เป็นทั้งพระน้านางและพระมารดาเลี้ยง ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ เสด็จออกผนวชได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว เสด็จไป โปรดพระประยูรญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนคร และทรงแสดง ธรรมกถา โปรดพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา ในระหว่างถนน ให้ดำรงอยู่ในอริยภูมิ ชั้นพระ โสดาบัน ครั้นวันที่ ๒ เสด็จเข้าไปรับอาหารบิณฑบาต ในพระราชนิเวศน์ ทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา และพระน้านาง ยังพระบิดาให้ดำรงอยู่ในพระสกทาคามี ยังพระน้านางให้บรรลุพระโสดาปัตติ ผล และในวันรุ่งขึ้น(วันที่ ๓) ทรงแสดงมหาปาลชาดก โปรดพระเจ้าสุทโธทนะ พอจบลง พระพุทธบิดา ทรงบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ชั้นพระอนาคามี ขอบวชแต่ผิดหวัง ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว เข้าสู่ปรินิพพาน เมื่อการ ถวายพระเพลิง พระบรมศพเสร็จสิ้นลงแล้ว พระนางมหาปชาบดีโคตรมี รู้สึกว้าเหว่พระทัย มีพระ ประสงค์จะทรงผนวช ในพระพุทธศาสนา จึงเสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดา ที่นิโครธาราม กราบทูล ขออุปสมบท แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต ให้สตรีบวชในพระพุทธศาสนา พระนางกราบทูล อ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง ก็ไม่เป็นผล รู้สึกผิดหวังเศร้าโศกโทมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงกราบทูลลาเสด็จ กลับพระราชนิเวศน์ พระบรมศาสดาประทับ ณ นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ โดยสมควรแก่พระอัธยาศัยแล้ว พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์บริวาร เสด็จไปยังพระนครเวสาลีประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน พระอานนท์ช่วยกราบทูลจึงได้บวช ขณะนั้น พระอานนท์ผ่านมาพบ จึงสอบถาม ทราบความโดยตลอดแล้ว พระเถระรู้สึกสงสาร คิดจะช่วยพระนาง จึงเข้าเฝ้ากราบทูลถามพระ พุทธองค์ว่า:-
“ดูก่อนอานนท์ ถ้าปชาบดีโคตรมี รับประพฤติครุธรรม ๘ จากพระผู้มีพระภาคโดยลำดับ คือ:- ๑.
ภิกษุณีแม้อุปสมบทแล้วได้ ๑๐๐ พรรษา ก็พึงเคารพกราบไว้ พระภิกษุ แม้ อุปสมบทได้วันเดียว ๗. ภิกษุณี จะกล่าวอักโกสกถาคือ ด่าบริพาษภิกษุ ด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่งมิได้ พระเถระจดจำนำเอาครุธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ มาแจ้งแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี พระ น้านางได้สดับแล้ว มีพระทัยผ่องใสโสมนัส ยอมรับปฏิบัติได้ทุกประการ พระพุทธองค์จึง ประทาน การอุปสมบทให้แก่พระน้านาง สมเจตนาพร้อมศากยขัดติยนารี ที่ติดตามมาด้วยทั้งหมด เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้อุปสมบทสำเร็จเป็นนางภิกษุณีแล้ว เรียนพระ กรรมฐานในสำนักพระบรมศาสดา อุตสาห์บำเพ็ญเพียรด้วยความไม่ประมาท ไม่นานนักก็ได้ บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยภิกษุณีบริวารทั้ง ๕๐๐ รูป และได้บำเพ็ญกิจพระศาสนา เต็มกำลัง ความสามารถ ลำดับต่อมา เมื่อพระศาสดาประทับ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร ทรงสถาปนาภิกษุณี ใน ตำแหน่งเอตทัคคะ หลายตำแหน่ง พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า พระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นผู้มีวัยวุฒิสูง คือ รู้กาลนาน มีประสบการณ์มาก รู้เหตุการณ์ต่าง ๆ มาตั้งแต่ต้น จึงทรง สถาปนาพระนาง ในแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ในฝ่ายผู้รัตตัญญู คือ ผู้รู้ ราตรีนาน อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : |