ดนตรีในวัฒนธรรมจีน 1. ดนตรีในวัฒนธรรมจีน Show ชาวจีนแบ่งประเภทของเครื่องดนตรีตามลักษณะของวัสดุที่ใช้ทำเครื่องดนตรีนั้นๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 8 ประเภทได้ดังนี้ เครื่องดนตรีในวัฒนธรรมจีน 1. กู่เจิง เป็นเครื่องสาย ใช้วิธีดีดในการบรรเลง เป็นเครื่องดนตรีโบราณของจีน มีประวัติยาวนานประมาน2500ปี 2. ขลุ่ยจีน เป็นเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ไผ่ แม้จะเป็นเครื่องดนตรีที่ดูเหมืนขลุ่ยทั่วไป แต่มีความเป็นมามากถึง7000 ปี รูปลักษณ์และวิธีการบรรเลงต่างจากขลุ่ยไทย ในสมัยก่อนขลุ่ยทำมาจากกระดูกสัตว์ ต่อมาได้นำไม้ไผ่มาทำขลุ่ยแทน และมีวิวัฒนาการต่อไปเรื่อยๆนำวัสดุอื่นๆมาทำขลุ่ย เช่น ขลุ่ยหยก ขลุ่ยเซรามิค ขลุ่ยแก้ว เป็นต้น
3.เอ้อหู เป็นเครื่องสาย มีลักษณะคล้ายซอ มช้คันชักสีเพื่อทำให้เกิดเสียง
4. ผีผา ผีผา มีลำตัวยาวรีคล้ายลูกสาลี่ผ่าซีก มีคันทวนยาว ซึ่งมีทั้งคันทวนตรง และคันทวนงอน มีหลายขนาด โดยมีสายทำด้วยไนล่อน 4 – 5 สาย ด้านบนลำตัวมีผิ่นที่ทำด้วยไม้ อยู่ใต้สายของผีผา ประมาณ 9-13 อัน สำหรับรับนิ้วเวลากดสาย คล้ายกับซึงของไทย
5. แคนจีน เครื่องดนตรีที่ใช้วิธีการเป่าในการบรรเลง ททำจากไม้ไผ่ มีประวัติยาวนานกว่า2400 ปี 6. เปียนจง เครื่องดนตรีมีลักษณะคล้ายระฆังราว ทำจากโลหะ ใช้วิธีการตีเพื่อทำให้เกิดเสียง
ดนตรีในวัฒนธรรมพม่าดนตรีในวัฒนธรรมพม่า ประเทศพม่ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก เพราะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ รวมทั้งกลุ่มวัฒนธรรมชาติอื่นๆ มมีทั้งดนตรีแบบแผนพระราชสำนัก ดนตรีราษฎร บรรเลงประกอบพิธีทางศาสนาและ บรรเลงเพื่อความบันเทิง ซายวาย สามารถเรียกได้ทั้ง 2 อย่าง 1. เครื่องดนตรีคือ เปิงมางคอก 2. วงดนตรีซายวาย คือวงดนตรีเปิงมาง และอาจเรียกวงปี่พาทย์ชนิดนี้ว่า ปัตซาย ส่วนตัวเปิงมางคอกนั้น จะเรียกว่า ปัตวาย ซายวายเป็นวงดนตรีประจำชาติของพม่า ที่ใช้ในงานพิธีและงานบันเทิง มีเล่นทั้งในงานหลวง งานวัด และงานราษฎร์ ปัจจุบันพม่ายังคงมีความนิยมนำวงซายวายมาเล่นในงานพิธีต่างๆ เช่น งานบวช งานเจาะหู งานทรงเจ้า งานรับปริญญา และงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
จีวาย (Kyiwaing)จีวาย เป็นเครื่องดนตรีประเภทเดียวกันกับฆ้องวงของไทยเพียงแต่ร้านฆ้องทำด้วยไม้ปิดทองประดับกระจกเช่นเดียวกับ มองวาย จีวายชุดหนึ่งมี21 ลูก ใช้บรรเลงทำนองเพลง ฆ้องวงพม่าเรียงลูกฆ้องตามแนวนอนเช่นเดียวกับฆ้องไทย แต่ฆ้องมอญเรียงตามแนวนอนและตั้งขึ้นทั้งสองข้างคล้ายตัว U ภาษาท้องถิ่นเรียก จีวาย ว่า จีนอง ก็มี มองซาย (Maung zaing)มองซาย คือ ฆ้องรางชุด เป็นเครื่องดนตรีที่ประกอบด้วยฆ้องปุ่มขนาดต่างๆ กัน แขวนไว้ รางที่เป็นกรอบไม้ตรงๆรูปสี่เหลี่ยมไม่มีการประดับตกแต่งอย่างจีวาย หรือ มองซาย มีลูกฆ้องทั้งสิ้น 18–19 ลูก เรียงกันเป็น 5 แถว ลูกฆ้องของมองซาย มีขนาดใหญ่กว่า จีวาย รางฆ้องจะวางราบกับพื้น ยกเว้นกรอบที่บรรจุฆ้องลูกใหญ่ชุดที่เสียงต่ำที่สุดจะวางพิงไว้กับ จีวาย เมื่อออกแสดง มองซายเป็นเครื่องดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ในราวปี 1920 – 1930 ซองเกาะซองเกาะ มีลักษณะเป็นพิณที่มีคอโค้งงอยาวสวยงามเหมือนกับคันธนู และมีฐานที่ทอดนอนลงไปไว้สำหรับการวางเล่นบนหน้าตัก สายของพิณซึ่งอาจจะทำจากเส้นไนลอนหรือเอ็นจะถูกขึงจากส่วนคอหรือส่วนที่เหมือนคันธนูของตัวพิณไปยังส่วนตัวพิณ เป็นการขึงแบบขึงทแยง ปลายของสายทุกเส้นมักจะมีการประดับตัวสายด้วยพู่สีแดง เพิ่มความสวยงามและสื่อถึงความสูงศักดิ์ให้แก่ตัวพิณ ซองเกาะมีขนาดมาตรฐานคือยาว 80 เซนติเมตร กว้างและลึก 16 เซนติเมตร ความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร วงดนตรีพม่า
ดนตรีในวัฒนธรรมเวียดนามเครื่องดนตรีของเวียดนามนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะประกอบด้วยเครื่องดนตรี 5 ชิ้น คือ nhi , tranh , nguyet , ty และtam เรียกว่าการรวมตัวของเครื่องดนตรี 5 ชิ้น ที่สมบูรณ์แบบ เครื่องดนตรีเหล่านี้อาจจะดูเป็นองค์ประกอบที่ธรรมดาแต่กลับสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างจับใจผู้ฟัง Nhi หรือ dan nhi เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย (เครื่องสี) เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายเครื่องดนตรีจีนคือ erhu และคล้ายซอด้วงของไทยมีเสียงสูงต่ำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและมีเสียงที่มีความชัดเจน nhi ประกอบด้วยสาย 2 สาย ขึงบนกล่องเสียงที่มีลักษณะยาว สาย 2 สายนี้ทำมาจากไหมถัก และที่หุ้มกล่องเสียงนั้นทำมาจากหนังงู แต่ในปัจจุบันนั้นเครื่องสายแบบนี้จะทำมาจากลวดและกล่องเสียงไม้ เวลาเล่นจะวางไว้บนเข่าของนักดนตรี Dan tranh เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย (เครื่องดีด) เป็นเครื่องสายที่มีลักษณะคล้ายพิณซึ่งมี 16 สายและยาวประมาณ 40 นิ้วหรือ ประมาณ 100 เซนติเมตร ใช้ทั้งเป็นเครื่องดนตรีเล่นเดี่ยวและเล่นเป็นวง เครื่องดนตรีชนิดนี้ประดิษฐ์ขึ้นโดยจักรพรรดิ Phuc Hi ของจีน ในปัจจุบัน dan tranh เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและเป็นเครื่องดนตรีที่นักเรียนหญิงชาวเวียดนามเลือกเรียน Kim หรือ dan nguyet เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย (เครื่องดีด) มีลักษณะคล้ายกีตาร์ค่อนข้างยาว มีวิธีการจับเหมือนกีตาร์ ประกอบด้วยสาย 2 สาย มีเสียงที่นุ่มนวล เครื่องเป่า ได้แก่ ปี่ และ ขลุ่ยเวียดนาม สำหรับปี่นั้นมีลักษณะคล้ายปี่ชวาของไทย ให้เสียงแหลมเล็ก สำหรับขลุ่ยเวียดนามนั้นมีลักษณะคล้ายขลุ่ยจีน มีรูให้เสียง 6 รู มีรูเป่าอยู่ด้านข้างของขลุ่ยคล้ายฟลูท ความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ให้เสียงแหลมเล็กรวมถึงนุ่มนวลอีกทั้งสามารถทำเลียนเสียงของนกได้ด้วย dan bau เป็นดนตรีอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก เป็นพิณน้ำเต้าสายเดี่ยวแบบโบราณ เสียงของ dan bau นี้มีเสน่ห์มากจนกระทั่งมีคำกล่าวที่ว่า ให้ผู้หญิงระวังผู้ชายที่เล่น dan bau ให้ดีเพราะมิเช่นนั้นแล้วอาจจะตกหลุมรักนักดนตรีโดยไม่รู้ตัว เครื่องดนตรีประเภทประกอบเครื่องประกอบจังหวะ มีทั้งที่ทำจาก เครื่องหนัง โลหะ ไม้ กระเบื้อง เป็นต้น เช่น กลอง จากภาพมีลักษณะภาพรวมคล้ายกลองชุด มีส่วนประกอบทั้งที่ทำจากหนังสัตว์ในส่วนของหน้ากลอง ที่ทำจากโลหะในส่วนของฉาบ และที่ทำจากไม้ การตีกลองของเวียดนามนั้นมีลักษณะเฉพาะตามลักษณะชุดการแสดงและเพลงที่บรรเลงนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ ที่ทำจากกระเบื้องให้เสียงแหลมเล็ก และที่ทำจากไม้มีลักษณะหน้าที่การบรรเลงคล้ายกรับ แต่มีลูกเล่นแพรวพราว วงดนตรีเวียดนาม
. ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดียมรดกทางวัฒนธรรมของดนตรีอินเดีย แบ่งออกได้เป็น 2 ฝ่าย คือ ดนตรีประจำชาติฝ่ายฮินดู และฝ่ายมุสลิม -มุสลิมจะอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ -อิทธิพลของดนตรีฮินดูจะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ -สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็ได้ชาวอินเดียจะใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อติดต่อกับพระเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ตนเองเคารพนับถืออยู่ ระบบเสียงดนตรีอินเดีย การจัดระบบเสียงที่มีลักษณะเฉพาะอย่างเป็นระบบ เป็นหมวดหมู่เช่นเดียวกับดนตรีตะวันตกมีโน้ตเต็มเสียง 7 โน้ต โน้ตเพี้ยนเสียงสูงและเพี้ยนต่ำ 5 เสียง บันไดเสียงต่าง ๆ และที่เป็นลักษณะเด่นของดนตรีอินเดีย คือ การนำเสียงในแต่ละบันไดเสียงมาจัดเป็นกลุ่มเสียงเพื่อนำมาใช้บรรเลงในเวลาที่กำหนดการจัดระบบชุดเสียงจากบันไดเสียงหลักนี้จะเรียกว่า ราคะ (Raga) โน้ตเสียงเต็มในดนตรีอินเดีย เรียกว่า สุทธะ สวระ มีทั้งหมด 7 โน้ต คือ สา (sa) รี (re) กา (ga) มา (ma) ปา (pa) ธา (dha) และนี (ni) ซึ่งโน้ตทั้ง 7 นี้ เชื่อว่าเกิดจากการเลียนแบบเสียงร้องของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ดังนี้ เมื่อนำโน้ตเต็มเสียงของอินเดีย ทั้ง 7 โน้ตมาเปรียบเทียบกับโน้ตดนตรีตะวันตก จะได้ ดังนี้ ราคะ (Raga) ราคะ คือ ชุดของเสียงดนตรีที่เลือกมาจากบันไดเสียงถาตะ บันไดเสียงใดบันไดเสียงหนึ่ง จำนวนอย่างน้อย 5 เสียง นำมาจัดระเบียบเรียงไว้เป็นชุด ๆ มีทั้งเสียงขาขึ้นและขาลงเหมือนอย่างดนตรีตะวันตก ราคะแต่ละชุด จะต้องนำไปใช้บรรเลงในเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพราะชาวอินเดียเชื่อว่าการประกอบกิจกรรมใด ๆ จะต้องทำให้เหมาะสมกับกาลเวลา ถ้าทำถูกกาลเวลาพระผู้เป็นเจ้าจะประทานพรให้ ดลบันดาลแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้
แต่ถ้าทำไม่ถูกกาลเวลา พระผู้เป็นเจ้าจะดลบันดาลให้พบกับเคราะห์ร้ายนานาประการ บันไดเสียง 1 บันไดเสียง สามารถนำเสียงต่าง ๆ มาจัดเรียงให้เป็นราคะได้มากกว่า 1 ราค เครื่องดนตรีอินเดียซีต้าร์ วงดนตรีอินเดีย
ดนตรีในวัฒนธรรมอินโดนิเซียดนตรีของอินโดนีเซียที่เป็นที่รู้จักของชาวโลก คือ ดนตรีกาเมลัน(Gamelan Music) เป็นวงที่ประกอบด้วยเครื่องที่ทำด้วยโลหะชนิดต่าง ๆ ทั้งเหล็ก ทองเหลือง และสำริด เป็นหลัก เครื่องตีในวงกาเมลันส่วนหนึ่งมีรูปร่างคล้ายฆ้องวงของไทย แต่มีขนาดใหญ่กว่ามีชื่อเรียกต่างกันไป อีกส่วนหนึ่งก็คล้ายกับระนาดเหล็กของไทย แตกต่างกันที่จำนวนของลูกระนาดและลักษณะของรางที่นำมาใช้วางลูกระนาด การเล่นดนตรีการเมลันเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินโดนีเซีย เสียงดนตรีกาเมลันจะได้ยินทั้งในโรงเรียน ในวัด ในวัง และสถานีวิทยุกระจายเสียง โอกาสที่จะบรรเลงก็แตกต่างกันไป มีทั้งบรรเลงในพิธีศักดิ์สิทธิ์ บรรเลง ในงานรื่นเริง บรรเลงรับและส่งเจ้านาย บรรเลงการประกอบการแสดงต่าง ๆ วงดนตรีอินโดนิเซีย
ดนตรีในวัฒนธรรมกรีก อารยธรรมโบราณทางภาคพื้น ยุโรปตะวันออก เกิดทีหลังภาคพื้นเอเชียตะวันออกซึ่งเกิดขึ้นก่อนคริสต์ศักราช 3,000 ปี ความเจริญในศิลปวัฒนธรรมของยุโรปตะวันออกเกิดขึ้นเมื่อ1,000ปีก่อนคริสต์ศักราช ความเจริญดังกล่าว
สูงสุดอยู่ที่ประเทศกรีกซึ่งยกย่องดนตรีเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์สามารถใช้ในการชำระล้างบาป และมลทินทางใจได้สามารถรักษาบำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้ นอกจากนี้ดนตรียังได้รับการยกย่องเป็นศิลปะชั้นสูงควรแก่การศึกษาวัฒนธรรมตะวันตกถูกผูกติดอยู่กับชาวกรีกโบราณและชาวโรมันอย่างปฎิเสธไม่ได้ความสมบูรณ์ความยอดเยี่ยมของความสวยงามและศิลปะมีต้นกำเนิดจากกรีก รวมทั้งทางปรัชญาของกรีก 1. Mythical Period จากเริ่มต้นถึง 1,000 ปี ก่อนคริสต์กาล (1,000 B.C.) ในสมัยนี้ได้ ส่วนพิธีกรรมของเทพเจ้าไดโอนีซัส (Dionysus) นั้นถือว่าเป็นไปในทางตรงกันข้ามคือสื่อถึงความป่าเถื่อนอึกทึกครึกโครม สนุกสนาน ความลึกลับ และความมืด เทพนิยายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดนตรีคือ บรรดาเทพ 9 องค์ เป็นธิดาของเทพเจ้าซีอุส ซึ่งเป็นเทพประจำสรรพวิทยาและศาสตร์แต่ละชนิด 2. Homeric Period 1,000 – 700 (B.C) โฮเมอร์ (Homer) เป็นผู้ก่อตั้งสมัยนี้ และในสมัยนี้มีบทร้อยกรอง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชนชาติ เกิดขึ้นจากการเดินทางผจญภัยของโฮเมอร์ ต่อมาบทร้อยกรองหรือ
มหากาพย์ของโฮเมอร์ ได้กลายเป็นวรรณคดีสำคัญซึ่งชาวกรีกนำมาขับร้อง ผู้ที่ขับร้องมหากาพย์จะดีดพิณ 4. Classical Period 550-440 B.C. ในสมัยนี้ได้มีการสร้างโรงละครกลางแจ้ง ตั้งอยู่ระหว่างซอกเขาที่มีเนินลาดโอบล้อมอยู่สามด้านเป็นอัฒจันทร์ที่นั่งคนดูซึ่งจุคนได้เป็นจำนวนมากและยังเห็นการแสดงได้ชัดเจนไม่มีการบังกัน อัฒจันทร์คนดูนี้เซาะเป็นขั้นบันไดสูงขึ้นไปตามไหล่เขาที่ลาดชันโดยโอบล้อมบริเวณที่ใช้แสดงเป็นพื้นที่ราบอยู่ต่ำลงไปเป็นรูปวงกลมหรือครึ่งวงกลม ซึ่งเรียกบริเวณว่า ออร์เคสตรา (Orchestra) ใช้เป็นที่แสดงของพวกคอรัสซึ่งยังคงความนิยมติดมากับการแสดง 5. Hellinistic Period 440-330 B.C. ถ้าได้ยินดนตรีที่กระตุ้นอารมณ์ที่ทำให้จิตใจต่ำบ่อย ๆ เข้าก็ทำให้เขาพลอยมีจิตใจต่ำ บันไดเสียงทั้งสองข้างต้นทำให้เกิดอารมณ์กล้าหาญและสุภาพเรียบร้อย เปลโตเชื่อว่า |