ปัญหา Google Drive เต็มนั้นเป็นอีกปัญหากวนใจของคนทำงานในยุคนี้ไม่น้อยเลย (ผู้เขียนก็เจอปัญหานี้เช่นกัน) ถึงจะแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ด้วยการจ่ายเงินก็ตาม แต่ถ้าเริ่มจากการจัดการตัวเองให้ดีด้วยการเอาไฟล์ที่ไม่ได้ใช้และอื่น ๆ ออกไปให้หมดก่อนก็น่าจะช่วยได้มากเลย ในบทความนี้จะรวมวิธีจัดการปัญหา Google Drive เต็มให้มีพื้นที่ว่างให้พอใช้งานต่อไปโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อความจุของ Google Drive เพิ่ม และหากมีความจุมากพอ ก็จะไม่ต้องปวดหัวอีกรอบเมื่อ Google Photos จะใช้พื้นที่ใน Google Drive ด้วยตั้งแต่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป (ภาพจาก Google Drive)ทำความเข้าใจว่าทำไม Google Drive เต็ม?พื้นที่ 15GB ของ Google Drive นั้น ถูกนับรวมกับบริการ Gmail และ Google Photos ภายใต้ชื่อบริการ Google One ซึ่งจะมีระบบให้เช็คพื้นที่และลบไฟล์ไม่จำเป็นให้เราได้เหมือนกับบริการในสมาร์ทโฟน ซึ่งเราสามารถเช็ค Google One ของเราได้ที่นี่ ดังนั้นสาเหตุนั้นอาจไม่ได้มาจากการเซฟไฟล์ไว้ใน Google Drive เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงเมล์ขยะกับเมล์อื่น ๆ และภาพและวิดีโอความละเอียดสูงใน Google Photos ด้วย ซึ่งระบบจะแสดงให้เห็นว่าบริการไหนใช้พื้น Google One ไปเท่าไหร่บ้าง (ถ้าบริหาร Google Drive ดี ๆ 15GB ก็ยังพอใช้งานอยู่)ซึ่งถ้าเราเปิด Google One แล้ว จะเห็นว่าพื้นที่ 15GB ของเราถูกเอาไปใช้กับบริการไหนบ้าง รวมทั้งแสดงความจุที่บริการนั้นบันทึกข้อมูลเอาไว้อยู่ด้านหลังพร้อมแบ่งแท็กสีเอาไว้ชัดเจน และถ้าเราซื้อความจุเพิ่มเพื่อแชร์กับคนในครอบครัว ก็จะแสดงที่หน้า Google One นี้ด้วยโดยแยกแท็กสีออกมาให้เราเห็นด้วยว่าสมาชิกของเราใช้พื้นที่ไปเท่าไหร่แล้ว สำหรับกล่องสี่เหลี่ยมด้านหลังตัวเลขจะเป็นการกดเข้าบริการนั้น ๆ ของ Google โดยตรงถ้าเราเห็นว่าบริการไหนของเราใช้พื้นที่มากและควรเข้าไปเคลียร์ออกบ้าง 7 วิธีแก้ปัญหา Google Drive เต็ม1. เคลียร์ Google Drive เต็มด้วย Google
One 1. เคลียร์ Google Drive เต็มด้วย Google Oneเราสามารถเริ่มต้นเคลียร์พื้นที่ Google Drive ของเราโดยเปิด Google One เข้าไปจัดการได้เลย เริ่มต้นจากเข้าไปหน้าแรกของบริการนี้โดยคลิกที่นี่ แล้วเลือกหัวข้อ “เอาพื้นที่ของคุณคืนมา” ระบบจะเริ่มเช็คส่วนที่เป็นไฟล์ขยะที่สามารถลบออกได้ให้เรา หลังระบบตรวจสอบเสร็จก็กด “ตรวจทานและเพิ่มพื้นที่ว่าง” ในหัวข้อต่าง ๆ เพื่อลบไฟล์ขยะออกไป และหากเราเลื่อนลงมาข้างล่างอีกจะเห็นว่า Google One นั้นมีตัวเลือกให้กดลบไฟล์นอกถังขยะใน Google Drive ออกไปได้ด้วย ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้เข้าไปเลือกลบทีละส่วนใน Google Drive ของเราโดยตรงจะดีที่สุด นอกจากนี้ Google One ก็ยังมีแอพฯ ให้เราดาวน์โหลดมาติดตั้งในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเพื่อบริหารพื้นที่ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งดาวน์โหลดบน Play Store สำหรับ Android หรือ App Store สำหรับระบบ iOS, iPadOS ก็ได้ 2. กดเป็น “มุมมองรายการ” ดูขนาดไฟล์ใน Google Drive แล้วลบเชื่อว่าทุกคนมีไฟล์ที่ไม่ใช้แล้วเก็บเอาไว้ใน Google Drive เยอะมากจนลืม และบางไฟล์ก็ใหญ่จนกินพื้นที่ของเราไปมากจนเซฟไฟล์ใหม่ ๆ เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นถ้ามีเวลามาไล่ลบไฟล์ไม่สำคัญทิ้งไปทีละไฟล์ก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้มาก เมื่อเราเปิด Google Drive ขึ้นมาแล้ว ให้เรากดเลือกเป็น “มุมมองรายการ” จะทำให้ไฟล์เรียงและทางขวาสุดจะแสดงรายละเอียดว่าไฟล์นั้นมีขนาดเท่าไหร่ และถ้าเป็นไฟล์ที่ไม่จำเป็นก็กดลบทิ้งไปเลย หลังลบไฟล์เสร็จแล้ว ถ้าต้องการพื้นที่คืนทันทีก็ควรไปเคลียร์ถังขยะด้วย ไม่เช่นนั้นไฟล์จะยังพร้อมให้เรากู้คืนเสมอ ถ้าหากเราไม่รีบนักระบบของ Google จะเคลียร์ถังขยะให้เราเสมอทุก 30 วันเช่นกัน ดังนั้นหลังลบไฟล์แล้วก็ควรมาเช็คถังขยะเสมอ ๆ ด้วย 3. เปลี่ยนไฟล์ PDF เป็น Google Docs, Sheet, Slideไฟล์ PDF ก็เป็นอีกสาเหตุของ Google Drive เต็มเช่นกัน กลับกันบริการของ Google เช่น Google Docs, Sheet, Slide จะยังไม่ใช้ความจุ Google Drive ของเราจนถึง 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่บริการทั้งสามและและ Google Photos จะใช้พื้นที่จาก Google Drive ของเราด้วย วิธีการทำเพียงเลือกเปิดไฟล์ที่เราต้องการใน Google Docs (Google เอกสาร) ให้ระบบแปลงจากไฟล์ PDF กลายเป็นเอกสารใน Google Docs แทน ก่อนจะลบไฟล์ PDF นั้น ๆ ทิ้งไป และถ้าต้องการแปลงกลับเป็นไฟล์ PDF อีกครั้งก็เปิดไฟล์นั้นกลับมาแล้วสั่งเซฟให้เป็น PDF อีกครั้ง 4. เคลียร์ Gmail ให้เรียบร้อยสายดองอีเมล์หรือคนที่สมัครรับจดหมายข่าวเอาไว้ก็จะเจอปัญหาจดหมายล้นตู้ได้ และบางฉบับก็มีไฟล์แนบแถมมาเปลือง Google Drive ของเราอีกด้วยซึ่งปล่อยไว้ก็คงจะไม่ดีแน่นอน สำหรับวิธีการจัดการเมล์ที่มีไฟล์แนบมาด้วยนั้น เราสามารถพิมพ์คำสั่งในช่องค้นหาเพื่อสั่งให้ Gmail เลือกจดหมายที่มีไฟล์แนบได้ด้วย 2 คำสั่ง คือ; has:attachment : เพื่อค้นจดหมายที่มีไฟล์แนบมาด้วย แล้วเลือกลบจดหมายที่ไม่ต้องการแล้วได้ตามที่ต้องการ larger:10mb : คำสั่งนี้ Gmail จะคัดเฉพาะจดหมายที่มีไฟล์แนบใหญ่กว่า 10MB ขึ้นมาให้ แต่สามารถเปลี่ยนตัวเลขเป็นไฟล์ขนาดอื่นก็ได้ตามต้องการ (ขออนุญาตเซนเซอร์เนื้อหาย่อของจดหมาย)อีกวิธีเมื่อเมล์ในกล่องจดหมายของเราไม่จำเป็นแล้ว ก็สามารถเลือกลบทุกอีเมล์ทิ้งได้ด้วย โดยติ๊กถูกในช่องหมายเลข 1 ก่อนจะกดตัวอักษรสีฟ้าหมายเลข 2 เพื่อเลือกทุกอีเมล์ในกล่องจดหมายของเราแล้วกดลบทิ้งในครั้งเดียวได้เลย แต่ก่อนจะใช้วิธีนี้ ผู้เขียนขอแนะนำให้เช็คกล่องจดหมายอย่างละเอียดก่อนเพื่อไม่ให้เผลอไปลบเมล์สำคัญทิ้ง ช่วยป้องกันปัญหาในภายหลัง วิธีป้องกันไม่ให้เมล์สำคัญของเราโดนลบจากวิธีนี้ สามารถคลิกซ้ายค้างที่จดหมายฉบับที่เราจะเก็บเอาไว้แล้วลากไปยังแท็กต่าง ๆ เพื่อแยกออกจากกล่องจดหมายของเรา จะเป็นการตั้งแท็กให้จดหมายนั้น ๆ และระบบเลือกลบทั้งหมดของ Gmail ไม่ลบจดหมายนั้น ๆ อีกด้วย 5. ปรับ Google Photos เป็น High Qualityการเซฟภาพแบบ Original Quality ขึ้น Google Photos ทำให้ภาพของเรายังสวยและรายละเอียดครบอยู่ก็ตาม แต่ก็กินพื้นที่มากเช่นกันนอกจากเราจะเซฟแบบ High Quality แทน ซึ่งทำให้ไฟล์ภาพลดความละเอียดลงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีปัญหาภาพแตกใด ๆ วิธีการตั้งค่านั้น ผู้เขียนแนะนำให้เปิดจากสมาร์ทโฟนของเราจะง่ายที่สุด โดยแตะที่รูปหน้าของเราตรงมุมบนขวา > Photo settings > Back up & sync > Upload size แล้วเลือกการเซฟภาพเป็น High Quality เพื่อช่วยบันทึกภาพโดยไม่เสียพื้นที่ของ Google Drive ของเรา อย่างไรก็ตาม Google อ้างว่า Google Drive 15GB นั้น ผู้ใช้ทั่วไปกว่า 80% ก็ใช้ไม่เต็มหลังจากเก็บข้อมูลมาหลายปี โดยหลังจาก 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ภาพทั้งหมดของเราใน Google Photos จะใช้พื้นที่ใน Google Drive แม้ว่าเราจะแบ็คอัพแบบ High Quality ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่แบ็คอัพให้ฟรี ๆ แล้ว แต่ไฟล์ภาพแบบ High Quality ที่ Google Photos แบ็คอัพนั้นจะมีขนาดราว 1MB เท่านั้น (ภาพถ่ายจากสมาร์ทโฟนความละเอียด 12 ล้านพิกเซล) จึงสบายใจได้ว่าต่อให้ Google ไม่ยอมให้เซฟภาพฟรี ๆ แล้ว ก็ยังใช้พื้นที่ใน Google Drive ไม่มากอย่างที่เป็นห่วงกัน 6. Gmail ใหม่อีกอันจะเป็นอะไรไป?คนเราจะมี Gmail เอาไว้ใช้ Google Drive สักกี่อันก็ได้ถ้าไม่ลืมรหัสผ่านไปก่อน ดังนั้นวิธีการสมัคร Gmail ใหม่เพื่อ Google Drive ฟรีเพิ่มอีกสักบัญชีก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน อย่างไรก็ตามวิธีนี้ขอแนะนำให้จดบัญชีและรหัสผ่านเก็บเอาไว้ใน Gmail บัญชีหลักของเราจะดีที่สุด ส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้บันทึกเอาไว้ในบริการจดโน้ตอย่าง Google Keep แล้วบันทึกเอาไว้ใน Gmail บัญชีหลักของเราเผื่อเปิดดูเมื่อเราลืมรหัสผ่านไปแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตั้งรหัสผ่านใหม่ 7. วิธีแก้ปัญหาของคนมีเงินคือซื้อพื้นที่เพิ่มในเมื่อวิธีการฟรีไม่ใช่คำตอบ การซื้อพื้นที่เพิ่มก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้เราสามารถเซฟไฟล์งานที่สำคัญก็บเอาไว้ใช้งานได้โดยไม่ต้องมาคอยเคลียร์พื้นที่ในภายหลังอยู่บ่อย ๆ โดยเราสามารถเลือกความจุเริ่มต้นที่ 100GB โดยเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 70 บาท และสามารถแชร์ให้คนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ของ Google Drive ได้ด้วย โดยการสมัครใช้งาน Google One นั้น เราสามารถแชร์พื้นที่ร่วมกันได้ 5 คน (รวมเจ้าของคนที่ซื้อพื้นที่เป็น 6 คน) ซึ่งถัวเฉลี่ยแล้วจะตกราวคนละ 12 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้ง 7 วิธีแก้ปัญหา Google Drive เต็มที่ได้นำเสนอไปนั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนว่ายินดีจะใช้วิธีไหนและสะดวกทำแบบใดมากกว่า ซึ่งถ้าผู้อ่านท่านไหนต้องการอ่านเคล็ดลับของ Google Drive จากทาง Notebookspec เพิ่มสามารถอ่านได้ที่นี่ |