2.5 หลักฐานประเภทบอกเล่า แบ่งออกเป็นประเพณีจากการบอกเล่า และประวัติศาสตร์จากการบอกเล่า ข้อจำกัดคือ อาจคลาดเคลื่อนได้ง่าย ตามอคติของผู้เล่าจึงต้องมีการตรวจสอบกับเอกสารอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ
จดหมายเหตุลาลูแบร์มีความสำคัญกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยมาก เพราะนี่คือบันทึกชั้นดีที่ร้อยเรียงเรื่องราวความเป็นไปของผู้คนในสมัยอยุธยาไว้อย่างละเอียด เรียกว่าทุกๆ เรื่องของสังคมอยุธยาในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ถูกจารึกลงในบันทึกเล่มนี้ไว้ทั้งหมด ราวกับว่าหากลาลูแบร์เป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกที่มีโซเชียลแบบปี 2021 เขาก็คงจะกลายเป็นนักรีวิว เปิดเพจ ทำรายการไลฟ์สดเที่ยวอยุธยากับลาลูแบร์ไปแล้วเป็นแน่ ในบันทึก เราอาจจะพบเรื่องไม่คุ้นหู เช่น ทูตสยามมอบปลาร้าให้กับทูตฝรั่งเศสเป็นของขวัญ ลูกสาวขุนนางหลายคนทำงานในซ่อง ผู้ชายอยุธยาขี้เกียจส่วนผู้หญิงเป็นฝ่ายทำงาน เลี้ยงบิดามารดา และควบคุมทรัพย์สินทุกอย่างในบ้าน ชาวสยามยังเป็นผู้สุภาพอ่อนน้อมแต่ก็แอบฉลาดแกมโกงไปในเวลาเดียวกัน กฎหมายการหย่าร้างระหว่างหญิงชาย และอีกหลากหลายเรื่องราวของชาวอยุธยาที่อาจพิสดารกับคนยุคศตวรรษที่ 21 ตัวอย่างเช่น ในหมวด อุปนิสัยของชาวสยามโดยทั่วๆ ไป
หรือ หมวดว่าด้วยเครื่องนุ่งห่มและรูปร่างหน้าตาของชาวสยาม
แล้วฝรั่งจะเชื่อได้หรอ ทำไมไม่เชื่อหลักฐานของไทยล่ะจริงอยู่ว่าบันทึกของลาลูแบร์เป็นบันทึกที่เขียนจากกรอบแว่นของชาวยุโรป การมองแบบผิวเผินด้วยสายตาคนนอกอาจทำให้ข้อมูลบางส่วนคลาดเคลื่อนหรือดูเกินจริง เช่น ลาลูแบร์ ได้อธิบายการทหารของรัฐอยุธยาว่า “เหมาะสมที่จะออกรบน้อยที่สุด” โดยทหารสยามนั้น “ทั้งเปลือยกายและถืออาวุธเลวๆ” ซึ่งด้วยบริบทรัฐโบราณในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ระบบกองทัพอาชีพหรือกองทัพแบบประจำการยังไม่ปรากฏขึ้นเป็นกิจจะลักษณะแบบอย่างในยุโรป กองทัพทหารยังคงเป็นลักษณะการเกณฑ์ชาวนามาออกรบในยามมีสงคราม ทำให้ราชทูตจากประเทศที่มีพัฒนาการด้านการทหารและเทคโนโลยีอย่างลาลูแบร์มองการทหารในภูมิภาคนี้ไปในทางลบหรือแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม บันทึกของลาลูแบร์ก็มีคุณูปการหลายอย่างในการเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บอกเล่าความเป็นอยู่ของทุกชนชั้นในสมัยอยุธยาในฐานะบุคคลร่วมสมัยและมีชีวิตอยู่ร่วมกับเหตุการณ์นั้นๆ โดยเฉพาะวิถีชีวิตของไพร่หรือคนธรรมดา ซึ่งมักไม่ค่อยถูกกล่าวถึงนักในหลักฐานไทยซึ่งมักอยู่ในรูปแบบของเอกสารที่ใช้ในทางราชการอย่างพระราชพงศาวดาร ในพระราชพงศาวดาร ข้อมูลที่พบมักมีแต่เรื่องราวของกษัตริย์ ตามจุดประสงค์ของมันแต่เดิมของพระราชพงศาวดาร คือมีไว้เพื่อให้กษัตริย์ในขณะนั้นศึกษาแนวทางในการบริหารบ้านเมืองของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ในความเป็นจริงแล้ว พระราชพงศาวดารเพิ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปเริ่มอ่านได้ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อสยามประเทศรับวัฒนธรรมการสร้างชาติและพลเมืองอย่างตะวันตกเข้ามา การกล่าวถึงวิถีชีวิตของราษฎรจึงแทบไม่มีและไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในพระราชพงศาวดาร
เมื่อต้องกล่าวถึงวิถีชีวิตและสังคมสมัยอยุธยา บันทึกของลาลูแบร์จึงแทบจะเป็นหลักฐานที่ถูกอ้างถึงมากที่สุด เช่น อยุธยายอยศ ยิ่งฟ้า ของสุจิต วงษ์เทศ ประวัติศาสตร์ของเพศวิถี:ประวัติศาสตร์เรื่องเพศ/เรื่องเพศในประวัติศาสตร์ไทย ของชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ รัฐนาฏกรรมกับเรือพระราชพิธี ของปกรณ์เกียรติ ดีโรจนวานิช และงานเขียนของนักวิชาการชื่อดังอีกหลายชิ้น แม้แต่ละครย้อนยุคชื่อดังอย่าง ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่หากย้อนดูแล้วเปิดบันทึกลาลูแบร์ประกอบ ก็จะพบว่าบันทึกดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อละครย้อนยุคเรื่องนี้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม นอกจากบันทึกลาลูแบร์ก็ยังมีหลักฐานจากชาวต่างชาติคนอื่นๆ ที่บันทึกเหตุการณ์ในสมัยเดียวกัน เช่น เชอวาเลีย เดอ ฟอบัง (Chevalier de Forbin) เป็นนายเรือโทชาวฝรั่งเศส นิโคลาส์ แชรแวส (Nicolas Gervaise) เป็นนักเดินทางชาวฝรั่งเศส บาทหลวง เดอะแบส (Claude de Bèze) และอีกมากมายหลายท่านที่ถูกแปลและตีพิมพ์รอให้ชวนอ่าน หากท่านได้มีโอกาสอ่านหลักฐานเหล่านี้ ท่านอาจเห็นเรื่องเล่าใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ต้องปล่อยให้ใครผูกขาดประวัติศาสตร์เพียงฝ่ายเดียว |