ประจำเดือนไม่มา...ฉันจะท้องไหมนะ? เพื่อหาคำตอบนี้ ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกใช้ “ที่ตรวจครรภ์” ซึ่งบางคนอาจถูกใจกับผลการตรวจที่อ่านค่าได้ ในขณะเดียวกัน ก็อาจมีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจกับผลการตรวจเท่าไหร่นัก อ๊ะ! แต่ก่อนที่จะหวั่นวิตกกับผลบวกผลลบไปมากกว่านี้ มาทำความเข้าใจให้ดีว่า… ผลจากที่ตรวจครรภ์เชื่อมั่นได้ 100% หรือเปล่า? Show
อาการแบบไหน? มีโอกาสลุ้นว่า “ท้อง”
ก่อนเช็คว่าท้องไหม? ต้องอ่านผลที่ตรวจครรภ์ให้เป็นนะสำหรับคำแนะนำในการอ่านผลของที่ตรวจครรภ์นั้น ควรอ่านหลังจากหยดปัสสาวะทิ้งไว้แล้วประมาณ 5 นาที โดยขีดในแถบวัดจะมีอยู่ 2 ขีด คือ ขีดแรก หรือ C (Control Line) และขีดที่สอง หรือ T (Test Line) ซึ่งผลของการตรวจด้วยที่ตรวจครรภ์นั้น จะสามารถแสดงผลออกมา 2 แบบ คือ...
มีโอกาสแค่ไหน? ที่ผลตรวจจะคลาดเคลื่อนจากความจริงไม่ว่าผลที่อ่านได้จากที่ตรวจครรภ์จะบอกว่าท้องหรือไม่ ความเป็นจริงแล้ว...ผลก็อาจคลาดเคลื่อนได้! เช่น กำลังตั้งท้อง...แต่ผลตรวจขึ้นเพียง 1 ขีด ซึ่งอาจเกิดจากปัสสาวะมีความเจือจางหรือตรวจในช่วงเวลาที่เร็วเกินไป ในขณะเดียวกัน ค่าผลตรวจขึ้น 2 ขีด แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ท้อง… กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากปัจจัยเหล่านี้
ปริมาณฮอร์โมน HCG ในปัสสาวะ คือสิ่งที่บ่งชี้ได้ว่ากำลังตั้งท้องหรือไม่? ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะเกิดขึ้นหลังปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน ดังนั้น หากตรวจเบื้องต้นแล้วผลเป็นลบหรือไม่ตั้งท้อง ควรรอเวลาอีกสักพักค่อยตรวจซ้ำ หรือตรวจในช่วงที่ประจำเดือนขาดไปแล้ว 10-14 วัน
หากปัสสาวะมีความเจือจางมาก ก็เท่ากับว่าความเข้มข้นของฮอร์โมนในปัสสาวะลดลง ทำให้ที่ตรวจครรภ์ไม่สามารถตรวจหาค่าของฮอร์โมน HCG ได้ ผลของการตรวจจึงเกิดความคลาดเคลื่อน
แน่นอนว่าชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่ละยี่ห้อมีการตรวจหาค่าความไวต่อฮอร์โมน HCG ที่ต่างกัน ดังนั้น หากเป็นยี่ห้อที่ตรวจจับค่าฮอร์โมนได้น้อย ก็อาจทำให้ได้ผลเป็นลบหรือไม่ตั้งครรภ์ได้ รวมไปถึงการเสื่อมคุณภาพของชุดทดสอบ ซึ่งอาจเกิดจากการหมดอายุของอุปกรณ์ หรือการจัดเก็บในที่ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าผลที่อ่านค่าได้จากที่ตรวจครรภ์จะบอกว่าตั้งครรภ์หรือไม่ การเข้ารับการตรวจซ้ำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังมีความสำคัญ เพราะหากตั้งครรภ์จริง การฝากครรภ์ตั้งแต่รู้ว่าตั้งท้องจะส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ ตรวจครรภ์ 1 ขีด ท้องไหม ? เป็นคำถามที่อาจให้คำตอบได้ไม่แน่นอน โดยปกติแล้วผลลัพธ์การตรวจครรภ์ที่ขึ้นขีดเดียว มักมีความหมายว่าไม่ตั้งครรภ์ แต่ทั้งนี้ ก็อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ เวลาที่ทำการตรวจครรภ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจครรภ์ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แน่ชัด อาจตรวจครรภ์ซ้ำอีกครั้ง หรือเข้ารับการตรวจครรภ์ทดสอบจากคุณหมอ เมื่อสังเกตว่ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ประจำเดือนขาดนานกว่า 2 เดือน [embed-health-tool-”ovulation”] วิธีตรวจสอบการตั้งครรภ์สำหรับการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองจากตัวอย่างปัสสาวะ ควรเก็บตัวอย่างปัสสาวะแรกในช่วงเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ปัสสาวะมีความเข้มข้นของฮอร์โมนการตั้งครรภ์สูง (HCG) ทำให้ผลลัพธ์การตรวจครรภ์อาจแม่นยำมากขึ้น ชุดตรวจครรภ์ส่วนใหญ่มี 2 รูปแบบ ดังนี้ ชุดทดสอบตั้งครรภ์แบบหยดภายในกล่องจะประกอบด้วยตลับทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ หลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ วิธีใช้
ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แบบจุ่มในกล่องอาจมีกระดาษ หรือเป็นเครื่องพลาสติกที่มีส่วนปลายไว้จุ่มปัสสาวะ และถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ วิธีใช้
นอกจากจะทำการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองแล้ว หากกังวลใจหรือกลัวผลทดสอบคลาดเคลื่อน อาจตรวจซ้ำอีกครั้ง หรือเข้ารับการตรวจครรภ์จากคุณหมอโดยตรง การตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล มักใช้วิธีดังต่อไปนี้
ตรวจครรภ์ 1 ขีด ท้องไหม ?ชุดทดสอบการตั้งครรภ์จะมีตัวอักษรที่แสดงถึงผลลัพธ์การตรวจ คือ ตัว C (Control line) และ T (Test line) หลังจากการตรวจครรภ์สามารถอ่านความหมายที่ระบุไว้ในชุดทดสอบได้ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีผู้ทำการทดสอบอาจตั้งครรภ์ได้แม้ว่าผลตรวจครรภ์จะขึ้น 1 ขีดก็ตาม เนื่องจากสาเหตุบางอย่างที่อาจทำให้ผลตรวจครรภ์คลาดเคลื่อน ได้แก่
สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์สัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ อาจสังเกตจากอาการต่าง ๆ ดังนี้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด |