แผนปฏิบัติราชการ สำนักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย 2565

#กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการ “1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ” เน้นหลักการ “ซ่อม เสริม สร้าง” ในการจัดหาแหล่งเก็บน้ำอุปโภคบริโภค – เพื่อการเกษตร ให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ และมีเป้าหมายก่อสร้างหรือปรับปรุงแหล่งน้ำฯ ตามความเหมาะสมและสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่ และการดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ในปีงบประมาณ 2560 กำหนดเป้าหมาย “1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ” และระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 - 2563 กำหนดเป้าหมาย “1 หมู่บ้าน 1 แหล่งกักเก็บน้ำ” โดยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการปกครอง เป็นหน่วยงานหลัก ++ #กระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ทุกจังหวัด มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เร่งสำรวจข้อมูลแหล่งน้ำ เช่น จำนวนอ่างเก็บน้ำ สระน้ำ ฝาย บ่อบาดาล แหล่งกักเก็บน้ำธรรมชาติ หรืออื่นๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้วางแนวทางหรือจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำ โดยใช้กระบวนการประชาคมจากประชาชนในท้องที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสภาพภูมิประเทศ โดยยึดหลักการ “ซ่อม เสริม สร้าง” คือ 1) กรณีมีแหล่งน้ำแต่ชำรุด ให้ดำเนินการซ่อม ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ 2) กรณีมีแหล่งน้ำแต่ใช้ไม่เต็มศักยภาพ ให้จัดทำโครงการเพื่อเสริมศักยภาพ และ 3) กรณีขาดแคลนแหล่งน้ำ ให้จัดทำโครงการเพื่อสร้างแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคหรือเพื่อการเกษตร รวมถึงให้รวบรวมข้อมูลผลการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและการแก้ไขปัญหาในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา เพื่อให้อำเภอหรือคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจัดทำบัญชีโครงการตามลำดับความสำคัญ

วันที่ 10 พ.ย. 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดงานมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกประเทศไทย ภาคกลางและภาคตะวันตก 2565 (World Habitat Day 2022 Thailand) “ใส่ใจช่องว่าง ไม่ทิ้งใครและที่ใดไว้ข้างหลัง” (Mind the Gap Leave No One and Place Behind) ภายใต้แนวคิด หุ้นส่วนการพัฒนา ขับเคลื่อนนโยบาย ลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัย โดยมี นายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ส่วนราชการ ฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรชุมชน และภาคีเครือข่าย ร่วมงานที่หอประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลหันคา อ.หันคา จ.ชัยนาท

จากนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมชมนิทรรศการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยอย่างมีส่วนร่วม รับฟังคำชี้แจงและรับมอบแนวปฏิบัติร่วมในการทำแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยจังหวัดจากผู้แทนขบวนองค์กรชุมชน 5 ภาค พร้อมทั้งเป็นประธานมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ช่างชุมชนจาก 8 อำเภอใน จ.ชัยนาท ร่วมพบปะ มอบนโยบาย และคิกออฟ (Kick Off) การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยทั้งจังหวัด รวมทั้งเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัยทั้งจังหวัด 59 ตำบล

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนที่ จ.ชัยนาท เสมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง เพราะเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท คนที่ 52 และปัจจุบันปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 41 มีความมุ่งปรารถนาที่จะได้ร่วมกับทุกภาคส่วน บำบัดทุกข์บำรุงสุขในด้านที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายที่ชัดเจนและถือเป็นนโยบายที่สำคัญที่สุด คือ “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นอกจากนายกรัฐมนตรีจะได้ให้คำมั่นสัญญาในความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศไทยในด้านการลดความเหลื่อมล้ำต่อนานาประเทศแล้ว ยังกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะขับเคลื่อนผลักดันให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี หนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

สำหรับการจัดงานมหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกประเทศไทย ภาคกลางและภาคตะวันตก 2565 (World Habitat Day 2022 Thailand) ในวันนี้ จึงเป็นงานที่มีความสำคัญสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยที่ยากไร้และยังขาดโอกาสที่ดี การช่วยกันเติมเต็มช่องว่างเรื่องที่อยู่อาศัยให้หมดไป ทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นมาอยู่แถวหน้า ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ด้วยกระบวนการ แนวคิดการทำงานแบบหุ้นส่วนการพัฒนา ในการขับเคลื่อนนโยบายลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัย ถือเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนเป็นผู้ที่มีความคิด เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมสังคม เพื่อนร่วมประเทศ สามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาขับเคลื่อนนโยบายในทุกๆ เรื่องที่ยังเป็นช่องว่าง ยังมีความเหลื่อมล้ำได้ พร้อมชื่นชมนายอำเภอหันคา ที่เป็นต้นแบบการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา ด้วยการบูรณาการ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อมวลชน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขับเคลื่อนพัฒนาเพื่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็งที่สามารถจัดการตนเองได้

“กระบวนการทำงานร่วมกันแบบเป็นหุ้นส่วนนั้น สามารถขยายบริบทการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา จากด้านที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมไปถึงความมั่นคงด้านอาหาร เมื่อพวกเราช่วยกันทำให้พี่น้องประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงแล้ว เรายังสามารถช่วยกันส่งเสริมการน้อมนำพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ตามที่พระองค์ได้พระราชทาน ทำให้พื้นที่ส่วนกลางในชุมชน และพื้นที่ส่วนตัวรอบๆ บ้านมีแปลงผักสวนครัว เป็นแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดภัย ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน และยังก่อให้เกิดกิจกรรมเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี”

แผนปฏิบัติราชการ สำนักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย 2565

ทั้งนี้ หลังจากที่มีบ้านที่มั่นคง มีอาหารที่ปลอดภัยแล้ว เศษอาหาร เศษใบไม้ใบหญ้า เศษผลไม้ เศษผักที่เหลือจากการทำอาหาร ก็นำไปหมักเป็นปุ๋ยหมักในระบบปิดเพื่อไม่ให้ขยะนั้นปลดปล่อยก๊าซเสียลอยขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมถึงการส่งเสริมคัดแยกขยะที่สามารถไปรีไซเคิลได้ ด้วยการรวบรวมและจัดตลาดนัดขยะ เชิญชวนผู้ประกอบการเข้าไปซื้อขยะในชุมชน นำเงินไปจัดตั้งเป็นกองทุนสวัสดิการขึ้นในชุมชนได้ โดยตัวอย่างความสำเร็จมีอยู่มากมายในเกือบทุกจังหวัด เพื่อทำให้เกิดการ Change for Good เสริมสร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับตัวเอง คนในครอบครัว เพื่อนในชุมชน อันจะส่งผลให้เกิดพลังแห่งการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี ให้กับบ้านเมือง ให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

ในช่วงท้าย ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขอให้สมาชิกบ้านมั่นคง พอช. ทุกคน เป็นสมาชิกที่เข้มแข็งของหมู่บ้าน ของชุมชน ช่วยกันเสริมสร้างพลังให้หลังคาเรือนอื่นๆ มีความเข้มแข็ง ด้วยการทำให้ทุกครัวเรือนมีบ้านที่อยู่อาศัยที่สะอาด เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น มีความมั่นคงด้านอาหาร เป็นผู้ที่มีจิตอาสา เสียสละ ช่วยเหลือสังคมส่วนรวม อันจะทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ชุมชนเข้มแข็ง การพึ่งพาตนเอง โดยมีภาคีเครือข่าย คือ ภาคราชการ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันขยับขยายผลำไปสู่ตำบล หมู่บ้านอื่นๆ อันจะส่งผลดีต่อประเทศชาติ พี่น้องประชาชน ในด้านการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม และขอให้ความมุ่งมาดปรารถนาที่ทุกคนมีความตั้งใจที่จะช่วยกันขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปจากเพื่อนร่วมชาติ จงประสบความสำเร็จ

“ขอเน้นย้ำว่า พวกเราชาวมหาดไทยทุกคนยินดีเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาของท่าน ในการที่จะขับเคลื่อนนโยบายลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัย และขจัดความยากจนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน”