ข้อมูลผลงานนวัตกรรม- • รายละเอียดของผลงานนวัตกรรม ประเภทสิ่งประดิษฐ์ : สิ่งประดิษฐ์ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ปี 2563 ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้น ราคาสินค้าสูงขึ้น ทำให้มีหลายครอบครัวที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือของใช้ หรือแม้แต่ผงซักฟอง ที่ต้องใช้เป็นประจำทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงคิดวิธีการหาของมาทดแทนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งนั่นก็คือน้ำยาซักผ้าจากน้ำซาวข้าว สรุปได้ว่า น้ำยาซักผ้าสูตรชีวภาพจากน้ำซาวข้าว มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือมากกว่าผงซักฟองทั่วไป ทั้งนี้ยังทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง อุปกรณ์หาได้ง่าย สามารถสร้างรายได้ได้ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ประดิษฐ์ • ความร่วมมือที่แสวงหา : ถ่ายทอดเทคโนโลยี, เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ • วันที่เผยแพร่ผลงาน : 15 กันยายน 2564 • ระดับความพร้อมของนวัตกรรม : TRL-7 นำผลงานไป ทดลองใช้แล้ว • ความต้องการในการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ : Directory ประชาสัมพันธ์เท่านั้น • ราคาของผลงานนวัตกรรม : ยังไม่ได้กำหนดราคา สถานที่เยี่ยมชมผลงานนวัตกรรม+ ข้อมูลกรรมสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา+ รายละเอียดเจ้าของข้อมูล+ น้ำยาซักผ้าสูตรชีวภาพ จากน้ำซาวข้าว • ราคาของผลงานนวัตกรรม : ยังไม่ได้กำหนดราคา • จุดเด่นของผลงานนวัตกรรม : น้ำยาซักผ้าที่เราได้จากน้ำซาวข้าว มีส่วนผสมคือN70ซึ่งสารเคมีที่ใช้ในการทำแชมพู
ครีมอาบน้ำซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังภายใน และผงฟองที่ทำให้เกิดฟองนั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือมากกว่าผงซักฟอกตามท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในเครือเรือนได้ • ชื่อเจ้าของข้อมูล : สำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา • ประเภทผลงานนวัตกรรม : ผลงานนวัตกรรม • หมวดหมู่นวัตกรรม : อื่นๆ • ระดับนวัตกรรม : TRL-7 นำผลงานไป ทดลองใช้แล้ว • ความร่วมมือที่แสวงหา : ถ่ายทอดเทคโนโลยี, เสาะหาผู้รับอนุญาตใช้สิทธิ
• ความต้องการจำหน่าย : Directory ประชาสัมพันธ์เท่านั้น วันที่เผยแพร่: 15 กันยายน 2564 | ผู้เยี่ยมชม: 194 คงไม่มีใครอยากจะใส่เสื้อนักเรียนที่มีคราบเหลืองๆ แน่นอนจริงไหม? วันนี้เราจะมานำเสนอเรื่องราวของ 10 สูตรซักผ้าขาวให้เหมือนใหม่ หมองแค่ไหนก็กลับมาขาวจั๊วะ จะขาวแค่ไหน และง่ายแค่ไหนไปชมพร้อมๆกันได้เลย 10.สูตรน้ำซาวข้าว รู้หรือไม่ว่าน้ำซาวข้าวที่เราเททิ้งนั้นมีประโยชน์มาก เพราะมันสามารถซักผ้าขาวของเราให้ขาวสะอาดได้ด้วยนะ โดยนำผ้าขาวไปซักแล้วแช่ไว้ในน้ำซาวข้าวผสมน้ำเปล่าประมาณ 2-3 นาที แล้วค่อยนำผ้าขาวมาซักอีกครั้ง 9.สูตรบอแรกซ์และน้ำส้มสายชู สูตรนี้เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มพลังกำจัดคราบได้อีกทางหนึ่ง เริ่มจากผสมบอแรกซ์ ½ ถ้วยตวงเข้ากับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง เทผสมลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนซักผ้าขาวตามปกติ 8.สูตรเบกกิ้งโซดา นอกจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยทำความสะอาดบ้านได้แล้ว ยังทำให้ผ้าขาวเหมือนใหม่ได้อีกด้วย โดยการเทเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก ก่อนนำผ้าขาวมาซักทำความสะอาดตามปกติ ผ้าขาวของคุณก็จะขาวสะอาดเหมือนใหม่เลยล่ะ 7.สูตรกรดซาลิก หากผ้าขาวสะอาดเลอะคราบสนิมเหล็ก กำจัดคราบออกได้ โดยผสมกรดซาลิกประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง ป้ายส่วนผสมที่ได้ลงบนคราบแล้วขยี้ แต่ถ้ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่ แนะนำให้ซักด้วยแอมโมเนียซ้ำอีกครั้ง แต่วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกรดซาลิกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ 6.สูตรแอมโมเนีย แอมโมเนียช่วยให้ผ้าขาวคุณขาวสะอาดได้เหมือนกัน โดยการผสมแอมโมเนียมาผสมกับน้ำเปล่าให้เจือจาง แล้วนำไปซักผ้าขาวพร้อมผงซักฟอก แต่มีข้อแม้ว่าอย่าผสมแอมโมเนียกับผงซักฟอกโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ 5.สูตรสารฟอกขาว นำสารฟอกขาวชนิด คลอรีน บลีช (Chlorine bleach) มาผสมกับน้ำเปล่าตามขั้นตอนที่ฉลากกำกับไว้ แล้วแช่ผ้าขาวทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนนำไปซักคราบออกให้เกลี้ยงเกลา 4.สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กันน้ำยาล้างจาน อีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ในการกำจัดคราบที่เป็นสาเหตุทำให้ผ้าขาวหม่นหมอง ด้วยการผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ส่วนต่อน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน เทลงบนคราบ แล้วขยี้จนกว่าคราบจะหายไป ก่อนนำไปซักตามปกติอีกครั้ง 3.สูตรไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หากผ้าขาวมีคราบเลอะจนทำให้เกิดคราบหมอง ให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ½ ถ้วยตวง กับเบกกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง และน้ำเปล่าอีก 1 ถ้วยตวง เพื่อนำมาซักกับผ้าขาวแทนการใช้ซักผงฟอกตามปกติ 2.สูตรน้ำส้มสายชู สูตรนี้ให้ทำหลังจากซักเสร็จแล้ว โดยให้นำเสื้อมาซักน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงผสมน้ำเปล่าอีกครั้ง ก่อนนำไปตากให้โดนแดด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผ้าขาวกลับมาใหม่และทำลายคราบหมองจนเกลี้ยง 1.สูตรน้ำมะนาว รสชาติเปรี้ยวเข็ดฟันของน้ำมะนาวนี่แหละ คือตัวช่วยดี ๆ ที่ทำให้ผ้าขาวกลับมาขาวสดใสได้อีกครั้ง โดยการผสมน้ำมะนาว ½ ถ้วยตวงลงในน้ำผงซักฟอก แล้วนำเสื้อมาแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือ 1 คืนก่อนนำไปซักตามวิธีปกติอีกครั้ง หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : |