“น้ำตาเทียม” มีสี-ทำให้เย็น ไม่อันตราย ชี้ อ้างนำเข้าจากญี่ปุ่นอาจเจอของปลอมเผยแพร่: 7 ก.พ. 2560 18:36 ปรับปรุง: 7 ก.พ. 2560 21:11 โดย: MGR Online Show
จักษุแพทย์ ชี้ “น้ำตาเทียม” จากญี่ปุ่น สุ่มเสี่ยงเจอของปลอม เหตุไม่รู้แหล่งผลิตแน่ชัด ชี้ เป็นยาต้องขึ้นทะเบียนการขายก่อน ย้ำ ลักลอบหิ้วมาขายมีความผิด เผยยาหยอดตามีสี - ทำให้เย็นแสบ ไม่มีอันตรายต่อดวงตา ห่วงยาหยอดตาสารสเตียรอยด์ แพทย์ต้องสั่งใช้เท่านั้น นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กว่าถึงกรณีน้ำตาเทียมจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้ ว่า ตัวน้ำตาเทียมที่มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยอ้างว่า เป็นของประเทศญี่ปุ่น ตนไม่แน่ใจในแหล่งของการผลิตจึงไม่ทราบว่าจะมีสารประกอบใดบ้าง แต่หากมีการหิ้วเข้ามาขายเองในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน เพราะน้ำตาเทียมถือเป็นยา ต้องมีการขึ้นทะเบียนการขายที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงจะขายได้ อีกทั้งที่พบว่ามีการขายตามอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ก็ไม่น่าเชื่อได้ว่าเป็นของแท้ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้มีเครื่องสำอาง และยาปลอมขายกันอย่างเป็นจำนวนมาก เช่น ที่เห็นขวดเป็นภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะถูกทำปลอมขึ้นมาได้ ส่วนที่พบว่าใช้น้ำตาเทียมไประยะเวลาหนึ่งแล้วมีอาการเคือง เจ็บตา อาจเป็นเพราะใช้น้ำตาเทียมแบบรายเดือนแล้วเกิดแพ้สารกันเสียเข้า หากพบว่ามีอาการก็ควรหยุดใช้ทันที อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบที่ใช้วันเดียวแล้วทิ้ง แต่ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่า ทั้งนี้ การแพ้สารกันเสียไม่ได้เป็นกันทุกคนมีแค่บางคนเท่านั้นที่แพ้ เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน นพ.ปานเนตร กล่าวว่า ส่วนกรณียาหยอดตาหรือน้ำตาเทียมจากประเทศญี่ปุ่นมีสีสัน และบางตัวเมื่อหยอดแล้วจะมีอาการเย็น แสบ ตามปกติน้ำตาเทียมจะไม่มีสารที่ทำให้เกิดสี แต่ที่เห็นมีสีอาจจะเป็นได้ว่าใส่เพื่อให้เกิดความดึงดูดใจน่าซื้อหามาใช้ และอาจจะเป็นการใส่สีที่ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ส่วนที่น้ำตาบางตัวหยอดแล้วมีอาการเย็น แสบนั้น เกิดขึ้นได้ เนื่องจากจะมีสารที่ใส่แล้วทำให้เกิดอาการเย็นอยู่แล้ว ที่ประเทศไทยเองก็มีน้ำตาเทียมบางตัวที่หยอดทำให้เย็นแสบ แต่ไม่ได้เป็นอันตราย จะมีอันตรายก็เฉพาะน้ำตาเทียมบางตัวที่ผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งแพทย์จะจ่ายน้ำตาเทียมที่ผสมสารสเตียรอยด์ให้ก็ต่อเมื่อแจ้งแพทย์ว่า มีอาการเคืองตา เจ็บตา แต่ยาตัวนี้แพทย์จะให้ใช้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ให้ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะส่งผลให้เป็นต้อกระจก หรือต้อหินได้ “อยากแนะนำประชาชนว่า เมื่อมีอาการตาแห้ง แสบ หรือเคืองตา สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุในการเกิดของอาการ เช่น บางคนอาจจะโดนแดด โดนลมมากเป็นทำให้ตาแห้ง แพทย์จะแนะนำให้ใส่แว่นกันแดดกันลม บางคนอาจจะอ่านหนังสือ หรือจอคอมพิวเตอร์ใช้สายตาเป็นเวลานานทำให้ตาแห้งได้ เพราะร่างกายคนเรานั้นจะกระพริบตาทุก 15 - 20 วินาที เมื่อเพ่งกับอะไรนานๆ ก็จะพบว่าเราไม่ได้กะพริบตาทำให้น้ำตาไม่ลงมาหล่อเลี้ยงดวงตา ก็ต้องพักดวงตาบ้าง เช่น ใช้สายตา 30 นาที ก็หลับตาพักสัก 3 - 5 นาที ซึ่งแพทย์ก็จะมีวิธีรักษาที่ต่างกันไปในแต่ละบุคคลไม่ได้แนะนำให้ทุกคนใช้น้ำตาเทียมกันหมด เพราะหากใช้น้ำตาเทียมมากๆระบบดวงตาจะทำงานผิดปกติ ถ้าตาแห้งแล้วหยอดน้ำตาเทียมตลอด ร่างกายก็จะไม่บังคับให้ผลิตน้ำตาเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเอง” นพ.ปานเนตร กล่าว นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา หรือหมอแมว แพทย์แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลยันฮี จากเฟซบุ๊กเพจ ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ระบุถึงอันตรายที่อาจมาจากการซื้อน้ำตาเทียมจากญี่ปุ่นใช้เองว่า อาจเผลอซื้อยาหยอดยามาใช้แทน ใช้บ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้
นพ.พิรัตน์ ระบุว่า “ในท้องตลาดจะมีผลิตภัณฑ์หยอดตาจากญี่ปุ่นที่เอามาขายกันแบบออนไลน์ หลายอันจะเขียนว่า น้ำตาเทียม หรือบางครั้งก็เขียนว่า น้ำตาเทียม/ยาหยอดตา บางอันมีสูตรเย็น บอกว่าใช้แล้วตาโล่ง เมื่อเป็นน้ำตาเทียม ความเข้าใจของคนทั่วไปคือ สามารถหยอดตาได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไร ปัญหาคือ บางครั้งของที่เขียนว่าเป็นน้ำตาเทียมมันไม่ใช่น้ำตาเทียม แต่มันเป็นยาหยอดตาในตระกูลยาแก้แพ้ อาจมีบางอันที่มีส่วนผสมของ - Tetrahydrozoline ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์หดเส้นเลือด ทำให้คนที่กำลังเคืองตาตาแดงอยู่รู้สึกว่าอาการเคืองลดลง - Cholorpheniramine เป็นยาแก้แพ้ - สารทำให้เย็น ในพวกการบูร เมนทอล เปปเปอร์มินต์ ถ้ามีส่วนผสมของยาที่ลดขนาดหลอดเลือด เวลาใช้ช่วงแรกๆ จะตาโล่งมาก เพราะมันไปลดขนาดหลอดเลือดแดงที่ตา (เวลาตาแดง เรารู้สึกไม่สบายตาเพราะเส้นเลือดที่บวมขึ้น) แต่ยาในกลุ่มนี้เวลาใช้นานๆ มันจะเริ่มไม่ได้ผล แล้วพอหยุดใช้ปุบปับก็จะเสี่ยงต่อการเกิดอาการตาแดง (จากการหยุดใช้ยา) จนต้องกลับไปใช้ใหม่ หรือไม่ก็ใช้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม และหากใช้ไปนานๆ ก็เสี่ยงตาแห้งด้วย ดังนั้น ก่อนใช้ ดูดีๆ ว่ามันคือน้ำตาเทียมจริงๆหรือยาหยอดตา อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้ว ไม่แนะนำให้ซื้ออะไรที่อ่านฉลากไม่ออกมาใช้กับร่างกาย ถ้ากำลังจะกดสั่งซื้อ ขอให้เอาภาพไปค้นในกูเกิล แล้วอ่านส่วนผสม “จากประเทศต้นทาง” จะมั่นใจกว่า เรื่องของ “น้ำตาเทียม”น้ำตาเทียมที่มีขายอยู่ในร้านขายยามีมากมายหลากยี่ห้อ น้ำตาเทียมเป็นยาหยอดตาประเภทหนึ่ง ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตาของเรา ถ้าเปรียบเทียบคงคล้ายน้ำมันหล่อลื่น ซึ่งมีความสำคัญสำหรับ เครื่องยนต์ทุกชนิด รวมถึงดวงตาของมนุษย์ที่ต้องมีการกะพริบถึงนาทีละ 10–15 ครั้ง เพื่อให้น้ำหล่อลื่น เลี้ยงลูกตามาฉาบดวงตา ดังนั้นในคนปกติทั่วไปที่มีความรู้สึกเคืองตา ฝืดตา รู้สึกมีน้ำตาเหนียวๆ เกาะหาง ตาหรือรู้สึกเหมือนมีฝุ่นระคายเคืองตาน่าจะมาจากภาวะที่เรียกว่า “ภาวะน้ำตาแห้ง” หรือ dry eye การใช้ น้ำตาเทียมหยอดตาจะทำให้รู้สึกสบายตาและลดอาการดังกล่าวได้ ใครต้องใช้น้ำตาเทียมบ้าง ?ผู้ที่ควรต้องใช้น้ำตาเทียม คือ กลุ่มคนที่มีปัญหาน้ำหล่อลื่นเลี้ยงลูกตาแห้ง โดยทั่วไปมักพบในผู้สูงอายุที่ต่อมน้ำตาทำงานลดลงตามอายุ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุเพศหญิงที่หมดประจำเดือน จะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาลดลงกว่าคนทั่วไป อีกกลุ่มที่มักมีปัญหาตาแห้งคือ คนที่ทำงานกลางแดด ถูกลมพัดมาก หรือ ทำงานในอากาศร้อนและแห้ง จะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาระเหยออกไปมากกว่าปกติ นอกจากนี้ กลุ่มคนที่ต้องทำงานเกี่ยวกับจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อาจใช้สมาธิในการทำงาน ทำให้มีการกะพริบตาน้อยกว่าภาวะปกติ ซึ่งควรมีการกะพริบตาประมาณ 10–15 ครั้งต่อนาที เมื่อรู้สึกเคืองตาหรือแสบตา ให้หลับตาพัก 3–5 วินาที เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจากเปลือกตาบนด้านในมาฉาบให้ความชุ่มชื้นต่อลูกตา แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาเทียมเพื่อบรรเทา วิธีเลือกซื้อน้ำตาเทียมน้ำตาเทียมที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน แบ่งตามชนิดของยาออกเป็น 3 กลุ่ม โดยมีสารส่วนประกอบที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มมักไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับดวงตา จึงปลอดภัยกับตามากกว่าการใช้น้ำยา ล้างตา ซึ่งมักประกอบด้วยสารต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายต่อดวงตาได้ การเลือกซื้อน้ำตาเทียม นอกจากพิจารณาถึงราคาของยาแล้ว น้ำตาเทียมยังแบ่งออกตามลักษณะ การใช้เป็นชนิดขวดที่สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นเดือน ซึ่งมักมีสารกันเชื้อแบคทีเรียรวมอยู่ด้วย จะสะดวกสำหรับผู้ที่ใช้ยาเป็นประจำ มักมีราคาถูกกว่ากลุ่มที่สอง มีลักษณะเป็นหลอดขนาดเล็กใช้หยอดในแต่ละวันแล้วทิ้ง มักให้ความสบายตากว่าเนื่องจากไม่มีสารกันเชื้อแบคทีเรียผสมอยู่จึงต้องใช้ยาภายใน 24 ชั่วโมง แต่มีราคาสูงกว่าน้ำตาเทียมชนิดขวด การใช้น้ำตาเทียมนอกจากข้อจำกัดด้านราคาแล้ว ในด้านผลข้างเคียงมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา ยกเว้นในผู้ใช้ยาบางรายอาจมีอาการแสบตาเมื่อใช้น้ำตาเทียมบางยี่ห้อ สำหรับการใช้น้ำตาเทียม ชนิดขวดควรใช้ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง เพราะสารกันเชื้อแบคทีเรียที่ผสมอยู่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระจกตาได้! ข้อมูลจาก หยอดน้ำตาเทียม อันตรายไหมนอกจากข้อจำกัดด้านราคาแล้ว ในด้านผลข้างเคียงมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา ยกเว้นในผู้ใช้ยาบางรายอาจมีอาการแสบตาเมื่อใช้น้ำตาเทียมบางยี่ห้อ สำหรับการใช้น้ำตาเทียม ชนิดขวดควรใช้ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง เพราะสารกันเชื้อแบคทีเรียที่ผสมอยู่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระจกตาได้!
หยอดตาทุกวันอันตรายไหมหากใช้เกิน ใช้บ่อย อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการได้รับขนาดยามากเกินไป และเกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นอันตรายได้ เช่น -ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ หากใช้ไม่เหมาะสม เสี่ยงทำให้แบคทีเรียดื้อยาได้ -ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ไม่เหมาะสม เสี่ยงทำให้เกิดภาวะความดันลูกตาสูง หรือโรคต้อหินได้
น้ําตาเทียมแบบเย็น อันตรายไหม0. จักษุแพทย์ ชี้ “น้ำตาเทียม” จากญี่ปุ่น สุ่มเสี่ยงเจอของปลอม เหตุไม่รู้แหล่งผลิตแน่ชัด ชี้ เป็นยาต้องขึ้นทะเบียนการขายก่อน ย้ำ ลักลอบหิ้วมาขายมีความผิด เผยยาหยอดตามีสี - ทำให้เย็นแสบ ไม่มีอันตรายต่อดวงตา ห่วงยาหยอดตาสารสเตียรอยด์ แพทย์ต้องสั่งใช้เท่านั้น
น้ําตาเทียม Rohto ดีไหมสำหรับหยอดตอนใส่คอนแทค และสำหรับคนที่ไม่ใส่คอนแทคหรือสำหรับคนที่หยอดตอนถอดคอนเเทคค่ะ ตัวนี้เหมาะกับคนชอบเย็นๆค่ะ เป็นตัวที่มีความเย็นสูงสุด (ระดับ 8) ของ Rohto เลยค่ะ ส่วนตัวเองชอบใช้ตัวนี้ตอนเราสอบค่ะเพราะใช้ตอนง่วงๆ หยอดทีนี่สว่างเลย ตัวนี้ช่วยลดอาการตาแดงจากการใช้สายตาหนักด้วยค่ะ 4.Rohto Digi : ความเย็นระดับ 2.
|