หลายท่านอาจจะกำลังตามหา แผนการสอนวิชาภาษาไทย แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย ป.1-ป.6 กันอยู่ใช่ไหมครับ สำหรับคุณครูหลายๆท่านที่กำลังตามหาแผนการสอน วันนี้ครูอัพเดตดอทคอมมีมาให้ดาวน์โหลดแล้ว แผนการสอนวิชาภาษาไทย-แผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งแผนการสอนนี้ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ ตามหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แผนการสอนหรือแผนจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนในทุกระดับชั้น เปรียบเสมือนแผนที่นำทางที่ช่วยให้ครูสามารถดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนได้เหมาะสม ตรงตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ การจัดทำแผนการสอนนั้น ครูผู้สอน จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของหลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรสถานศึกษาอย่างถ่องแท้ เพื่อให้สามารถออกแบบแผนการสอนได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องครบถ้วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการจัดการศึกษาทั้งกับตัวผู้เรียนและตัวครูผู้สอนเอง โดยอาศัย โดยองค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบแผนการสอนนั้น จะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญดังนี้ 1. หัวเรื่อง คือ ส่วนที่ต้องกำหนด ชื่อของเรื่องหรือหน่วยการเรียนรู้ ขั้นที่สอนและเวลาที่ใช้สอน 2. สาระสำคัญ คือ มโนทัศน์หลักหรือความคิดรวบยอดของการจัดการเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งกำหนดเป็นภาพกว้างให้เห็นการเชื่อมโยงข้อมูลของสิ่งที่กำลังจะสอน 3. มาตรฐานและตัวชี้วัด คือ คุณลักษณะสำคัญของผู้เรียนที่กำหนดไว้ในหลักสูตร โดยในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ จะหยิบยกมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและคาดว่าจะเกิดกับผู้เรียน ซึ่งการที่ลักษณะของผู้เรียนเป็นไปตามมาตรฐานและตัวชี้วัดนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางและส่วนที่เพิ่มเติมให้หลักสูตรสถานศึกษา 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ คือ เป้าหมายที่ต้องการให้เกิดกับตัวผู้เรียนหลังจากที่เราได้ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามแผนที่ได้วางไว้แล้ว โดยในการกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้นั้นจะต้องเกิดจากการวิเคราะห์มาตรฐานและตัวชี้วัดตามตารางวิเคราะห์หลักสูตร 5. สาระการเรียนรู้ คือเนื้อเรื่อง หรือองค์ความรู้ ทักษะ กระบวนการของผู้เรียนที่จะต้องเรียนรู้ในรายวิชานั้น ๆ 6. การบวนการการเรียนรู้ คือ การระบุกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นสอน และขั้นสรุป 7. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ คือ เครื่องมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ที่ใช้ตามที่กำหนดในกิจกรรมการเรียนรู้ 8. การวัดและประเมินผล คือ การประเมินผลผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งควรระบุเครื่องมือวัดและเกณฑ์การให้คะแนน ซึ่งสามารถศึกษาได้จากคู่มือหลักสูตร 9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ คือการบันทึกของครูผู้สอนจากสิ่งที่พบในการนำแผนจัดการเรียนรู้มาใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค์ และ ข้อเสนอแนะ อย่างไรก็ตามคุณครูสามารถดาวน์โหลดตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้หรือแผนการสอนวิชาภาษาไทยได้จากลิงก์ด้านล่างครับ Krutortao ครูตอเต่า เป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ และแบ่งปัน ผลงานนครู สื่อการสอน หลักสูตรการอบรมออนไลน์ รับเกียรติบัตร แบ่งปันความรู้ เพื่อนำไปพัฒนาตนเอง และพัฒนาวิชาชีพครู โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่มีการเรียกเก็บเงินใดๆก เอกสารประกอบการสมั มนาครูภาษาไทย ในหวั ข้อ Up Skills ครูภาษาไทย รวบรวมและเรียบเรียงโดย นกั ศึกษาระดับบณั ฑิตศกึ ษา หลกั สตู รครศุ าสตรมหาบณั ฑิต ข สารบญั หนา้ บทบาทของครู ...................................................................................................................................................1 1 จรงิ หรอื ไม่? กับการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในปัจจุบนั บทบาทของครู “ครู” ถือเป็นอาชีพที่มคี วามสาคญั ต่อการพัฒนาระบบการศึกษาและคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ ครู มีหน้าที่สาคัญ 2 ประการ คือ สอนความรู้ในทางวิชาการเพื่อเป็นพื้นฐานให้ศิษย์ได้ก้าวต่อไป ภาษาไทย เป็นภาษาท่ีแสดงถึงความเป็นตัวตนของเรา แสดงความเป็นชาติของเรา และแสดงความเป็น การจัดกระบวนการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีความสาคัญต่อระบบการส่ือสารหรือ 2 ครูภาษาไทยจึงเป็นเฟืองชิ้นสาคัญในการขับเคล่ือนกระบวนการจัดการเรียนรภู้ าษาไทยให้มปี ระสิทธภิ าพ การจัดกระบวนการเรียนรู้วิชาภาษาไทยตามสภาพจริงในปัจจุบันน้ัน อาจนาผลให้เกิดประสิทธิผล 3 จากข้อมูลข้างต้นนั้นจะเห็นได้ว่าวิชาภาษาไทยเป็นสาระการเรียนรู้ท่ีสาคัญอย่างยิ่งต่อ การนาไปประยุกต์ เรียนรูอ้ ะไรในภาษาไทย ภาษาไทยเป็นทักษะท่ีต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร การเรียนรู้ การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคาและรูปแบบต่าง ๆ ของการ การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาส วรรณคดีและวรรณกรรม วเิ คราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมเพื่อศึกษาขอ้ มลู แนวความคิด คณุ ค่าของ 4 ภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เร่ืองราวของ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานกาหนดมาตรฐานการเรยี นรใู้ นภาษาไทย ดงั นี้ คณุ ภาพผู้เรยี นหลังจากได้ศึกษาเกย่ี วกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. 2551 กลมุ่ สาระ สภาพปญั หาด้านการเรยี นการสอนภาษาไทยในปัจจุบนั ปัญหาด้านการเรียน การสอน และการใช้ภาษาไทยในปัจจุบัน เริ่มมีแต่ปัญหาในระดับนโยบาย ปัญหาท่ี 1. ปัญหาในระดับนโยบาย ช่ัวโมงของวิชาภาษาไทย ในทุกระดับช้ันถูกลดทอนลง จนผู้สอนมิอาจ 2. ปัญหาท่ีตัวผู้สอน ผู้สอนภาษาไทย บางคนมิได้ศึกษามาโดยตรงทางภาษาไทย เป็นเพียงผู้พูดภาษาไทย 5 ตรงสายวิชา และย่ิงกว่าน้ัน ในระดับอุดมศึกษายังมีเสียงสะท้อนว่าผู้สอนบางท่านมิได้แม่นยาทางภาษาไทย 3. ปัญหาท่ีตัวผู้เรียน ผู้เรียนส่วนใหญ่ เขียนหนังสือไม่ถูกต้อง และต่างยอมรับว่ายังคงมีความผิดพลาดอีก 4. ปัญหาเรื่องสื่อและนวัตกรรม ทุกวันน้ีการเรียนการสอนภาษาไทยยังมีข้ออ่อนด้อยเรื่องนวัตกรรมและ ส่วนในเร่ืองสาคัญท่ีผู้เรียนส่วนใหญ่มิได้ให้ความสนใจกับการเรียนภาษาไทย สรุปว่าท้ังผู้เรียน ผู้สอน และ สภาพปญั หาความเหล่อื มลา้ ของการศกึ ษาไทย 1. ปัญหาการขาดแคลนนวตั กรรม สื่อ อปุ กรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ รูปแบบต่าง ๆ ค่อนข้างจะมีน้อยหรืออาจไม่มีเลย โดยเฉพาะในโรงเรียนระดับประถมศึกษา (ขนาดเล็ก) ซ่ึงเป็น ในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ด้านปัจจัยสนับสนุนทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ซ่ึงรวมไปถึงส่ือ 6 2. ปัญหาปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างครูกบั นกั เรียน ประเมนิ งานอบรม และงานอน่ื ๆ ซ่ึงแต่ละงานล้วนเป็นภาระงานท่ีหนักสาหรับโรงเรียนประถมศึกษา (ขนาดเล็ก) 3. ปัญหาการขาดแคลนครู ทางการศึกษา ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาการขาดแคลนครูที่มีความเช่ียวชาญเฉพาะทางใน 8 รายวิชา และ จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงส่งผลให้โรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขนาดกลางต้องมีการจัดเรียนการ 7 ผลลพั ธท์ ้าทาย ปลายทางเป้าหมายระดบั ชาติ ประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล ซ่ึงข้อสอบของ PISA จะประเมินความฉลาดรู้ (Literacy) ใน 3 ด้าน จากการสอบคร้ังล่าสุดในปี 2018 เป็นรอบการประเมินล่าสุดท่ีเน้นการประเมินด้านการอ่านเป็นหลักซ่ึง นกั เรยี นไทยมีคะแนนเฉลี่ยในด้านการอา่ น 393 คะแนน (ค่าเฉล่ยี OECD 487 คะแนน) คณิตศาสตร์ 419 ภาพที่ 1 กราฟแสดงคะแนนเฉลี่ยการอ่าน คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2000 - ปี 2018 8 2. ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ O-NET (Ordinary National Educational Test) ห รื อ ก า ร ท ด ส อ บ จากการทดสอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถึง ปี พ.ศ. 2562 ค่าเฉลย่ี ของคะแนนการสอบวชิ าภาษาไทยระดับช้ัน เมื่อพิจารณาคะแนนเฉล่ียของผลการทดสอบ O-NET ปีการศึกษา 2558-2562 โดยพิจารณาจาแนกตาม ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 มีสาระท่ีมีคะแนนไม่ผ่านครึ่งหนึ่งสาระ ได้แก่ สาระท่ี 4 หลักการใช้ภาษาไทย โดย ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 มีสาระทมี่ ีคะแนนไม่ผา่ นครง่ึ หน่ึงสาระ ได้แก่ สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย โดยมี ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 มีสาระที่มีคะแนนไม่ผ่านครึ่งมีถึงสองสาระด้วยกัน ได้แก่ สาระที่ 4 หลักการใช้ จากตารางเปรียบเทยี บคะแนนเฉล่ยี ในแต่ละกลมุ่ สาระทาใหเ้ ราสามารถวิเคราะหไ์ ด้วา่ นักเรียนจะต้องมี 9 ตารางสรุปผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ้นั พ้นื ฐาน (O-NET) ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 สทศ. จดั การทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติข้ันพืน้ ฐาน (O-NET) ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา ระดบั ชนั้ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562 ตารางแสดงค่าคะแนนเฉล่ยี ของผลการทดสอบ O-NET ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2558-2562 จาแนกตามสาระ วิชา สาระ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562 ภาษาไทย สาระท่ี 1 การอ่าน 60.82 48.53 44.51 61.23 55.82 สาระที่ 2 การเขียน 55.06 55.36 47.35 56.31 54.63 สาระท่ี 3 การฟงั การ 44.51 71.35 68.21 73.51 47.91 ดู และการพดู สาระท่ี 4 หลกั การใช้ 44.99 48.07 40.36 41.42 39.49 ภาษาไทย สาระที่ 5 วรรณคดี 34.57 48.62 39.97 55.73 44.82 และวรรณกรรม 10 ตารางแสดงคา่ คะแนนเฉลี่ยของผลการทดสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ปกี ารศกึ ษา 2558-2562 จาแนกตามสาระ วิชา สาระ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562 ภาษาไทย สาระที่ 1 การอา่ น 45.4 45.78 52.55 58.55 48.65 สาระที่ 2 การเขียน 45.82 41.19 49.04 50.67 48.92 สาระที่ 3 การฟงั การ 34.4 60.21 48.73 62.13 69.68 ดู และการพูด สาระท่ี 4 หลกั การใช้ 43.31 45.10 44.22 47.05 47.80 ภาษาไทย สาระที่ 5 วรรณคดี 42.27 40.10 48.36 58.62 72.48 และวรรณกรรม ตารางแสดงค่าคะแนนเฉลีย่ ของผลการทดสอบ O-NET ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ปีการศกึ ษา 2558-2562 จาแนกตามสาระ วิชา สาระ พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2559 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2562 ภาษาไทย สาระท่ี 1 การอา่ น 64.26 57.04 57.48 43.65 สาระที่ 2 การเขยี น 53.87 49.93 47.06 45.10 สาระที่ 3 การฟัง การ 64.54 73.78 74.23 66.33 ดู และการพดู สาระที่ 4 หลักการใช้ 35.24 37.18 34.29 34.03 ภาษาไทย สาระที่ 5 วรรณคดี 47.03 44.62 38.48 45.41 และวรรณกรรม 11 ผลกระทบของการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ 1. ผลกระทบต่อผเู้ รียน อุบล แก้วปิ่น และคณะ (2556) สุรชัย ไวยวรรณจิตร และคณะ (2557) พบผลกระทบไปในทิศทาง 2. ผลกระทบต่อผู้สอน 12 ทกั ษะศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นการกาหนดแนวทางในการจัดการเรียนรู้ โดยร่วมกันสร้างรูปแบบ องค์กร World Economic Forum (WEF) ได้ทาการสารวจและวิเคราะห์ความต้องการของ ความรพู้ น้ื ฐาน (Foundational Literacies) สามารถสอ่ื สารออกมาได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม เปน็ พ้ืนฐานท่จี ะนาไปใชใ้ นการสรา้ งและพฒั นาทักษะอ่ืนได้ ความคิดต่าง ๆ ท่ีสื่อสารออกมาในรูปของคณิตศาสตร์ เช่น เลขคณิต, พีชคณิต, เรขาคณิต, ตรีโกณมิติ ฯลฯ 3. การใช้เทคโนโลยี (ICT Literacy) เข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร 4. การใช้วิทยาศาสตร์กับสิ่งรอบตัว (Scientific Literacy) ความสามารถในการอธิบาย 5. การเป็นส่วนหน่ึงของสังคมและวัฒนธรรม (Cultural & Civic Literacy) ทางานร่วมกับผู้อ่ืน 6. การจัดการด้านการเงิน (Financial Literacy) สามารถจัดการทรัพยากรทางการเงินของตัวเอง ความสามารถ (Competencies) 13 กลุ่มทักษะท่ีต้องนามาใช้ในการจัดการกับปัญหาในชีวิต โดยกลุ่มทักษะนี้จะเป็นทักษะสาคัญ 1. การคิดอย่างมี วิจารณ ญ าณ (Critical Thinking) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 2. สร้างวิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creativity) มีความสามารถในการจินตนาการเพื่อ 3. การส่ือสาร (Communication) มีความสามารถในการใช้ภาษา การใช้ ICT และใช้จิตวิทยาเพื่อ 4. ทางานร่วมกับผอู้ ่ืน (Collaboration) มีความสามารถในการทางานร่วมกบั ผู้อ่ืนได้ การร่วมมือกับ กลุ่มทักษะน้ี จัดได้ว่าเป็นทักษะหลักที่ทาให้มนุษย์เราเหนือกว่าคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นสิ่งที่ ลกั ษณะนสิ ัย (Character Qualities ) ท่ที าให้คน้ หาความแปลกใหมห่ รือสร้างองค์ความร้ตู ่าง ๆ มีความคดิ ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ แต่ตอ้ งสามารถตดั สนิ ใจหรอื หาขอ้ สรุปได้ ความกล้าที่จะลงมือทา มีภาวะผู้นากล้าเผชิญกับปัญหาและหาทางแก้ไข เป็นแนวทางให้ดาเนินไป 4. ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อม (Adaptability) สามารถปรบั ตัว 5. ความเป็นผู้นา (Leadership) คือ ความสามารถของบุคคลในการนาพาสมาชิกในองค์กร เพื่อให้ 6. ความตระหนักถึงสังคมและวฒั นธรรม (Social & Cultural Awareness) 14 ผู้ท่ีมีความต้องการพิเศษหรือเฉพาะทาง โดยเฉพาะโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซับซ้อน ความเปลีย่ นแปลงของสภาพสงั คมทเ่ี ป็นไปรวดเรว็ ทาใหเ้ ด็กยุคใหมต่ อ้ งกา้ วตามใหท้ นั ทกั ษะเหล่านี้ วจิ ารณ์ พานิช (2555) กลา่ ววา่ สาระวิชาก็มคี วามสาคญั แตไ่ มเ่ พยี งพอสาหรบั การเรียนรูเ้ พอื่ มีชวี ิต 15 ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทกั ษะด้านการเรยี นรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี แสดงทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและปฏิบตั งิ านได้หลากหลาย โดยอาศัยความรใู้ นหลายดา้ น ดังนี้ ทกั ษะดา้ นชีวติ และอาชพี สาคัญดงั ต่อไปน้ี ความท้าทายด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 คือการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียน สามารถนา 16 คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ส่งผลให้มีการปฏิรูปการศึกษา เปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เหตใุ ดจงึ ตอ้ งหาโมเดลใหมด่ ้านการศึกษา ข้นึ มาพักหน่งึ แลว้ โดยมีสาเหตดุ งั ตอ่ ไปน้ี จนน่าตกใจ ซ่ึงเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศภาคเศรษฐกิจบริการท่ีขับเคล่ือนด้วย ดงั นนั้ ทกั ษะแห่งศตวรรษใหม่จงึ เป็นใบเบกิ ทางสู่การเล่ือนสถานะทางเศรษฐกิจสว่ นคนท่ีปราศจาก ภาคีเพือ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใช้เวลาในช่วงทศวรรษทผี่ า่ นมาพัฒนากรอบความคิดเพ่ือการเรียนรู้ 17 กรอบความคดิ เพ่ือการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 เป็นอย่างย่งิ ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้ เป็นผลลัพธ์ที่โรงเรียน ที่ทางาน และชุมชนต่างเห็นคุณค่า นับเป็นความล้มเหลวระดับชาติที่นักเรยี นส่วนใหญ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะช่วยเตรียมความพร้อมให้นักเรียนรู้จักคิดเรียนรู้ทางานแก้ปัญหาส่ือสารและ ประการแรก ทักษะเหล่านี้แทบไม่เคยถูกบรรจุในหลักสูตรหรือประเมินเลยและถูกมองว่าเป็นสิ่งท่ี ประการท่ีสอง ทักษะเหล่าน้ีมีความสาคัญต่อนักเรียนทุกคน ในวันน้ีไม่จากัดแค่อภิชนบางกลุ่มใน ประการท่ีสาม ทักษะต่างๆท่ีนายจ้างและครูระดับอุดมศึกษา เห็นว่าจาเป็นต่อความสาเร็จได้มา 18 ลุล่วงได้งานในระดับที่หาเล้ียงชีพได้ทุกวันนี้ก็ต้องการวุฒิการศึกษาไม่ต่ากว่ามัธยมปลาย งานที่มีแนวโน้ม นักเรียนส่วนมากปรารถนาจะเรียนต่อในระดับวิทยาลัยก็เพราะตระหนักในเร่ืองดังกล่าว อันท่ีจริง ประการสุดท้าย กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 อธิบายทักษะหลายอย่างท่ีเป็น ดว้ ยเหตนุ ้ีในระบบการศึกษาของศตวรรษท่ี 21 ความแข็งแกร่งจงึ หมายถงึ ความเปน็ เลศิ ในเน้ือหาและ วสิ ัยทัศน์สาหรับการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 ต้ังอยู่บนความจริงท่ีว่า ถา้ อยากให้นักเรียนมีทักษะแห่ง อาจดูเหมือนเป็นความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ แต่มีหลักฐานท่ีบ่งบอกว่ารัฐต่างๆได้เตรียมความพร้อม 19 กรอบแนวคดิ เพ่ือการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 (21st Century Learning Framework) กรอบแนวคิดเชิงมโนทัศน์สาหรับทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 เป็นท่ียอมรับในการสร้างทักษะการ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต้องก้าวข้าม “สาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้ “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ศตวรรษที่ 21 การประเมินผลหลักสูตรการเรียนการสอนการพฒั นาอาชีพและสภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ 2. มาตรฐานศตวรรษท่ี 21 20 - เน้นความเข้าใจอย่างลกึ ซึ้งมากกว่าความรแู้ บบผิวเผนิ ทักษะในศตวรรษที่ 21 ศตวรรษที่ 21 ความสามารถในการเรยี นรู้ ปญั หาเปน็ ฐาน และทักษะการคิดข้ันสูง การพฒั นาครูมืออาชีพในศตวรรษท่ี 21 กลยุทธก์ ารเรยี นการสอนไปสู่การปฏิบตั ใิ นช้นั เรยี นของพวกเขา 21 - แสดงให้เห็นวา่ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเร่ืองจริงสามารถเพิ่มการแกป้ ญั หาการคิดเชงิ วพิ ากษ์ - ช่วยให้มอื อาชพี ในชุมชนเป็นแหล่งเรยี นรู้ สาหรับครูที่ 21 ว่ารปู แบบชนดิ ของการเรียนรใู้ น - การพฒั นา ความสามารถในการระบตุ วั ตนของนักเรียนโดยครมู รี ูปแบบการเรยี นโดยเฉพาะอยา่ งยิง่ - ช่วยให้ครพู ัฒนาความสามารถในการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ (เช่นการประเมนิ ผลการเรยี นการสอน) - รองรับการประเมนิ ผลอยา่ งต่อเน่ืองของการพัฒนาทักษะของนักเรียนศตวรรษที่ 21 สภาพแวดลอ้ มการเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 สนบั สนุนการเรียนการสอนและการเรยี นรดู้ ว้ ยทักษะในศตวรรษที่ 21 ท่ีดีและบรู ณาการทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการปฏิบัตใิ นช้ันเรยี น ผ่านการทางานท่ีใชต้ ามโครงการหรืออ่ืน ๆ ) เป็นกลุ่มทีมและรายบุคคล การเตรยี มความพร้อมใหน้ กั เรียนในศตวรรษที่ 21 อาศยั การทางานอย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยการมีวสิ ยั ทศั น์ การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 การศึกษาที่จะทาให้โลกเกิดการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างเต็มไปด้วยสิ่งท้าทาย และปัญหา รวมทั้ง 22 โครงงานเป็นฐาน (project -based curriculum) เป็นหลักสูตรที่ให้นักเรียนเก่ียวข้องกับปัญหาในโลกท่ีเป็น ภาพของโรงเรียนจะเปลี่ยนจากการเป็นส่ิงก่อสร้างเป็นภาพของการเป็นศูนย์รวมประสาท (nerve ในศตวรรษที่ 21 การให้การศึกษาตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูม (Bloom´s Taxonomy of การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 โลกในยุคศตวรรษท่ี 21 เป็นยุคท่ีความรู้และข้อมูลข่าวสารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะ วิจารณ์ พานิช (2555, น.11) ได้กล่าวถึงความสาคัญโดยสรุปไว้ว่า การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 23 มัญชรี ศรีวิชัย ( 2559, น.8) การเรียนรู้เป็นกิจกรรมทางสังคม ขึ้นอยู่กับบริบทหรือสภาพแวดล้อม ความสาคัญของครแู ห่งศตวรรษที่ 21 อยากให้ศษิ ย์มคี วามรู้ความชานาญในดา้ นทักษะใด ตวั ครูเองนัน้ จาเป็นอย่างยิ่งทีต่ ้องรแู้ ละเข้าใจในสิง่ นัน้ อย่าง บทบาทของครไู ทยในศตวรรษที่ 21 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช กล่าวว่า "การศึกษาท่ีถูกต้องสาหรับศตวรรษใหม่ต้องเรียนให้บรรลุ ทักษะ คือทาได้ต้อง 24 สนุกสนานและแนวทางการคิดและสร้างองค์ความรู้ร่วมทั้งนวัตกรรมต่าง ๆ จากความคิดที่เปิดกว้างจากครูท่ี จากคาแถลงนโยบายของคณะรบั มนตรี ซึ่งมีพลเอกประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา เป็น นายกรัฐมนตรี ได้แถลง 25 ตวั อยา่ งงานวิจัย การจัดการเรยี นรู้ภาษาไทยในศตวรรษที่ 21 สูม่ าตรฐานสากล ในศตวรรษที่ 21 (Five Steps for Student Development) โดย ปัจจุบันในประเทศและสังคมโลกทมี่ ีการพัฒนากา้ วไกลแล้วไมว่ า่ จะเปน็ ด้านความเจรญิ ทางเทคโนโลยี สาหรับการสอนภาษาไทยน้ัน ไม่ว่าสงั คมโลกจะเปลย่ี นแปลงไปในทิศทางอยา่ งไรก็ตาม กระบวนการ การพัฒนาผู้เรยี นสู่มาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21 น้นั หมายความวา่ เป็นวธิ ที ่ีครูผ้สู อนภาษาไทย 26 บันได 5 ข้ัน ของการพัฒนาผู้เรียนสู่มาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21 (Five Steps for Student 1. ข้ันการต้ังคาถาม/สมมติฐาน (Learning to Question) เป็นข้ันตอนที่ครูผู้สอนจะต้องฝึกให้ 2. ข้ันการสืบค้นความรู้และสารสนเทศ (Learning to Search) ครูผู้สอนจะต้องฝึกให้ผู้เรียน 3. ข้ันการสร้างความรู้ (Learning to Construct) เป็นสิ่งสาคัญเช่นเดียวกันที่ครูผู้สอนจะต้องฝึก 4. ข้ันการส่ือสารและนาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ(Learning to Communication) เป็นการฝึก 5. ข้ันการบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Learning to Serve) คือการที่ครูผู้สอนจะต้องฝึกให้ จากข้างตน้ เป็นเพียงขน้ั ตอนและบนั ไดท่ีครูผูส้ อนภาษาไทยจะต้องสามารถนามาใชใ้ นการบูรณาการ อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ทฤษฎีและขัน้ ตอนจะกลา่ วไว้อย่างชดั เจนก็ตาม สิง่ ทจี่ ะนามาส่ปู ระโยชนส์ ูงสุดต่อ 27 วิธวี ิทยาการการจดั การเรยี นร้ภู าษาไทยโดยใช้บนั ได ๕ ขั้น ของการพัฒนาผเู้ รียนสมู่ าตรฐานสากลใน การสอนหลกั ภาษาไทย จะเห็นได้ว่าการสอนหลักภาษาไทย เป็นเร่ืองที่คอ่ นขา้ งยุ่งยากสาหรับครูผสู้ อนและผู้เรยี นมาก อาจเป็นเพราะ วิธีการสอนหลักภาษาไทยที่เหมาะสมน้ัน จาเป็นมากที่ครูจะต้องปลูกฝังให้ผู้เรียนเห็นคุณประโยชน์ ข้ันแรก ครูคอยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีการต้ังคาถาม ให้รู้จักการสังเกต ในประเด็นและกฎเกณฑ์ของหลัก 28 ข้ันที่สอง คือ การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ ซึ่งครูจะต้องมีบทบาทในการแนะนาแหล่งวิทยาการ ขั้นที่สาม คือ การสร้างองค์ความรู้ โดยให้ผู้เรียนนาเอาข้อมูลความร้ทู ่ีได้มานั้นมานาเสนอและช่วยกัน ข้นั ทสี่ ี่ เป็นการสือ่ สารและนาเสนออย่างมีประสทิ ธิภาพ เป็นขั้นตอนท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีการนาเอา ขั้นที่ห้า เป็นข้ันของการบริการสังคมและจิตสาธารณะ หลังจากท่ีผู้เรียนได้มีการส่ือสารด้วยวิธีต่าง ๆ การสอนวรรณคดไี ทย วรรณคดีไทยยังคงประสบปญั หาหลายอยา่ ง เช่น ผเู้ รียนไมเ่ ห็นคุณค่าของวรรณคดีไทยอย่างแทจ้ ริง ครูมักจะ 29 สามารถสอนวรรณคดีในฐานะเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมได้ จะต้องสอนวรรณคดีในฐานะเป็นศิลปะภาษา ขนั้ ท่ี 1 ขั้นการต้งั คาถาม / สมมติฐาน ไม่ว่าจะเป็นการสอนวรรณคดรี ะดบั ประถมหรือมธั ยมก็ตาม - ครูกาหนดวรรณคดเี ร่ืองท่จี ะสอนเร่ืองใดเรื่องหน่ึงข้ึนมาเปน็ ตวั ตง้ั จากนั้นครูบอกและอธบิ าย - ครูคอยกระตนุ้ ให้นักเรยี นตั้งคาถามตามทีน่ กั เรียนสนใจอยากจะรู้ หรือเชิญชวนให้นกั เรยี นตัง้ - เม่อื ผ้เู รียนสร้างคาถามแลว้ ครแู ละนักเรียนพจิ ารณาคาถามรว่ มกัน แลว้ ชว่ ยกันเลอื กคาถามเพื่อ ขั้นท่ี 2 ขนั้ การสืบคน้ ข้อมลู เมื่อผเู้ รียนได้ขอ้ คาถามแล้ว ครูทาหน้าท่ีแนะนาแหลง่ วทิ ยาการให้ ขั้นที่ 3 การสรา้ งองคค์ วามรู้ ข้ันนี้ถือได้ว่าเปน็ ข้ันทีผ่ เู้ รียนจะได้เกิดการสะท้อนความรู้ ครูอาจเปิด ข้ันท่ี 4 การสือ่ สารและนาเสนออย่างมีประสิทธภิ าพ หากเปน็ ไปได้ในเด็กโต ครอู าจกาหนดให้ 30 หรือไม่ จากนั้นให้ผเู้ รียนไปซ้อมการแสดงตามบทละครที่กลมุ่ ตนเองเขยี นข้นึ มาเพ่ือนาไปแสดงหนา้ ชัน้ เรยี น ข้ันที่ 5 การบริการสงั คมและจติ สาธารณะ เพอื่ เปน็ การสง่ เสริมใหผ้ ้เู รียนได้เรียนวรรณคดอี ยา่ ง จากแนวทางวิธีวิทยาการการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้บันได 5 ขั้น ของการพัฒนาผู้เรียน Article Sidebar Main Article Content 31 และการ คิดระดบั สูง ประกอบด้วย 10 มิติ ครภู าษาไทยในศตวรรษที่ 21 จาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องส่งเสริมและ ศตวรรษที่ 21 ศตวรรษแห่งการมุ่งเน้นทักษะการคิดข้ันสูงศตวรรษท่ี 21 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการ ในการจดั การเรียนการสอนวชิ าภาษาไทย จะตอ้ งมีกลยทุ ธ์การสอนภาษาไทยคือวิธีการสอนภาษาไทย 32 ผ้เู ขยี นจึงได้นารปู แบบวิธี การสอนและเทคนคิ ต่าง ๆ มาใช้เปน็ กลยุทธ์ในการสอนภาษาไทยเพ่ือ 1. กลยุทธ์การสอนภาษาไทยเพื่อพฒั นาทักษะการคิดวเิ คราะห์ การสอนแบบการพฒั นาทักษะการคิดขั้นสงู ครจู ะตอ้ งมีการพฒั นาคือ มอบหมายภาระงานนน้ั เป็นส่ิงที่กาหนดกรอบความคิดใหผ้ ูเ้ รียน วรรณคดีหรอื วรรณกรรมบางเรอื่ งผูเ้ รยี นอาจเกิดข้อสงสยั ต่างๆมากมายเช่นพระอภยั มณมี ี ลูกกับนางเงือกได้ 8. ครูต้องลดบทบาทการสอนมาเปน็ การอานวยความรู้ให้แกผ่ ูเ้ รียน 33 เปา้ หมายปลายทางทช่ี ดั เจนเสริมสรา้ งแรงบันดาลใจ โครงการถอดบทเรียน โรงเรียนตน้ แบบสาหรับโรงเรยี นมหาชน กรณศี กึ ษา โรงเรยี นมชี ยั พัฒนา ผลการพฒั นาการศึกษาไทย คุณลักษณะของผู้เรียนยงั ไม่น่าพอใจ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจากคะแนน O-Net ในขณะที่ประเทศไทยจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาค่อนข้างสูง แต่กลับพบว่า คุณภาพของ ในปัจจุบัน รัฐยังคงมีบทบาทหลักในการเป็นผู้จัดการศึกษาในทุกระดับและประเภทการศึกษา โรงเรียนมชี ยั พัฒนาเกิดขน้ึ ไดอ้ ย่างไร ไปเร็วมาก แต่การศึกษาตามไม่ทัน โรงเรียนเน้นการบรรยายให้ความรู้ มากกว่าการสร้างทักษะโดยให้ 34 และคิดเลขเป็น แต่ยังขาดการกระตุ้นให้นักเรียน มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในการริเร่ิมสิ่งใหม่ ๆ นอกจากน้ี ประเทศไทยซ่ึงมีโรงเรียนอยู่เป็นจานวนมาก โรงเรียนแต่ละแห่งมีทรัพยากรท่ีมีคุณค่า นายมีชัย วีระไวทยะ เป็นนักพัฒนาสังคมคนหน่ึง ที่ต้องการจะเห็น “การศึกษาไทยเป็นเครื่องมือ ปรชั ญาและแนวคดิ ของโรงเรียนมชี ยั พัฒนา ชีวิต และอาชีพท่ีดีในอนาคต สามารถดารงชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวในชุมชนบ้านเกิด และเป็นผู้นาการ นอกจากการพัฒนาในส่วนของนักเรียนแล้ว โรงเรียนยังมุ่งเน้นท่ีจะสร้างประโยชน์แก่ผู้ปกครอง 35 วิสัยทศั น์ (Vision) ทักษะอาชพี และปลูกฝังให้มีสานึกรักบ้านเกิด เพื่อเตรียมพร้อมท่ีจะมีชีวิตและการงานท่ีดีในอนาคต พนั ธกิจ (Mission) ชวี ติ และรายได้ และดาเนินงานของโรงเรียน เช่น การต้อนรับและเป็นผู้ช้ีแจงแก่ผู้มาเย่ียมชมโรงเรียน การจัดซ้ือและตรวจสอบ 3. สอนให้นักเรียนมีความคิดเชิงนวัตกรรม และคิดนอกกรอบ ถามเป็น คิดเป็น ค้นคว้าเป็นมีทักษะชีวิต 4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนและผู้ปกครองทาความดีเพ่ือสังคม เช่น การจ่ายค่าเทอมด้วยการ 5. ร่วมช่วยเหลือโรงเรียนและหมู่บ้านให้มีกิจกรรมสร้างรายได้ในเชิงวิสาหกิจเพื่อสังคมของตนเองและ 6. ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนทาธุรกิจ โดยจัดอบรมและสนับสนุนเงินกู้ สาหรับทาธุรกิจระหว่าง 7. สนับสนุนให้นักเรยี นได้ฝกึ งานในหนว่ ยงานตา่ ง ๆ วตั ถปุ ระสงค/์ เปา้ หมายของโรงเรียน และเป็นศนู ย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวติ มีส่วนรว่ มในการสนับสนุนโรงเรียนในด้านตา่ ง ๆ 36 - เพอ่ื เตรียมคนดสี ่สู ังคม กรอบแนวคดิ การยกระดับการศกึ ษาไทย ของโครงการสานพลงั ประชารฐั ด้านการศึกษาพื้นฐาน และการพัฒนาผนู้ ามที ้งั สิน้ 10 ยทุ ธศาสตร์ ได้แก่ (Health and Heart) ต่างประเทศ (Tax Incentive for Local and International Professor) 37 โรงเรียนมชี ยั พฒั นามกี ารดาเนนิ งานสอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ 10 ขอ้ ดังกลา่ วข้างต้น นอกจากน้ี ยงั 1. การยกระดับความรู้ ความสามารถด้านทักษะการคน้ คว้าหาคาตอบ การติดต่อสื่อสาร 2. การพฒั นาและสง่ เสรมิ นักพัฒนาชุมชนและนักธุรกิจเพื่อสงั คม แนวทางในการดาเนินงานของโรงเรยี นมีชยั พัฒนา สถานศึกษาของโรงเรียนมีชัยพฒั นา คณุ ภาพของผเู้ รยี นยงั ไม่เปน็ ท่ีนา่ พึงพอใจ โรงเรียนเนน้ การใหน้ ักเรียนท่องจา มากกว่าการฝึกทักษะ รปู แบบ 38 กาหนดแนวทางในการปรับปรุงเปลยี่ นแปลง 3 ด้าน ดังนี้ ในสว่ นของหลกั สตู รสถานศกึ ษา เพื่อให้เปน็ ไปตามปรชั ญาแนวคิดของโรงเรียน และบริบทของชุมชน โดย 2. การปรับปรุงวิธีการเรียนรู้ โดยถอดกรอบวิธีการสอนแบบเดิม ๆ ออกไป นั่นก็คือ การสอน 3. เปลี่ยนบทบาทของครู จากการสอนแบบเดิม ๆ ที่มีครูเป็นศูนย์กลาง ทาหน้าท่ีเป็นผู้บรรยาย 3.1 ส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนรู้จักการค้นคว้า คิดวิเคราะห์ สร้างทางเลือก - การเรยี นรูโ้ ดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) 39 3.3 เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในการให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะในด้านการเรียน 3.4 ส่งเสรมิ ให้นักเรียนมีส่วนรว่ มในการบริหารจดั การโรงเรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรเู้ ร่อื ง 3.5 ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการคิดนอกกรอบ และริเร่ิมสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ เช่น การทา เปลยี่ นบทบาทของโรงเรยี น เพ่อื ให้เป็น “แหล่งเรียนรู้ตลอดชวี ติ ของทุกคนในชุมชนและเป็น 1. พัฒนาศักยภาพครูผู้สอน ให้เป็นครูอเนกประสงค์ สามารถดาเนินงานตามปรัชญา 2. เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคม มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความ 3. สร้างความเข้าใจกับผู้บรหิ ารโรงเรยี น ครู นักเรยี น ผปู้ กครอง ผ้นู าชุมชน และผู้ที่เก่ียวขอ้ ง 4. ดาเนินงานตามแนวทางที่กาหนดและประเมนิ ผล 40 การจดั การเรยี นร้บู ูรณาการทกั ษะชีวติ : SANGWA Model ครผู ู้ออกแบบนวัตกรรม นายทรงฤทธ์ิ แก้วพรม รางวัลแหง่ ความภาคภูมิใจ แรงบนั ดาลใจในการออกแบบนวัตกรรม แท้น้อน่ีบ้อคนที่เคยฮักกัน แปลว่า พูดออกมาได้ยังนี่หรือคนท่ีเคยรักกัน” โดยคาว่า “ซางว่า” มีความหมาย 41 ครูผู้คิดค้นแนวการสอนนี้จึงได้มองย้อนดูว่าจากวัยเด็กมาสู่วัยผู้ใหญ่ เราใช้ทักษะใดบ้างที่จาเป็นจริง ๆ เช่น ขนั้ ที่ 1 Search : ชื่อแผนการเรยี นรู้ “คนค้นความ” ขั้นท่ี 2 Attitude : ช่อื แผนการเรยี นรู้ “มองมมุ ใหม่” ขั้นท่ี 3 Narrative : ช่อื แผนการเรยี นรู้ “คนเล่าเรื่อง” โต้วาที ผเู้ รยี นมีโอกาสในการใชท้ กั ษะการพดู โนม้ น้าว ความคิดสร้างสรรค์ ผา่ นกิจกรรมจาลองเหตกุ ารณ์ คน้ พบใหมด่ ้วยเทคโนโลยี ตดั ตอ่ วิดโี อ ทาหนงั สัน้ 42 บรรณานุกรม จตภุ มู ิ เขตจตั รุ สั , พระฮอนดา้ เข็มมา, คม พวงยะ, ดาวรุวรรณ ถวลิ การ, ณรงค์ศักดิ์ รอบคอบ, ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2552). ตวั ช้ีวัดและสาระแกนกลางกล่มุ สาระเรียนรภู้ าษาไทยตามหลกั สตู ร ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (2553). แนวทางการจัดการเรยี นรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง สรุ ชยั ไวยวรรณจติ ร และคณะ. (2557). การนาผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (O-NET) อุบล แก้วป่ิน และคณะ. (2556). แนวทางการนาผลการทดสอบทางการศึกษาไปใช้ ในการพฒั นา |