มรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ของผู้ตาย เช่น ที่ดิน เงินฝากธนาคาร หุ้น กองทุน ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินที่มีผู้อื่นยืมไป หนี้ ภาระติดพันต่างๆ ทั้งการจำนองหรือค้ำประกัน เป็นต้น ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนควรจะต้องรู้ไว้คือ หลังจากที่ผู้ตาย หรือที่กฎหมายเรียกว่า “เจ้ามรดก” ได้ถึงแก่กรรมแล้วนั้น ถึงแม้ว่ากองมรดกจะตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมก็ตาม แต่ก็อาจมีปัญหาในการแบ่งมรดก ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินได้ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือลูกหนี้ของเจ้ามรดกไม่ยอมชำระหนี้ กฎหมายจึงให้ตั้งผู้ที่จะมาจัดการมรดกของเจ้ามรดกซึ่งเรียกว่า “ผู้จัดการมรดก” และถึงแม้เจ้ามรดกจะทำพินัยกรรมโดยจะตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมไว้หรือไม่นั้น ทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมก็มีความจำเป็นต้องตั้งผู้จัดการมรดกเช่นกัน
นอกจากทายาทโดยธรรมทั้ง 6 ลำดับดังกล่าวแล้ว คู่สมรสซึ่งจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ถือเป็นทายาทโดยธรรมเช่นกัน โดยกรณีคู่สมรส จะมีการแบ่งที่แตกต่างกับทายาทโดยธรรมประเภทญาติเพราะมีสิทธิได้รับมรดก 2 ส่วนคือ ครึ่งหนึ่งของสินสมรส และสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย ตามกฎหมายลักษณะมรดก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
นอกจากนี้ ถ้าทายาทโดยธรรมในลำดับเดียวกันนั้นมีหลายคน ทายาทเหล่านั้นย่อมได้ส่วนแบ่งในทรัพย์มรดกคนละเท่าๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้ามรดกซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมมีคู่สมรส และบุตร 1 คน อีกทั้งบิดาและมารดาของเจ้ามรดกก็ยังมีชีวิตอยู่ ทรัพย์ของเจ้ามรดกจะถูกแบ่งในส่วนที่เป็นสินสมรสครึ่งหนึ่งให้คู่สมรสก่อน หลังจากนั้น ทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกจะถูกแบ่งให้กับคู่สมรส บุตร บิดาและมารดา ในส่วนเท่า ๆ กัน หรือหากเจ้ามรดกมีคู่สมรส แต่ไม่มีบุตร และบิดามารดาของเจ้ามรดกถึงแก่กรรมก่อนเจ้ามรดก แต่เจ้ามรดกมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 3 คน ดังนั้น เมื่อสินสมรสถูกแบ่งให้กับคู่สมรสแล้ว คู่สมรสจะได้รับมรดกอีกครึ่งนึงของทรัพย์มรดกทั้งหมด ส่วนพี่น้องทั้ง 3 คน ของเจ้ามรดกจะได้ทรัพย์มรดกอีกครึ่งนึง โดยทั้ง 3 คน จะได้รับมรดกในสัดส่วนที่เท่ากันทั้ง 3 คน
|