดุมทุกเม็ดไม่ให้มีเปิดอ้า แม้จะร้อนจนแทบละลาย แต่ก็ยังดีกว่าถอดโค้ทออกแล้วกระตุ้นอารมณ์เปลี่ยวของชายหนุ่มให้พุ่งสูงเกินจะต้าน

ตลอดเส้นทางไปยังบ้านพักของเอกอัครราชทูตฯ ชายหนุ่มก็เอาแต่อมยิ้มให้ความไม่ประสีประสากับเรื่องพรรค์นี้ เมื่อถึงที่หมาย หญิงสาวเดินนำหน้าไปยังห้องพักของตนเองเพราะยังไม่ได้จัดห้องเตรียมไว้ให้ พระนายเดินตามเธอไปติดๆ ครู่หนึ่งที่ถึงห้องแล้ว สาระก็ยกกระเป๋าขึ้นมาส่งก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน

อมาริสาเว้นระยะห่างให้ชายหนุ่มไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้ง่ายนัก เธอเว้นไว้สองก้าวใหญ่ ชายหนุ่มยังคงอมยิ้มเช่นเดิม

"กลัวผมขนาดนั้นเลย"

"ก็คุณบอกว่าคุณกำลังเปลี่ยว"

ยิ่งกลัวเขา เธอก็ยิ่งน่าแกล้ง พระนายปิดประตูเข้ากรอบและเสียงสปริงล็อกก็ดังถัดมาพร้อมกับหน้าถอดสีของหญิงสาว สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ขายาวก้าวไปด้านหน้าด้วยความมาดมั่น คนตัวเล็กถอยกรูไปจนสุดทางชนเข้ากับขอบเตียง และเขาก็หยุดเมื่อความห่างระหว่างหญิงชายเหลือเพียงแค่คืบ เธอตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับความสูงของชายหนุ่ม ดวงหน้าหวานอยู่ต่ำกว่าแผงอกกว้างเล็กน้อย

มือบางดันอกแกร่งไม่ให้เข้าใกล้มากกว่านี้ ดวงตาคู่สวยปิดสนิทแต่ในหัวกลับจินตนาการเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เขาอาจจะระบายความเปลี่ยนเหงากับเธอ จับขึงพืดบนเตียงแล้วมัดข้อมือเธอด้วยเนกไท จับฟาดก้นสองหน จากนั้น...

"ไม่นะ ฉันยังไม่พร้อม" เธอปฏิเสธเสียงเปลี้ยล้ากำลัง

ยังไม่พร้อม?

แสดงว่าเธอก็ไม่ได้ขัดขืนถ้าเขาจะ... เพียงแต่เธอยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนั้นในเวลานี้

แต่เขาไม่ได้จริงจังมากมาย เพียงหยอกเอินหญิงสาวก็กลัวเขาเสียแล้ว

ตัวเล็กน่าแกล้งชะมัด

"พร้อมอะไรครับ"

"ก็เรื่องอย่างว่าไงคะ ฉัน... ฉันยังไม่พร้อม"

"อ้อ เรื่องที่ผมจะถามคุณน่ะเหรอ"

อมาริสาลืมตาขึ้นเมื่อไออุ่นจากกายชายหนุ่มเจือจางลง เขาถอยห่างจากหญิงสาวออกมาสองก้าว เธอยิ้มเจื่อนเมื่อสิ่งที่เขาพูดขัดกับสิ่งที่เธอคิด

"ถาม.. ฉัน?"

"ครับ เรื่องผู้ชายที่อยู่ในสายด้วย... เมื่อวาน... คุณคิดไปถึงไหน"

หน้าแตกเป็นเสี่ยงทีเดียว คิดไปเองทั้งนั้น พระนายน่ะหรือจะคิดอะไรกับเธอ ถ้าเป็นแอร์.สาวแสนสวยคนนั้นก็ว่าไปอย่าง ทั้งสูงทั้งสวย รูปร่างก็งามงด ต่างจากเธอตัวเล็กเสียเหลือเกินจนบางครั้งตฤณก็แอบแขวะเรียกเธอว่า หมากระเป๋า

อมาริสายืดตัวตรงจัดท่าจัดทางให้ดูสบายขึ้น

"ทำไมเหรอคะ"

"ก็... ถ้าคุณเจอคนนั้นของคุณแล้ว ผมจะได้หลีกทางให้"

คำพูดของเขาช่างสองแง่สองง่ามนัก หลีก... หมายถึงยกเลิกข้อตกลงที่ทำร่วมกัน หรือหลีกทางเพราะเขากำลังคิดจะรุกคืบความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าอีกขั้น อย่างไหนกันแน่

"หลีกทาง หมายความว่ายังไงคะ"

"หมายถึง... ถ้าคุณเจอคนที่คุณจะแต่งงานด้วยแล้ว ผมก็พร้อมจะหย่าให้คุณทันที คุณจะได้ไม่มีปัญหากับเขาคนนั้น ถ้าเขารู้ว่าเราสองคนอยู่ในสถานะไหน"

"จะบ้าเหรอคะ นั่นเพื่อนฉัน ชื่อตฤณ ค่ะ ถ้าจะให้แต่งงานกับเพื่อนตัวเองยอมแก่หงักอยู่บนคานดีกว่าค่ะ"

มุมปากหยักยิ้มพึงพอใจในคำตอบ แม้ไม่เข้าใจว่าตัวเองยิ้มทำไม แต่รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

"ทำไมไม่แต่งงานกับเพื่อนคุณล่ะ อย่างน้อยคุณก็รู้จักเขามากกว่าผม"

"แต่งงานกับตฤณ มีหวังว่าพ่อฉันจะถามหาหลานเช้า กลางวัน เย็น คงจะได้รีบเร่งผลิตลูกในเร็ววัน ฉันก็คงจะติดแหงกอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต"

ชายหนุ่มย่นคิ้วขมวดเป็นปม พึมพำออกไปก่อนจะทันได้คิดทบทวน

"ฮึ่ม! เร่งผลิตลูกในเร็ววัน ไม่ดีแน่"

"อะไรนะคะ"

"เปล่าครับ นี่ห้องผมหรือว่า"

ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ขัดกับความเป็นชายอย่างร้ายกาจ ชมพูหวานแหววลายดอกไม้สไตล์วินเทจในแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ

"ห้องฉันเอง คุณมากะทันหันและไม่รู้จะอยู่กี่วันฉันเลยไม่ได้บอกแม่บ้านจัดห้องไว้ให้ คุณก็นอนบนเตียงนั่นแหละ เดี๋ยวฉันนอนบนโซฟาเอง"

ได้อย่างไรกัน เขาเป็นผู้ชายจะให้ผู้หญิงเสียสละให้ น่าอายที่สุด สองสามีภรรยาโต้วาทีกันอยู่พักใหญ่จึงได้ข้อสรุปว่า พระนายจะนอนที่โซฟาเอง และด้วยความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอน ข้ามฟ้าข้ามทะเลมาหาอมาริสาด้วยเหตุผลใดก็ยังไม่รู้ตัว ทำให้เขาฟุบหลับบนเตียงไปทั้งชุดกัปตันครบเครื่อง ในช่วงสายของวันเขาถึงจะตื่น อมาริสาสั่งให้แม่บ้านทำอาหารไทยเลิศรสไว้ให้พระนาย เธอเขียนโน้ตไว้บนโต๊ะข้างเตียงว่าจะเข้าบริษัท บ่ายๆ ถึงจะกลับ

เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงลงไปนั่งในห้องทานอาหารขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เก้าอี้วางเรียงสองข้างรวมกันเป็นสิบ โต๊ะไม้สั่งทำพิเศษแข็งแรงและสวยสะดุดตา ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าที่ย้อยลงมาจากเพดานกลางโต๊ะอาหาร ส่องแสงวิบวับน่าจับตามอง ไม่แน่ใจนักว่าเก้าอี้ที่กำลังนั่งอยู่นี้จะมาจากแบรนด์ของหลุยส์หรือเปล่า ราวกับถูกสั่งทำเป็นพิเศษเพราะความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เรียบหรูและดูดี ความหรูหราอลังการลามไปถึงช้อนส้อมคู่ที่เขากำลังจับ ปลายด้ามสลักเสลาด้วยทองคำแท้เช่นเดียวกับขอบแก้วน้ำ พานนึกไปถึงคำของมารดา กลัวนักว่าอมาริสาจะมาเกาะลูกชายหวังฮุบสมบัติ อยากให้แม่มาเห็นภาพที่เขากำลังเห็นอยู่นี้ แต่อีกใจก็นึกเห็นใจท่าน หากได้เห็นภาพตรงหน้านี้กลัวจะกลับลำไม่ทัน

เธอมีมากมายจนเหลือล้น มากกว่าที่เขามีเป็นหลายเท่า แต่เธอก็ไม่เคยโอ้อวดความร่ำรวยมากมี ไม่เคยใช้สิ่งที่เธอมีเหนือกว่าข่มมารดาของเขา ยิ่งคิดยิ่งระอาแก่ใจกับสิ่งที่ครอบครัว ไม่สิ เห็นทีคงจะมีแต่แม่ที่ดูถูกเหยียดหยามอมาริสาจนแทบจมดิน

"เฮ้อ..."

"อาหารไม่อร่อยเหรอคะ"

อมาริสาเพิ่งกลับมาถึง แม่บ้านก็รีบแจ้นมาบอกว่าพระนายลงมาทานอาหารแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องรับประทานอาหาร

หญิงสาววางกระเป๋าหรูแบรนด์โปรดของเธอลงบนโต๊ะ และนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม แววตาคงกริบปราดมองกระเป๋าสีดำที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะ เขาจำได้แม่น ครั้งหนึ่งพี่สาวเคยฝากเขาซื้อกระเป๋าแบรนด์นี้ แต่คนละรุ่น วันนั้นสายตาเจ้ากรรมดันจับจ้องแต่ราคากระเป๋ารุ่นใหม่ที่ภรรยาเขาได้จับจองเป็นเจ้าของ ราคามันแพงเป็นบ้า ไม่รวยจริงคงไม่บ้าซื้อมาถือให้โก้หรอก

เธอสูงเกินกว่าเขาจะเอื้อมถึงจริงๆ...

หญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มมองกระเป๋าของเธออยู่นานสองนาน แต่ไม่ยักพูดอะไร เพียงยิ้มหยันแล้วทานอาหารต่อ

"อยากซื้อกระเป๋าให้คุณปัทเหรอคะ"

พระนายเงยหน้าขึ้น ประโยคเมื่อครู่น่าสนใจดี แต่คิ้วเข้มหนากลับย่นเข้าหากันเป็นเชิงถาม

"เห็นคุณมองกระเป๋าฉัน เลยคิดว่าคุณอาจจะอยากซื้อให้คุณปัท"

ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ รู้สึกสมเพชตัวเอง ราคากระเป๋าเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือน

"ผมไม่คิดสั้นขนาดนั้น กระเป๋าใบเดียว เท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของผม"

อมาริสาคิดหนักกลัวชายหนุ่มคิดเป็นอื่นว่าเธออวดร่ำอวดรวย ในหัวพยายามสรรหาถ้อยคำที่ไม่ทำร้ายจิตใจพระนายเพื่อเอ่ยแก้ตัว ไม่ได้จงใจโชว์ความโก้หรู เพียงแต่มันเป็นกระเป๋าใบโปรดที่เธอลืมไว้ที่นี่ ชั่วอึดใจหนึ่งที่ความเงียบก่อตัว อมาริสาจึงทำลายลงก่อนทุกอย่างจะแย่ลงกว่านี้

"ฉันขอโทษค่ะ..." น้ำเสียงผะแผ่วแสดงความรู้สึกผิดอย่างจริงใจ

"ทำไมต้องขอโทษครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด"

พระนายรวบช้อนส้อมเก็บเข้าที่ อาหารน่าทานทั้งนั้นแต่หมดความอร่อยเพราะหัวข้อสนทนาที่เขาอาจจะเป็นคนเริ่มเองโดยไม่ได้เจตนา

"ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้ต้องการทำให้คุณรู้สึกแย่ กระเป๋าใบนี้ฉันก็ไม่ได้ซื้อเองหรอกค่ะ พ่อซื้อให้ตอนเรียนจบ และที่ฉันถามเมื่อกี้นี้ ฉันขอโทษนะคะ คงเสียมารยาทมาก"

"ไม่ครับ ผมไม่ได้คิดมากขนาดนั้น"

"แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณรู้สึกแย่ ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันอยู่เหนือกว่า อยากให้คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง... เท่านั้น"

ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มในขณะนั้นเมื่อหญิงสาวกล่าวจบ น้ำเสียงของเธอร้อนรนรีบแก้ต่างให้ตัวเอง เขาเองก็ผิดที่พูดออกไปแบบนั้น ไม่นึกว่าเธอจะเป็นคนคิดมาก เพียงแค่ความรู้สึกส่วนเล็กน้อยเธอเก็บไปคิดเป็นความว้าวุ่นใจเสียได้

"คุณแคร์ความรู้สึกของทุกคนแบบนี้รึเปล่า" นัยน์ตาหวานฉ่ำมองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตา หรือไม่อาจละสายตาจากเธอกันแน่นะ เธอสวยสะกดสายตา สวยกว่าทุกวัน

"เปล่าค่ะ เพียงไม่กี่คนที่ฉันแคร์" หญิงสาวหลุบตามองโต๊ะไม้มันเงาสะท้อนแสงวาวของโคมไฟระย้า

เธอเหนียมอายเกินกว่าจะเรียนจบจากเมืองนอกเมืองนา เขาคิดเช่นนั้น เพราะเธอหน้าแดง และเธอกัดปากตัวเองเพื่อยั้งอาการเคอะเขินให้แสดงออกอย่างจำกัด แม้จะรู้คำตอบจากอาการม้วนต้วน แต่ยังอยากถามให้มั่นใจ

"ผมอยู่ในเพียงไม่กี่คนนั้นหรือเปล่า"

"ค่ะ..." เสียงหวานล้ำเอ่ยเบา

รอยยิ้มผุดพรายดั่งต้องมนต์ความน่ารักน่าหยอกของหญิงสาว แม้จะเขินอายจนตัวแทบสุก แต่ก็ยังตอบคำถามเขาไม่ทิ้งว่างร้างหนี เธอน่าแกล้งเสียจน... เขาอาจจะอดไม่ไหวในคืนนี้

กระนั้นเธอยังคงเป็นดอกฟ้าที่โน้มกิ่งลงมาเล่นละครตบตากับหมาวัดเพื่อหนีจากฝูงหมาวัดตัวอื่น ชั่วขณะหนึ่งในใจที่ให้ความรู้สึกยาวนานเหมือนฝังลึกในความคิดนานเสียเหลือเกิน

อยากจะลองเสี่ยงเด็ดดอกฟ้ามาดอมดมสักครั้ง...

"เปลี่ยนจากแอร์เมสเป็นวิกตอเรีย ซีเคร็ตได้มั้ย"

"คะ?" เธอรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่มารยาหญิงสอนให้เธอแสร้งโง่ ไม่รู้ความ ใส่จริตตีหน้าซื่อตาใส

"อังคารหน้าวันเกิดคุณ เงินเดือนอย่างผมซื้อแอร์เมสให้คุณไม่ได้ แต่ถ้าเป็นวิกตอเรีย ซีเคร็ต..."

"ทำไมคะ"

"บนรถเมื่อเช้า ผมเกือบทนไม่ไหว... เพราะวิกตอเรีย ซีเคร็ต หรือเพราะคุณกันแน่นะ ผมถึงรู้สึกว่าคุณ... เซ็กซี่" ปลายเสียงแหบพร่าให้ความรู้สึกของคำพูดได้เป็นอย่างดี แววตาฉ่ำปรือของเขายิ่งเร้าอารมณ์ให้ลุกฮือไปกันใหญ่

เมื่อเช้าเขาคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถึงได้เก็บอาการไว้ไม่อยู่เพียงนี้

แก้มชมพูพวงแดงฉ่าขึ้นทันตา ชายหนุ่มใช้สายตาแทะโลมไม่สนใจอาการเอียงอายแก้มสุกปลั่งของเธอแม้สักนิด ไหนจะเสียงแหบพร่าเร่งอะดรีนาลีนแผ่ซ่านชวนสยิวใจ

เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะกัปตันพระนาย หวั่นใจคืนนี้วิกตอเรีย ซีเคร็ตจะเหลือเพียงซาก!

****************************

วิกตอเรีย ซีเคร็ต จะเหลือเพียงซากมั้ยเนี่ยยยย ออมเอ้ย พระนายกำลังเปลี่ยว!!!

จะมีใครอ่านมั้ยนะ ถ้าแวะมาอ่าน คอมเม้นท์แสดงตัวหน่อยเนอะ

อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไงก็บอกกันได้นะคะ จะได้เก็บไปปรับปรุงค่ะ ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจแต่งนิยายขึ้นเยอะเลยค่ะ

ติดตามนิยายอัพเดทได้ที่นี่นะคะ (ธัญวลัยไม่ให้ใส่ลิงค์ค่ะ ตามหาไรท์ได้ตามที่อยู่เพจด้านล่างนะคะ)

www.facebook.com/dinsorjonsalad.pribpandao

หรือพิมพ์ : ดินสอโจรสลัด/พริบพันดาว