Nectec ม บทบาทใดในเคร อข ายอ นเทอร เน ตของประเทศไทย

อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาลัยวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการเชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้ทำการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโลยีแห่งเอเชีย (AIT), มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร์, สถาบันเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า “เครือข่ายไทยสาร” โดยสำนักวิทยบริการจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 96000 บิตต่อวินาทีจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย เพื่อเชื่อมเข้าสู่อินเตอร์เน็ตที่ บริษัท ยูยูเน็ตเทคโนโลยี ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2536 NECTEC ได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 64 กิโลบิต/วินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มความสามารถในการขนส่งข้อมูลทำให้ประเทศไทยมีวงจรสื่อสารระดับที่ให้บริการแก้ผู้ใช้ไทยสารอินเตอร์เน็ต 2 วงจร ในปัจจุบันวงจรเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่จุฬาลงกรณ์มหาลัย และ NETEC ได้รับการปรับปรุงให้มีความเร็วสูงขึ้นตามลำดับนับตั้งแต่นั้นมาเครือข่ายไทยสารได้ขยายตัวกว้างขึ้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตจากภาคเอกชนมีมากขึ้นการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) จึงได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชนเปิดบริการอินเตอร์เน็ตให้แก่บุคคลผู้สนใจทั่วไปได้สมัครเป็นสมาชิก ตั้งขึ้นในรูปแบบของบริษัทผู้ใช้บริการอินเตอร์เชิงพาณิชย์ เรียกว่า “ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต” หรือ ISP ซึ่งข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตจะถูกส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารซึ่งในแต่ละพื้นที่ หรือแต่ละประเทศซึ่งจะต้องรับผิดชอบกันเอง เพื่อเชื่อมต่อกับระบบใหญ่ของโลกให้ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) ซึ่งได้แก่ องค์กรที่ทำหน้าที่ให้บริการเชื่อมต่อสายสัญญาณจากแหล่งต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการ

คำที่เกี่ยวข้องภาษาไทย : บริการจดทะเบียน SSL, บริการจดโดเมนและ Colocation, บริการที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต, บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, ระบบประชุมทางไกลผ่านเว็บ, ให้คำปรึกษาและวางระบบ CA คำที่เกี่ยวข้องภาษาอังกฤษ : CA solution provider, SSL certificate registration, certification authority solution provider, domain name registration & colocation, internet connection service, internet related services, web conferencing solution, Certificate Authority (CA) Total Solution ​----- ​AR GROUP : ผู้ให้บริการความรู้

และในปี 2538 ได้มีการเปิดบริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์จากรัฐบาล โดยมีบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศไทย จำกัด, องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีการใช้สายเช่าครึ่งวงจรขนาด 512 Kbps ไปยัง UUNet ได้สำเร็จถือว่าเป็นบริษัทผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตรายแรกของประเทศไทย โดยในปัจจุบันมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมากถึง 18 บริษัทในประเทศไทย ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นทำให้ในปัจจุบันมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย เป็นเครือข่ายของหนึ่งจุดเชื่อม ต่อไปยังหลายจุดได้ ซึ่งทำงานได้ในระยะไกล และสุดท้ายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ คือการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G, 4G และ LTE ที่จะทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้บนสมาร์ทโฟน เมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์

จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการกับข้อมูลอีกมาก Catalog ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ข้อมูลภาครัฐ” ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติพัฒนามาตรฐานคำอธิบายชุดข้อมูล แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่และสำคัญของประเทศ หรือเมทาดาตา (Metadata) ของข้อมูลภาครัฐเพื่อให้สามารถใช้งาน ร่วมกันได้ทั่วประเทศ

การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) เป็นนโยบายสำคัญ ของประเทศในการยกระดับการทำงานภาครัฐให้ เมื่อข้อมูลทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงกันในระดับกระทรวงหรือ ทันสมัย เปิดเผย เชื่อมโยง และโปร่งใส หน่วยงาน รวมถึงข้อมูลเปิดภาครัฐ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและ

ส่งเสริมธุรกิจของภาคเอกชน เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ของประเทศมากขึ้น สร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ตลอดจน

เป็นฐานการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนโยบายของประเทศที่สนับสนุนให้มีการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ

(Open Government Data) เนคเทค สวทช.ได้วางเป้าหมายในการ

อย่างไรก็ตาม กระบวนการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ ต้องเป็นไป เป็น “Data Tool” ให้กับประเทศ ตาม Data Governance หรือ ธรรมาภิบาลข้อมูล

ที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการกำกับและดูแลข้อมูล Open-D จึงถูกพัฒนาขึ้นตามหลักการของความเป็นสากล ตั้งแต่กระบวนการสร้าง การจัดเก็บ การวิเคราะห์ ด้าน Open Data โดยได้พัฒนาต่อยอดความสามารถของซอฟต์แวร์ การเข้าถึง ไปจนถึงการทำลายข้อมูล CKAN (https://ckan.org/) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ระบบจัดการข้อมูล

เพื่อนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ชนิดโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมในการนำไปให้บริการเว็บไซต์บัญชี การใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ข้อมูลสำหรับข้อมูลเปิดทั่วโลก ปัจจุบัน Open-D ได้ถูกนำไป

รองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างยั่งยืน สนับสนุนการให้บริการข้อมูลเปิดในระดับประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (https://data.go.th) ระบบบัญชีข้อมูล

ภาครัฐ(https://gdhelppage.nso.go.th) ฐานข้อมูลเปิดภาครัฐเพื่อ สนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร ์

ชาติ (https://opendata.nesdc.go.th) เป็นต้น

3. ขาดการบูรณาการเชื่อมโยงเว็บข้อมูลเปิดในระดับหน่วยงาน จึงเป็นอุปสรรคต่อการ

เข้าถึงข้อมูลเปิดภาครัฐ ตอบโจทย เทรนด์การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในระดับสากล มักเป็น Open Data ในระดับหน่วยงาน หรือ

Open Data ภาครัฐ ระดับเมือง เช่น Open Data ของเมืองใหญ่ หน่วยงาน มหาวิทยาลัย ห้องสมุด เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่ช่วยสนับสนุนให้หน่วยงานสามารถเปิดเผยและบริหารจัดการ

ครบวงจร ข้อมูลเปิดได้ด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันการจัดทำ Open Data ในระดับหน่วยงาน ทำให้ข้อมูลเปิด ภาครัฐไม่สามารถเข้าถึงได้จากแหล่งเดียว ผู้ใช้สืบค้นไม่เจอ ทำอย่างไรจึงจะสามารถ

บูรณาการข้อมูลเปิดภาครัฐที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศให้สามารถสืบค้นร่วมกันในที่เดียวได้ Open-D หรือ เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม

ข้อมูลสำหรับข้อมูลแบบเปิด เป็นการ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมให้เกิดการ 2. ความต้องการเทคโนโลยี เปิดเผยและให้บริการข้อมูลเปิดภาครัฐ แพลตฟอร์มข้อมูลที่สามารถนำไป

ที่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยง่าย สะดวก ต่อยอดธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมี ครบวงจร ก้าวข้ามข้อจำกัดของ ประสิทธิภาพ

การเปิดเผยข้อมูลที่ผ่านมา

เมื่อความต้องการของภาครัฐในการ 1. ขาดซอฟต์แวร์สนับสนุนการ จัดทำ Open Data มีมากขึ้น ภาคเอกชน ดำเนินการอย่างครบวงจร ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยพัฒนามาก

ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามซอฟต์แวร์ที่เอกชน การพัฒนา Open Data ในประเทศไทย จะสามารถนำมาใช้ต่อยอดได้ คือ CKAN ยังขาดเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนการ ถึงแม้จะเป็นซอฟต์แวร์ระบบจัดการ

ดำเนินงานได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ ข้อมูล (Data Management System) การนำเข้า การตรวจสอบ การเปิดเผย ชนิดโอเพนซอร์ส ที่ได้รับความนิยมใน จากข้อจำกัดของการพัฒนาข้อมูลแบบเปิดของประเทศไทยในอดีต ข้อมูล ที่เป็นกึ่งอัตโนมัติ รวมถึงขาด การนำไปให้บริการเว็บไซต์บัญชีข้อมูล เนคเทค สวทช.มีเป้าหมายพัฒนา

ซอฟต์แวร์ที่จะทำให้ผู้ใช้นำข้อมูลไปใช้ (Data Catalog) สำหรับ Open Data Open-D เทคโนโลยีแพลตฟอรมขอมูลสำหรับขอมูลแบบเปด ประโยชน์ได้โดยง่าย ทั่วโลก แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ เพื่อทลายขอจำกัดเหลานี้

(Learning Curve) ค่อนข้างมาก ชวยใหการเปดเผยขอมูลภาครัฐเปนเรื่องงาย ดวย 4 ฟเจอรหลัก

ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรฐาน

เมทาดาตาของข้อมูลภาครัฐ ซึ่งมี ความท้าทายในการทำความเข้าใจและ

พัฒนาระบบให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่จะ มาเสริมภาคเอกชนให้สามารถปรับระบบ

ให้สอดคล้องตอบโจทย์บริบทภาครัฐได้ อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Open-D การบูรณาการข้อมูลแบบเปิด

ให้รวมเป็นหนึ่งนั้น จะเกิดขึ้นได้ ไมไดมีดี แคตอบโจทยภาครัฐ เมื่อ Metadata ของข้อมูลเปิด จากเว็บไซต์ข้อมูลแบบเปิดของ

หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศมี มาตรฐานเดียวกัน เมื่อความต้องการในการจัดทำ

ข้อมูลเปิดภาครัฐมีมากขึ้น เอกชนอาจได้รับหน้าที่เข้ามา Open-D จะช่วยให้ข้อมูลเปิดที่ หน่วยงานจัดทำผ่านระบบ สนับสนุนในส่วนนี้ได้เช่นกัน “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เนคเทค พยายามผลักดันงานวิจัยและพัฒนา สอดคล้องตามมาตรฐานบัญชี

ซึ่ง Open-D เป็นแพลตฟอร์ม ส่งมอบเป็นแพลตฟอร์มกลางให้กับ ข้อมูลภาครัฐ สามารถเชื่อมโยง

โอเพนซอร์สที่ใช้งานได้ฟรี ประเทศ โดยหวังให้แพลตฟอร์ม กับบัญชีข้อมูลอื่นๆ ได้ต่อไป สนับสนุนการใช้งานของทั้ง เหล่านี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานทาง ทำให้ศูนย์กลางข้อมูลเปิด ภาครัฐและระบบอื่น ๆ ที่เป็น ภาครัฐและเอกชน เทคโนโลยีในมิติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการ ต่อยอดพัฒนาประเทศโดยการลงทุน แพลตฟอร์มในระดับประเทศ

ที่ไม่สูง สามารถดึงข้อมูลไปใช้ประโยชน ์

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ได้ง่ายขึ้น นำไปสู่การสร้าง National Data Platform ให้ ผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. เกิดขึ้นได้จริงต่อไป

กล่าวว่า เป้าหมายของ Open-D “จนมาวันนี้ . . . เป็นอีกครั้งที่ ณ วันนี้ คือ การสนับสนุนให้ เนคเทค สวทช. ได้ส่งมอบ “ถ้าท่านมีความต้องการเปิด ภาครัฐเปิด Open Data ได้โดย Open Platform ให้กับประเทศ เผยข้อมูลของหน่วยงานให้ตอบ

เร็ว ง่าย และไม่มีค่าใช้ง่าย หรือ โจทย์บริบทของประเทศ โดย บริษัทเอกชนที่เข้ามารับหน้าที่ และเชื่อว่า Open-D ต่อยอดจาก CKAN อาจต้องใช้

ในส่วนนี้ จะสามารถขับเคลื่อนประเทศ เวลามาก เปรียบเป็นบันได 10 ขั้น ไปสู่ Data Economy เพื่อไปสู่ปลายทาง กระบวนการเหล่านี้จะทำให้เกิด ได้อีกมากมาย”

Ecosystem ขึ้นได้โดยไม่ต้อง แต่ถ้าท่านใช้ Open-D จะช่วย เริ่มต้นจากการลงทุนมากมาย ประหยัดเวลาเหลือเพียง 2 ขั้น

สุดท้ายงานวิจัยก็ไปถึงมือ เท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดภาระของ ประชาชนได้ด้วยตัวงานวิจัยเอง หน่วยงานได้เป็นอย่างมาก”

ดร.มารุต บูรณรัช กลุ่มวิจัยวิทยาการข้อมูล และการวิเคราะห์ เนคเทค สวทช.

eMENSCR

ระบบติดตามและประเมินผลแหงชาต ิ

เพ่อวิเคราะหเชิงนโยบาย ื

“eMENSCR”หรือ Electronic Monitoring and Evaluation System

of National Strategy and Country Reform เปนระบบสารสนเทศ หน่วยงานภาครัฐ ที่ใชติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการดําเนินงานของหนวยงาน

มีความจำเป็นต้องจัดทำโครงการต่าง ๆ ผานแผนงาน โครงการหรือการดําเนินการตาง ๆ ในการขับเคล่อน ื ในการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม สาธารณะ และประเทศชาติ การพัฒนาตามยุทธศาสตรชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดยเปน

เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน ระบบขอมูลขนาดใหญท่เช่อมโยงขอมูลจากสวนราชการตาง ๆ ได ื ี อยางบูรณาการ

จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการนำเครื่องมือ

ที่เรียกว่า “eMENSCR” จุดเร่มตนของ eMENSCR เกิดจากการหารือรวมกับระหวางสํานักงาน ิ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระบบสารสนเทศ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ และ เนคเทค สวทช.

ี ั ั ่ ุ ้ ั ํ ที่สามารถติดตามการทำงาน ประเมินผล ในการพฒนาระบบทตอบโจทยการจดทานโยบายสาธารณะทกขนตอน ั ู ั ํ และสามารถนำมาช่วยในการวิเคราะห์โครงการต่าง ๆ ต้งแตกระบวนการการจัดทาโครงการ ข้นตอนการติดตามผล สผลลัพธ  ระยะยาว เพื่อนำไปสู่จุดหมายและบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยสามารถสรางใหทุกหนวยงานทํางานรวมกันได ทุกคนเห็นขอมูล รวมถึงการลดอุปสรรค ข้อจำกัด และกับดักเดิม ๆ รวมกัน เห็นความซํ้าซอนของโครงการเพื่อจัดสรรงบประมาณการ ของภาครัฐที่ต่างคนต่างทำงาน ดําเนินงานที่เหมาะสม หรือสรางโครงการใหมที่ตอบโจทยมากย่งข้น ึ ิ

  1. รายงานผลการดําเนินงาน 4) สวนรายงานจํานวนโครงการ 7 เปน Dashboard เปาหมายแผนแมบทฯ ท่เปด ตามเปาหมายของแผนแมบทภาย เครื่องมือ eMENSCR ที่สอดคลองกับแผนแตละระดับ ใตยุทธศาสตรชาติ สนับสนุนการวิเคราะห ี ี เชิงนโยบาย เปนสาธารณะ โดยแสดงสถานะของการพัฒนา แสดงจํานวนโครงการท่สอดคลองกับมิต ิ ตาง ๆ ของแผนระดับท่ 1 และ 2 ในรูปแบบ ี ื เพ่อการบรรลุเปาหมายของแผนแมบทฯ จาก ของการนับโครงการตามปม (Node) ของ ี คาสถานการณตัวช้วัดท่กําหนดในแผนแมบทฯ โครงสรางตนไม (Tree) และแสดงตําแหนง ี ท้งหมด 176 เปาหมาย 211 ตัวช้วัดไวใน ของปมในตนไมท่มีและไมมีโครงการมารองรับ ี ั ี ี
  2. สวนรายงานสรปผลการ หนาเดียวกัน พรอมแสดงโครงการท่มีความ เพ่อใหหนวยงานเห็นความครอบคลุมของ ุ ื ดําเนินงานตามแผนระดับที่ 1 สอดคลองกับแตละเปาหมายของแผนแมบทฯ และแผนระดับที่ 2 การดําเนินงาน สามารถกรองโครงการ (Filter) จาก 5) สวนแสดงจํานวนโครงการ

เง่อนไขตาง ๆ ทําใหเห็นภาพรวมผลการ จําแนกตามสถานะการอนุมัติ 7) สวนแสดงขอมูลสถานะการ ื รายงานความกาวหนา (M6) ี ดําเนินงานของแผนระดับท่ 1 และ 2 รวม โครงการ ของโครงการ ถึงใชเปนชองทางในการเขาถึงเคร่องมือ ื ู ้ ั เชิงลึกในระบบ eMENSCR แสดงจํานวนโครงการจําแนกตามหนวยงาน แสดงขอมลสถานะทงหมดของการรายงาน ื และสถานะการอนุมัติโครงการ เพ่อเปนเคร่องมือ ความกาวหนา (M6) ของโครงการภายใน ื สําหรับบริหารจัดการภายในหนวยงาน หนวยงาน พรอมแสดงความกาวหนาของ เปาหมายโครงการ ผลการดําเนินงาน

ปญหาอุปสรรค และขอเสนอแนะ ทําใหเห็น

AI for Thai ภาพรวมของผลการดาเนินโครงการท้งหมด ั ํ ตอบโจทยการใชงาน AI ครอบคลุม 3 ดาน ื ภายในหนวยงานรายไตรมาส และเปนเคร่อง มือสาหรับการบริหารจัดการเพ่อการติดตาม ํ ื

  1. สวนแสดงโครงการทั้งหมด สถานะการรายงานความกาวหนา (M6)
  2. สวนสรุปจํานวนโครงการตาม แสดงรายช่อและรายละเอียดโครงการที่มี รายโครงการ ื ยุทธศาสตรชาติ แผนแมบทภายใต  ั ยุทธศาสตรชาติ แผนการปฏิรูป สถานะเปนอนุมัติแลวท้งหมด พรอมคนหา ี ประเทศ โครงการท่มีความสอดคลองกับแผนระดับ แสดงจํานวนโครงการจําแนกตามหนวยงาน ที่ 1 และ 2 แบบเชิงลึก ชวยใหสามารถวิเคราะห

เพ่อใหเห็นความครอบคลุมของการดําเนิน ชองวาง หรือ ความซํ้าซอนของโครงการ ื ั โครงการตอเปาหมายการพัฒนาประเทศ ท้งภายในและระหวางหนวยงาน พรอมพิจารณาชองวางของการดาเนินโครงการ ํ ื ื เพ่อพัฒนาใหตอบสนองตอการขับเคล่อนไป สูเปาหมาย

eMENSCR

One Stop Service บูรณาการโครงการรัฐ “ “ eMENSCR

เนคเทค สวทช. หวังให eMENSCR ปจจุบันขอมูลจาก eMENSCR เปด เปดขอมูลเปน Open Data ทั้งหมดแลว ี เปนจุดศูนยกลางของขอมูลท่แสดง เปนขอมูลสาธารณะ (Open Data) ขอใหทานลองนําขอมูลไปวิเคราะห ดูความซํ้าซอน ดูชองวาง ี ั ้ ึ ื ั ถงสถานการณหรอตวชวดของระบบ เปนสวนหน่งของฐานขอมูลเปดภาครัฐ สรางโครงการใหสอดคลองกับ ึ เปนเคร่องมือใหทุกหนวยงานรวมกัน เพ่อสนับสนุนการติดตามและประเมิน การพัฒนาประเทศสูเปาหมายตอไป ื ื วิเคราะห นําไปสูจุดมุงหมาย บรรล ุ ผลการดําเนินงานตามยุทธศาสตรชาต ิ เปาหมายในการพัฒนาประเทศสูความ (https://opendata.nesdc.go.th/) ั ั ั ั ม่นคง ม่งค่ง ย่งยืน รวมถึงการลด เพ่ออํานวยความสะดวกใหกับผูใช ื อุปสรรค ขอจํากัดและกับดักเดิมของ บรการท้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ั ิ ี ภาครัฐท่ตางคนตางทํางาน โดยให เอกชน รวมถึงหนวยงานของรัฐ ดร.นวพร สุรัสวดี มฤคทัต “ “ ทุกคนมองเห็นเปาหมายรวมกัน ซ่ง สามารถใชประโยชนจากขอมูลเปดภาค นักวิจัย ทีมวิจัยการวิเคราะหยุทธศาสตรดวยปญญาประดิษฐ ึ เนคเทค สวทช.  เปนวัตถุประสงคหลักของระบบฯ ท ่ ี รัฐ ในการคนหาและเขาถึงขอมูลท่ม ี ี จะทําใหสามารถติดตามการทํางาน คณภาพ ทันสมัย มั่นคงและมีความ ุ ประเมินผล และรวมกันขับเคลื่อนไปสู ปลอดภัย รวมทั้งเปนชองทางในการ เปาหมายเดียวกันได ตรวจสอบการดาเนินการของภาครัฐ ํ ํ และการดาเนินงานภายใตยุทธศาสตร  โดยแผนในอนาคตของ eMENSCR ภาพรวมระบบ eMENSCR ชาติได ู คือ การบรณาการขอมลกับหนวยงาน “ “ เราตองการบูรณาการขอมูล ู  ตาง ๆ เปน One Stop Service เพื่อ ใหสามารถติดตามขอมูลไดในระบบ การเปดเผยขอมูลโดย eMENSCR จะ หลายสวนของภาครัฐ ใหอยูใน Chain เดียวกันทั้งหมด เดียวกัน ดวยการสรางโครงการใหม เปนการสรางความโปรงใส พรอม เปน One Stop Service

จะมีขอมูลเกิดใหมทุกคร้ง ไมวาจะเปน ไดรับแนวความคิดใหม ๆ จากภาค ที่สามารถติดตามจากระบบนี้ได ั ขอมูลการบริหารจัดการโครงการ ประชาชนและสังคมเพื่อตอบโจทย ขอมูลสถานการณท่เก่ยวของ ขอมูล ี ี ประชาชนได ผลกระทบ และผลลัพธ

ดร.อานนท แปลงประสพโชค “ “ นักวิจัย ทีมวิจัยการวิเคราะหยุทธศาสตรดวยปญญาประดิษฐ เนคเทค สวทช.

Lorem ipsum 15% Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit.

Lorem ipsum 42% สำหรับด้านแพลตฟอร์มกลางของประเทศ Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer เนคเทคมองย้อนไปถึงคำถาม ณ จุดเริ่มต้น adipiscing elit. ของการทำเกษตรกรรม คือ

Lorem ipsum 78% Lorem ipsum dolor sit จะปลูกอะไร amet, consectetuer adipiscing elit. ปลูกที่ไหน

Agri-Map Lorem ipsum 21% และปลูกอยางไร

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit. แน่นอนเริ่มต้นมี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่เมื่อไม่มี “ข้อมูล” การเริ่มต้นทำเกษตรกรรมส่วนใหญ่

มักเป็นการปลูกตาม ๆ กัน แม้จะได้ปริมาณและคุณภาพผลผลิต แผนที่เกษตร ไม่ตรงตามที่คาดหวังไว้ก็ตาม

เพื่อการจัดการเชิงรุก และเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง แม่นยำ ในมุมมองระดับประเทศ

จึงเกิดการบูรณาการข้อมูลภาครัฐด้านการเกษตร

สรางแผนที่เกษตรเพื่อการจัดการเชิงรุก

หรือ Agri-Map ขึ้น

“เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ”

(Precision Farming)

เนคเทค สวทช. ในฐานะที่มี “เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ”

เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาเทคโนโลยีเน้น ภาคเกษตรกรรมไทย การวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ ระบบ และปัญญาประดิษฐ์

มีบทบาทสำคัญตอเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับการติดตั้งใช้งานในพื้นที่การเกษตรในงบ

การลงทุนที่เป็นไปได้

แต่เกษตรกรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เกษตรกรรายย่อย”

ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน สำหรับด้านแพลตฟอร์มกลางของประเทศ เนคเทคมองย้อนไปถึงคำถาม ณ จุดเริ่มต้น ของการทำเกษตรกรรม คือ ไม่ว่าจะเป็น สภาพภูมิอากาศที่ยากต่อการควบคุม ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต จะปลูกอะไร

ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปลูกที่ไหน

เทรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะ และปลูกอยางไร หรือ Smart Farming เข้ามามีบทบาท

กับวงการเกษตรในระดับโลก คำถามสำคัญ คือ เกษตรกรรายย่อยของไทย แน่นอนเริ่มต้นดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง

จะเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างไร ? แต่เมื่อไม่มี “ข้อมูล” การเริ่มต้นทำเกษตรกรรมส่วนใหญ่ มักเป็นการปลูกตาม ๆ กัน แม้จะได้ปริมาณและคุณภาพผลผลิต ไม่ตรงตามที่คาดหวังไว้ก็ตาม

แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีราคาลดลง ตามความพร้อมและหลากหลายของฮาร์ดแวร์ และ ซอตฟ์แวร์ในปัจจุบัน แต่ยังขาดระบบนิเวศในด้านการผลิต และเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง แม่นยำ ในมุมมองระดับประเทศ

และการบำรุงรักษาภายในประเทศที่จะช่วยให้เกษตรกรไทย จึงเกิดการบูรณาการข้อมูลภาครัฐด้านการเกษตร ได้ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่

ในราคาที่เหมาะสมและยั่งยืน สรางแผนที่เกษตรเพื่อการจัดการเชิงรุก หรือ Agri-Map ขึ้น

ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ผ่านการ Agri-Map วิเคราะห์และประมวลผลด้วยเทคโนโลยี ใช้งานง่าย เข้าถึงสะดวก Agri-Map ด้าน Big Data และ Machine Learning

ที่ภาครัฐสามารถนำไปใช้กำหนดนโยบาย

แผนที่เกษตร รวมถึงเกษตรกรสามารถนำไปใช้ประโยชน์ Agri-Map Online สำหรับใช้งาน ทั้งในด้านบริหารจัดการทรัพยากร น้ำ การเพาะปลูก และผลผลิตด้านการ ผ่านคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค และ Agri-Map Mobile เพื่อการจัดการ เกษตรได้ตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึง แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน

ตำบล ในมิติของปัจจัยการผลิต อุปสงค์ เชิงรุก และอุปทาน Agri-Map แสดงการใช้

พื้นที่เกษตรกรรมของแต่ละจังหวัดให้ เกิดความสมดุลและมีเป้าหมายสำหรับ บริหารจัดการสินค้าเกษตร การใช้พื้นที่

เกษตรกรรม การพัฒนาแหล่งน้ำทั้ง

Agri-Map (Agricultural Map For บนดินและแหล่งน้ำใต้ดิน Adaptative Management) คือ

แผนที่เกษตรเพื่อการจัดการเชิงรุก โดยมีเทคโนโลยีคลาวด์เป็นอีกหนึ่งปัจจัย

ภารกิจการจัดทำแผนที่ขุมทรัพย์ สำคัญสำหรับ Agri-Map ด้วยการ

ด้านการเกษตรไทยนี้ เริ่มต้นจากการ บูรณาการข้อมูลจำนวนมหาศาล และ บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่าง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยแต่ละหน่วย

กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน และ งานเจ้าของข้อมูลจะมีรอบในการอัปเดต สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ข้อมูลที่แตกต่างกันตามประเภทของ เพื่อจัดทำแผนที่สารสนเทศทางน้ำ ข้อมูล ยกเว้นข้อมูลสภาพอากาศที่จะมี

(Information Water Way Map การอัปเดตทุก ๆ 15 นาที เมื่อข้อมูล หรือ IWM) เปลี่ยน ผลการวิเคราะห์ โมเดล และแผนท ี่ ก็ต้องเปลี่ยน ทั้งหมดจึงต้องเป็นระบบ

ต่อมาได้ขยายผลให้ครอบคลุมมิติ อัตโนมัติ (Automatic Workflow ด้านการเกษตรยิ่งขึ้น จากการบูรณาการ Management)

ข้อมูลทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวง หากถามว่าทำไม Agri-Map จึงเป็น เกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่น ๆที่ แผนที่ขุมทรัพย์ด้านการเกษตร เพราะ

เกี่ยวข้อง Agri-Map รวบรวมข้อมูลภูมิศาสตร์ และข้อมูลประกอบอื่น ๆ ทุกมิติที่สำคัญ

ด้านการเกษตรกว่า 200 ชั้นข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลดิน น้ำ พืช ประมง

ขอบเขตการปกครอง การใช้ประโยชน์ ที่ดิน ประชากร ทะเบียนเกษตรกร การตลาด และโลจิสติกส์

Agri-Map บอกได

ปลูกอะไร ปลูกตรงไหน ผลผลิตดี มีตลาดรองรับ

นอกจากข้อมูลด้านการเกษตรที่ ปานกลาง น้อย และไม่เหมาะสม แพลตฟอรมสาธารณะ

ครบคลุมทุกมิติแล้ว Agri-Map พร้อมให้ทางเลือกชนิดพืชที่ ยังประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นโดย เหมาะสมกับพื้นที่ โดยจะเปรียบเทียบ

อาศัยเทคโนโลยีด้าน Big Data ผลตอบแทนของการปลูกพืช ตอบโจทยนโยบาย และ Machine Leaning สร้าง แต่ละชนิดบนที่ดินผืนเดียวกัน โมเดลการพยากรณ์การปลูกพืช เป็น“ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจ” เกษตรของประเทศ

เศรษฐกิจทดแทน เมื่อเกษตรกรทราบแล้วว่า ณ เวลา ปัจจุบัน พื้นที่ของตนเหมาะสม

ดร.นพดล คีรีเพ็ชร นักวิจัยอาวุโส จะปลูกพืชชนิดใดแล้ว ยังสามารถ จนถึงปัจจุบัน Agri-Map ยัง ทีมวิจัยคลังอนุพันธ์ุ์ความรู้ เนคเทค คาดการณ์ผลตอบแทน วางแผน เป็นแพลตฟอร์มสาธารณะที่ สวทช. เล่าว่า ทันทีที่เกษตรกร ตลาดที่จะขายผลผลิตได้อีกด้วย ตอบโจทย์นโยบายสำคัญของ

ปักหมุดพื้นที่และระบุพืชที่ต้องการ ประเทศด้านเกษตรกรรม โดย ปลูก ระบบจะให้ข้อมูลผลตอบแทน ที่ผ่านมาระบบ Agri-Map มีการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ เข้าใช้งานกว่า 1.3 ล้านครั้ง ข้อมูลความเหมาะสมของพื้นที่ ในการบริหารจัดการพื้นที่ ตั้งแต่ระดับเหมาะสมมาก อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานหลักของ เกษตรกรรมทั่วประเทศ ส่งเสริม ระบบ คือ หน่วยงานภาครัฐที่

จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปเป็นฐานใน ให้เกษตรกรไทยสามารถใช้ การกำหนดนโยบายการใช้ประโยชน์ ประโยชน์จากที่ดินได้ตรงตาม จากที่ดินด้านการเกษตร การแนะนำ ศักยภาพของที่ดิน และสอดคล้อง

พืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมในแต่ละ กับความต้องการของตลาด พื้นที่ หรือ พื้นที่เป้าหมายในการ มากที่สุด ดังนั้น คงไม่มากเกินไป

ปลูกพืชแต่ละชนิด หากจะกล่าวว่า Agri-Map คือ แผนที่ขุมทรัพย์ด้านการเกษตร ไทยอย่างแท้จริง

ดร.นพดล คีรีเพ็ชร นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยคลังอนุพันธ์ุ์ความรู้

เนคเทค สวทช.

ระบบเกษตรแม่นยำ

ฟาร์มอัจฉริยะ

HandySense

ระบบเกษตรแมนยํา ฟารมอัจฉริยะ

“HandySense ระบบเกษตรแมนยำ ฟารมอัจฉริยะ” นำเทคโนโลยี

เซนเซอร์ (sensor) ผนวกอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things) สู่ อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยต่อการ

เจริญเติบโตของพืชผล ตั้งแต่การปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ การให้ปุ๋ย การป้องกันแมลง รวมทั้งการควบคุม อุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณแสง

ไมวาสิ่งรอบตัวจะเปลี่ยนแปลงไปแคไหน แตปจจัยที่ยังยืนหนึ่ง

ของวงการเกษตรไทยไมเปลี่ยนแปลง คุณนริชพันธ เปนผลดี ผูชวยวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตร

คือ สภาพดินฟาอากาศ ดิจิทัล เนคเทค สวทช. เลาถึงจุดเริ่มตนของระบบ HandySense วา ิ ซึ่งมีผลโดยตรงตอคุณภาพและปริมาณของผลผลิต “เร่มตนจากแรงบันดาลใจ คือ คุณพอและตนตระกูลเปนเกษตรกร เราเห็นวาเกษตรกรตองใชพลังงานเยอะกวาจะไดผลผลตออกมารวม ิ ั ท้งเงินทุนและทรัพยากรตาง ๆ ซ่งชวงป 2558 มีอุปกรณตัวหน่ง ึ ึ ี ิ แม้สภาพอากาศในปัจจุบันจะแปรปรวนยากต่อการควบคุม เพ่งเขามาและเปนท่นิยม คือ อุปกรณไอโอที (Internet of Things) แต่วิธีการทางการเกษตรได้อัปเกรดสู่ เราจึงคิดนําอุปกรณนี้มาเปนตัวชวยบริหารจัดการฟารม ซึ่งจะเปน ประโยชนทั้งดานทรัพยากรและแรงงาน เพราะคุณพอก็แกลงทุกวัน ระบบเกษตรอัจฉริยะ หรือ Smart Farm นั่นคือจุดเริ่มตนที่เรานําเทคโนโลยีเขาไป เพราะเราเปนลูกเกษตรกร ตอบรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เราจึงตองการชวยยกระดับเกษตรกรโดยใชเทคโนโลยี”

อย่างไรก็ตามความสมาร์ตอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางออก

หากเกษตรกรไม่สามารถเข้าใจ และเข้าถึงการใช้งานได้อย่างแท้จริง

การทํางานของระบบ ใชงานงายดวย

นับเวลาดวย RTC (Real Time Clock) 3 Smart

เมื่อมีการตั้งเวลา ปิด-เปิด การทำงาน Feature ของอุปกรณ์บนบอร์ดจะเช็กเวลาด้วย

RTC ds1307

ั การส่งงานผานสมารตโฟน การสั่งการของทำงานอุปกรณ เกษตรกรสามารถส่งงาน on / off ั เชื่อมต่อการสื่อสารผ่าน I/O, I2C, SPI, ระบบควบคุมตาง ๆ ผานสมารตโฟนได เชน UART เช่น เซนเซอร์วัดอุณหภูมิและ หากพบการแจงเตือนคาความช้นในดินตากวา ื ่ ํ สื่อสารผานไวไฟโดยใช ESP32 ความชื้นสัมพัทธ์, ความชื้นดินและแสง ท่กําหนดสามารถกดส่งรดนํ้าพืชผลไดทันท ี ี ั ื การเช่อมตอกับไวไฟใช ESP32 และอื่น ๆ Controller

การต้งเวลา ั ื ื การเช่อมตอ I/O เพ่อแสดงสถานะ ั การทํางานบนตูควบคุม เกษตรกรสามารถต้งเวลาใหระบบ การเชื่อมตอเซนเซอร ทํางาน โดยอัตโนมัติตามเวลาท่กําหนดไว ี ื ื เช่อมตอการส่อสารผาน I/O, I2C, เชน ต้งเวลาการใหปุยซ่งจําเปนตองใหอยาง ึ ั ู ุ SPI, UART เชน เซนเซอรวัดอณหภม ิ สมํ่าเสมอ มีรอบเวลาชัดเจน ื ื และความช้นสัมพัทธ, ความช้นดิน ระบบ HandySense ทํางานรวมกัน และแสง และอื่น ๆ 2 สวน คือ การใชระบบเซนเซอร (1) อุปกรณตรวจวัดและควบคุม การเชื่อมตออุปกรณ (Actuator) เมื่อเซนเซอร์ตรวจพบค่าสภาวะที่ (2) Web Application เช่อมตออุปกรณเอาตพุต ได 4 ไม่เหมาะสมจะสั่งงานระบบอื่น ๆ ให้ทำงาน ื ั โดย HandySense จะตรวจวัดคา Channel เชน ปมนํ้าไฟฟา, พดลม โดยอัตโนมัติ เช่น หากพบค่าอุณหภูมิสูง กว่าที่กำหนดจะสั่งงานให้สเปรย์หมอกทำงาน ื ี สภาพแวดลอมท่สําคัญตอการเจริญ ระบายอากาศ, หลอดไฟและอ่น ๆ โดยอัตโนมัติ เพื่อลดอุณหภูมิ เติบโตของพืชผลแบบเรียลไทมผาน ้ เซนเซอร ไมวาจะเปนอุณหภูมิ ความชน ื  ในดิน ความช้นสัมพัทธ แสง และสงตอ  ื ขอมูลจากเซนเซอรผานระบบคลาวด แลวนํามาเปรียบเทียบกับคาท่เหมาะสม ี ของการเพาะปลูก (Crop Requirement) ื ั เพ่อแจงเตือนและส่งการระบบตาง ๆ ให ทํางานตอไป

จากความเขาใจเกษตรกรไทย

สู HandySense Open Innovation

เมื่อ 18 มีนาคม 2564 กระทรวงเกษตรฯ คุณนริชพันธ เปนผลดี ผูชวยวิจัย “ “ จับมือ เนคเทค สวทช. ผนึกกำลังพันธมิตร อาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล “แมมีอุปกรณ Smart Farm

เปิดพิมพ์เขียวระบบเกษตรอัจฉริยะ เนคเทค สวทช. กลาววา จำนวนมากในปจจุบัน แตสิ่งที่เราทำ HandySense เพื่อประโยชน์สาธารณะ “HandySense Open Innovation” เราไมไดแขงขันกับใคร

ขับเคลื่อนสมาร์ตฟาร์มแบบเปิดสู่ นั้นจะมีการทดสอบมาตรฐานระดับ สังคมไทย ตั้งเป้าหมายให้เกษตรกร อุตสาหกรรม ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส ์ เราเปนองคกรที่ตองชวยเหลือ ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไปนำไป ประชาชน วิจัยเพื่อประเทศชาติ

ผลิตเพื่อใช้หรือจำหน่ายได้ ภายใต้ ที่ใช้กับงานด้านการเกษตรนั้นจะต้อง มีความทนทานต่อความแปรปรวนของ แนวคิด Smart Farming Open สภาวะแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความร้อน สิ่งที่เราทำ คือ Open Innovation Innovation หรือ นวัตกรรม ความชื้น ไปจนถึงเรื่องของฟ้าฝน คือเราจะมีพิมพเขียวของอุปกรณ

แบบเปด ซอฟตแวร เฟรมแวร ไปจนถึง Web “แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่เราส่งผ่านไปถึง โดยมุงหวังใหเกษตรกรไทยยุคใหม เกษตรกร หรือ Open Hardware Application เปดเปนสาธารณะ

ไดมีเครื่องมือที่ทันสมัย ใชงานในราคา จะได้มาตรฐาน เราหวังว่าเกษตรกรจะ ที่จับตองได และตองการใหเกิด สามารถใช้ได้เหมือนอย่างรถไถ ที่ถึงแม้มี ทั้งหมดเพื่อใหเกษตรกรนำไปใช

อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือทาง ราคาแพง แต่ต้องใช้เพราะของมันต้องมี เปนประโยชนกับประเทศของเรา ดานสมารตฟารมโดยผูประกอบการ โดยปัจจุบัน HandySense สนนราคา “ “ ไทย อยู่ในหลักพันบาทเท่านั้น”

โดยหลังการเปิด HandySense Open Innovation ในระยะเวลา 1 ปี ทำให้ชุมชน คุณนริชพันธ เปนผลดี

ของ HandySense เติบโตขึ้นอย่าง ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส ต่อเนื่อง ภายใต้การขับเคลื่อนของ ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช.์ เนคเทค สวทช.และเครือข่ายพันธมิตร ภายในระบบนิเวศ (Ecosystem) ของ HandySense

IDA

แพลตฟอร์มไอโอที

และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม

(Industrial IoT and Data Analytics Platform)

IDA

แพลตฟอร์มไอโอที และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม

การเปลี่ยนแปลงสูเศรษฐกิจและสังคม (Industrial IoT and Data Analytics Platform)

ที่ขับเคลื่อนดวยเทคโนโลยี

ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมในประเทศสู่

อุตสาหกรรม 4.0 ผ่านนโยบายและโครงการต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อผ่านพ้น คือ การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable

Digital Disruption Manufacturing Center: SMC) โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใน

โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS) ภายใต้เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เพื่อ ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักแต่กลับเป็นปัจจัยขับเคลื่อน สนับสนุนการขยายผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

ให้ทุก ๆ บริบทของสังคม ของไทยสู่การใช้ประโยชน์ และลดช่องว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมของ ประเทศพร้อมผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ Industry 4.0 ก้าวสู่โลกแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม

แพลตฟอร์ม IDA นับเป็นหนึ่งโครงการนำร่องสำคัญภายใต้ศูนย์นวัตกรรม การผลิตยั่งยืน (SMC) จากความร่วมมือระหว่าง ARIPOLIS SMC สวทช. เช่นเดียวกันกับภาคอุตสาหกรรม และพันธมิตรรัฐร่วมเอกชน

ที่จำเป็นต้องมุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0

โดยเร็วที่สุดเพื่อข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได ้ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากจากอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ตรวจจับสัญญาณต่าง ๆ จากเครื่องจักรใน กระบวนการผลิตสู่การวิเคราะห์และบูรณาการข้อมูลทำให้ทราบสถานภาพ

ของเครื่องจักร นำไปสู่การบริหารจัดการการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ แตจะทำอยางไรจึงจะสามารถ และอนุรักษ์พลังงาน

ประยุกตใชอุตสาหกรรม 4.0 ดวยตนทุนที่ต่ำที่สุดและเกิดความคุมคามากที่สุด ตอบสนองความจำเป็นเร่งด่วนต่อการปรับตัวของ SME ในภาคการผลิต รวมทั้งสอดรับการเปลี่ยนแปลงรอบด้านภายหลังจากโควิด-19

เริ่มตน

ดานพลังงาน

แพลตฟอร์ม IDA ตั้งเป้าเริ่มดำเนินการ เรื่องการตรวจสอบการใช้พลังงาน

(Energy Monitoring) เป็นลำดับแรก

โดยการรวบรวมและแสดงผลข้อมูล

การใช้พลังงานของเครื่องจักรใน โรงงานแบบ Real-Time

นอกจากนี้แพลตฟอร์ม IDA ยังสามารถ เชื่อมโยงข้อมูลในระดับมหภาคเพื่อใช้

วางแผนการจัดการด้านพลังงาน ของประเทศได้อย่างแม่นยำ พร้อม

รองรับการบริหารจัดการพลังงาน ตามความต้องการของแต่ละช่วงเวลา เนคเทค สวทช. ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรม 4.0 หลายผลงาน สำหรับเทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งของ (Demand Response) ในอนาคต แพลตฟอร์ม IDA นั้น ได้แก่

ก่อนขยายผลสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพ [1] URCONNECT (Universal Remote Terminal Unit) หรือ หนวยตรวจวัดระยะไกลยูนิเวอรแซล การผลิตต่อไป โดยการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทราบต้นทุนรวมถึงภาพรวมด้านการใช้พลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานใน

โรงงานให้คุ้มค่าสูงสุด

[2] NETPIE (Network Platform for Internet of Everything) หรือ แพลตฟอรมสื่อสารเพื่อเชื่อมตอทุกสรรพสิ่ง

“NETPIE 2020” แพลตฟอร์ม IoT สัญชาติไทยเวอร์ชันใหม่ล่าสุด ด้วยคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้น เพื่อลดภาระและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ด้าน IoT โดยเฉพาะ ช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือระบบ IoT ใด ๆ ก็ตามเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างต้นแบบ การพัฒนา

ระบบเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการดูแลรักษา ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ

การประยุกตใชงานแพลตฟอรม IDA

อุตสาหกรรม:

แพลตฟอร์ม IDA เป็นแพลตฟอร์ม IoT และระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมที่ การตรวจจับการใช้พลังงานในระดับเครื่องจักรแบบ Real-time ช่วยให้ผู้ประกอบ เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิตสู่การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) การนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการตัดสินใจในการวางแผนและบริหารจัดการ

อย่างอิสระ ดังนั้น แพลตฟอร์ม IDA จึงสามารถประยุกต์ใช้งานครอบคลุมได้ พลังงานในสถานประกอบการของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น พร้อมต่อยอดไปสู่การวัดประสิทธิภาพการผลิตของเครื่องจักร (Overall [1] การตรวจวัดปริมาณการใช้พลังงานในโรงงาน (Energy Monitoring) Equipment Effectiveness: OEE) และการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์

การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทราบต้นทุนรวมถึงภาพรวมด้านการใช้พลังงานเพื่อ (Predictive Maintenance) ต่อไป

ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานให้คุ้มค่าสูงสุด

[2] การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต หรือ Overall Equipment Effectiveness (OEE)

การเชื่อมโยงข้อมูลพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของเครื่องจักรเพื่อวิเคราะห์ประสิทธิผล IDA สรางขึ้นโดยมีหมุดหมาย โดยรวมที่บ่งบอกความพร้อมของเครื่องจักรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพ

การผลิต นำไปสู่การแก้ไข ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างตรงจุดเพื่อเพิ่ม เพื่อพัฒนาไทยสู Industry 4.0

แพลตฟอรม IDA

โดยผสานพลังบูรณาการองค์ความรู้ทั้งจากหน่วยงานวิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม โดย สวทช. รวมถึงความร่วมมือจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวง พัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม พลังงาน ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมถึงสภาอุตสาหกรรมแห่ง

ประเทศไทยและเอกชน ทั้งที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ในวงการอุตสาหกรรม ประเทศไทย: IDA Platform จะรวบรวมและแสดงผลข้อมูลการใช้พลังงาน 4.0 ของโลกและไทยมาร่วมทำงานด้วยกันเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้แก่ผู้ ของโรงงานแบบ Real-time ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ประกอบการ SME ไทย

ในประเทศเห็นภาพรวมการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานอุตสาหกรรมของ ประเทศไทย และสามารถนำข้อมูล Industrial Big Data นี้ไปใช้วางแผนการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ รวมทั้งช่วย

จัดการด้านพลังงานของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถานประกอบการ โรงงาน บริษัท รวมถึง SME ยกระดับความสามารถสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนให้ประเทศไทยมี Big Data ข้อมูลสถานภาพความ

พร้อมของอุตสาหกรรมไทยในระดับมหภาคที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถนำ

เศรษฐกิจ: IDA Platform จะเป็นหนึ่งฟันเฟืองในการส่งเสริมการสร้าง มาใช้ในการตัดสินใจและกำหนดนโยบายระดับชาติได้อีกด้วย โครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมที่จะมีผลต่อการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจ

BCG (Bio-Circular-Green Economy) ในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ ประกอบการให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีเชื่อมต่อกับห่วงโซ่อุปทานและเกิด มูลค่าการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและพัฒนาคุณค่า

ผลิตภัณฑ์และบริการจากงานวิจัยไทย

NETPIE

แพลตฟอร์มไอโอที

สัญชาติไทย

“เน็ตพาย (NETPIE)”

แพลตฟอร์มไอโอทีสัญชาติไทย

NETPIE (Network Platform for Internet of Everything) หรือ

แพลตฟอร์มสื่อสารเพื่อเชื่อมต่อทุกสรรพสิ่ง เนคเทค สวทช. มีเป้าหมาย ในระยะแรกเพื่อบริการและสนับสนุนให้นักพัฒนาและกลุ่มอุตสาหกรรม

ขนาดย่อมของไทยใช้บริการ NETPIE แพลตฟอร์ม IoT อันเป็น รากฐานสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ สู่ Industry 4.0 พร้อมการพัฒนาบุคลากรเสริมแกร่งทักษะรองรับการเติบโต

ความกาวหนาในยุคนวัตกรรมดิจิทัล ของเทคโนโลยี IoT นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมและบริการแห่ง

ไมไดหยุดวิ่งแคการพัฒนาเทคโนโลยี อนาคต

ที่ทำใหมนุษยสามารถติดตอสื่อสารผานทาง

อุปกรณตาง ๆ ไดดวยอินเทอรเน็ต นับตั้งแต่การเปิดตัวผลงานวิจัย NETPIE เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558

นั้น แนวโน้มการนำ NETPIE ไปใช้ประโยชน์ได้พัฒนาไปในทิศทางที่

แต่ขณะนี้โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ทุกสรรพสิ่งไม่ว่า ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ และเกิดพลัง

คน สัตว์ อุปกรณ์ หรือสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ขับเคลื่อนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรี สามารถเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือทำงานร่วมกันได้ ว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในขณะนั้น ได้ประกาศ

ด้วยแนวคิดที่เรียกว่า วิสัยทัศนขับเคลื่อนประเทศไทยสูการเปนเมืองแหงนักพัฒนา (Makers Nation) ในวันที่ 18 มกราคม 2561 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์

“เทคโนโลยีการเชื่อมตอของสรรพสิ่ง หรือ IoT” ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ความอัจฉริยะของ IoT จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามามีอิทธิพล โดยเริ่มต้นด้วยการยกระดับ NETPIE (Network Platform for

ต่ออุตสาหกรรมแทบทุกด้าน ประเทศไทยจึงไม่อาจอยู่ในฐานะ Internet of Everything) แพลตฟอร์มสื่อสารเพื่อเชื่อมต่อทุก ของผู้ใช้เทคโนโลยีเท่านั้นแต่ต้องเร่งให้ทันในฐานะของผู้สร้าง สรรพสิ่ง สู่การให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ เทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0

แพลตฟอร์ม NETPIE จากเนคเทค สวทช. • พรอมรองรับการผลิตเชิงพาณิชย

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการเชิง ปลดล็อกทุกขอจำกัด

พาณิชย์ในระยะยาว พรอมตอบสนอง การพัฒนา IoT อำนวยความสะดวกในการพัฒนา ผลิตภัณฑ IoT เชิงพาณิชย หรือการ ความตองการของภาคอุตสาหกรรม ดวยคุณสมบัติโดดเดน ผลิต Mass Production สามารถจัดการ

และ การพัฒนาประเทศอยางเต็ม สิทธิ์ จัดกลุ่ม ลงทะเบียนความเป็นเจ้าของ From Makers Nation ประสิทธิภาพ ของ NETPIE2020 อุปกรณ์ได้ภายหลังการขาย

Toward Smart Nation

ใชงานงาย ดวย UI/UX ที่ปรับปรุงใหม จัดการขอมูลครบวงจร

ออกแบบโดยคำนึงถึง User Experience มีระบบจัดการขอมูลที่ครบวงจร “NETPIE 2020” แพลตฟอรมไอโอที ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันโต้ตอบกับ เวอรชันใหมลาสุดที่จะมาทลายทุก เป็นหลัก ช่วยให้เรียนรู้ใช้งานได้อย่าง อุปกรณ์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

ขอจำกัด ดวยคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้น รวดเร็ว ใชงานงายทั้งมือใหมและมือโปร เพื่อลดภาระและตอบโจทยผูใชงาน ดาน IoT โดยเฉพาะ ช่วยให้การพัฒนา ผลิตภัณฑ์หรือระบบ IoT ใด ๆ ก็ตาม • ยืดหยุน ไรขีดจำกัด อิสระในการเชื่อมตอและการเขียน

เป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้าง พื้นฐานเทคโนโลยี Microservice ทำให้ โปรแกรม ต้นแบบ การพัฒนาระบบเพื่อการใช้งาน แพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่นรองรับการ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

เชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการดูแลรักษา ขยายตัวแบบไรขีดจำกัด และไมโครคอนโทรลเลอร์ได้หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ยิ่งขึ้น พร้อมรองรับการเขียนโปรแกรม เชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์นานาชนิด

เพื่อเชื่อมตอกับฮารดแวรใหม ๆ ใน ตลาดไดอยางรวดเร็ว

โดยส่วนหนึ่งของทีมวิจัยและพัฒนา

NETPIE ได้ก้าวออกจากเนคเทค สวทช. และได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท เน็กซ์พาย

จำกัด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริการ เชิงพาณิชย์อย่างมืออาชีพภายใต้การ อนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing) ผู้สนใจสามารถเข้าไปใช้งาน

และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

https://netpie.io

กาวตอไป !

แพลตฟอรมไอโอทีสัญชาติไทย “ “

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒนชัย สำหรับเป้าหมายของ NETPIE NETPIE 2020 ผูอำนวยการเนคเทค สวทช. ในอนาคตนั้น . . . ได้อธิบายความเชื่อมโยงของ ยังคงยืนหยัด

เทคโนโลยีที่จะขับเคลื่อนประเทศ ดร.พนิตา พงษไพบูลย ใหบริการฟรี สู่ Smart Nation หรืออาจตก รองผูอำนวยการเนคเทค สวทช. เพื่อมอบอาวุธในการฝึกฝนทักษะและ ขบวนหากก้าวไม่ทันเทคโนโลยี กล่าวว่า จะเตรียมการรองรับ ความคิดสร้างสรรค์ให้นักพัฒนาไทย

ดังนี้ การเชื่อมต่อแบบ 5G เพื่อเพิ่ม ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ขีดความสามารถในการเป็น พร้อมเป็นสปริงบอร์ดสร้างนวัตกรรม

ตัวกลางขนส่งข้อมูล พร้อมแผน และนวัตกรให้กับประเทศ “การพัฒนา AI ต้องใช้ข้อมูล ในการผนวกความสามารถด้าน มหาศาล (Big Data) และการจะ การประมวลผลข้อมูลด้วย AI ผลักดัน Makers Nation

ได้ข้อมูลมหาศาลนั้นจำเป็นต้อง อีกด้วย พร้อมกันนี้จะเพิ่ม ไปสูการเปน Smart Nation มีแพลตฟอร์ม IoT เติมบริการที่ตอบโจทย์ภาค ในอนาคตอันใกล้

อุตสาหกรรมของประเทศที่เพิ่ม “ “ การที่แพลตฟอร์ม IoT จะทำงาน ขึ้น ได้ดียิ่งขึ้น เรารอ Network

ระดับ 5G”

โดยตั้งแต่ปี 2015 NETPIE เป็น แพลตฟอร์ม IoT ที่เปิดให้บริการ ดร.พนิตา พงษไพบูลย รายแรก ๆ ทั้งไทยและทั่วโลกใน รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช.

ช่วงเวลาที่น้อยคนจะรู้จัก IoT โดยมีเป้าหมายผลักดันประเทศ

สู่ Maker Nation ตลอดระยะ เวลา 5 ปีที่ผ่านมา NETPIE เติบโตอย่างต่อเนื่อง

UNAI

เทคโนโลยีระบุตําแหนง

ภายในอาคาร

UNAI “อยูไหน”

เทคโนโลยีระบุตําแหนงภายในอาคาร

เนคเทค สวทช.ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและเสริมศักยภาพ

ธุรกิจไมซ์ของไทยให้ก้าวไกลระดับนานาชาติ

นั่นคือ ระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร หรือ “แพลตฟอร์มอยู่ไหน” ในโลกธุรกิจ (UNAI platform) ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก “อยู่ไหน 3 มิติ”

ที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง การเคลื่อนที่ของคนหรือวัตถุสิ่งของภายในอาคารแบบออนไลน์

เริ่มแรกทีมวิจัยได้พัฒนาระบบระบุตำแหน่งภายในอาคารขึ้นสำหรับ

ใช้ติดตามหรือระบุตำแหน่งของพัสดุต่างๆ ภายในอาคารสำนักงาน “ขอมูล” คือกุญแจสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารงานพัสดุของสำนักงาน ที่จะชวยใหผูประกอบการสามารถพัฒนาสินคา และปัจจุบันกำลังพัฒนาต่อยอดเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับงาน และบริการใหตรงใจผูบริโภค แสดงสินค้าและนิทรรศการ

เนื่องจากที่ผ่านมาผู้จัดงานจะเก็บข้อมูลผู้เข้าชมงานทั้งในรูปแบบ

ไม่เว้นแม้แต่ในธุรกิจการจัดงานอีเวนต์ การลงทะเบียนหน้างาน หรือการสแกนคิวอาร์โคดด้วยโทรศัพท์

ทั้งงานแสดงสินค้า นิทรรศการ และการประชุมนานาชาติ มือถือ ซึ่งวิธีนี้ยังไม่สามารถบอกได้ถึงความหนาแน่นของผู้เข้าชม

หรือเรียกว่าอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) งานในบริเวณต่างๆ หรือแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าชมงานให้ความ

ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาท สนใจบริเวณใดเป็นพิเศษ

และกำลังเติบโตในประเทศไทย

3 สวนหลักของ UNAI ปัจจุบันทีมวิจัยจึงนำต้นแบบระบบ UNAI

มาประยุกต์ใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ระบบ UNAI จัดอยู่ในกลุ่มของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง

เพื่อส่งข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันและสถานะ (Internet of Things) ประกอบด้วยอุปกรณ์ 3 ส่วนหลัก ได้แก่

การทำงานของรถ AGV ภายในส่วนการ

ผลิตของ “ไดซิน” บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้ายระบุตำแหน่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณ อุปกรณสงและรับ ยานยนต์ชั้นนำของไทยผ่านเครือข่าย 1 สัญญาณไรสายเพื่อ ไร้สาย เช่น สัญญาณมาตรฐานบลูทูธพลังงานต่ำ (Bluetooth 5G ของทางดีแทค Low Energy: BLE) ที่เรียกว่า แท็ก (Tag) และ อุปกรณ์รับ ตรวจจับตำแหนง สัญญาณไร้สาย หรือ แองเคอร์ (Anchor) ซึ่งออกแบบให้มีแถว

สายอากาศ (Antenna Array) สามารถตรวจจับทิศทางท ี่ เทคโนโลยีระบุตําแหนง สัญญาณไร้สายตกกระทบได้ ภายในอาคาร 2 ระบบสื่อสารขอมูลไรสาย เพื่อส่งข้อมูลสำหรับใช้ในการคำนวณตำแหน่งไปยังเซิร์ฟเวอร์

ย้อนกลับไปที่ “อยู่ไหน 3 มิติ” ระบบระบุ ซึ่งสามารถใช้งานเครือข่าย Wi-Fi, 3G, 4G และ 5G

ตำแหน่งภายในอาคารด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ Cellular Network

พลังงานต่ำ ให้บริการข้อมูลตำแหน่ง หรือเส้นทางการเคลื่อนที่ของคน หรือ แพลตฟอรคำนวณ เป็นระบบเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์สำหรับเก็บข้อมูล ประมวลผล

วัตถุสิ่งของภายในอาคาร 3 บริหารจัดการ และ ข้อมูลตำแหน่งของแท็กได้อย่างแม่นยำด้วยเทคนิค Angle of

แสดงผลขอมูล Arrival (AoA) และส่งข้อมูลตำแหน่งไปแสดงผลที่เว็บไซต์หรือ รวมถึงใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาด แอปพลิเคชัน UNAI แบบเรียลไทม์ สามารถบริหารจัดการข้อมูล โดยประกอบด้วยอุปกรณ์รับสัญญาณ ให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการ AI for Thai ไร้สาย ที่เรียกว่า Anchor และอุปกรณ์ ที่ประกอบด้วยธุรกิจการจัดประชุมสัมมนา ธุรกิจต่าง ๆ ตอบโจทยการใชงาน AI ครอบคลุม 3 ดาน ส่งสัญญาณไร้สายที่เรียกว่า Tag โดย องค์กร (Meetings) การท่องเที่ยวเพื่อ

ใช้เทคโนโลยีสมองกลฝังตัวขนาดเล็ก เป็นรางวัล (Incentives) การประชุม

และมีระบบสื่อสารไร้สายมาตรฐานบลูทูธ นานาชาติ (Conventions) และการจัด

พลังงานต่ำ (Bluetooth Low Energy) นิทรรศการ งานแสดงสินค้า (Exhibitions)

ที่สามารถสื่อสารได้ในระยะที่ไกลกว่า ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นกิจกรรมที่มีความ RFID สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

“ “

UNAI เทคโนโลยีระบุตำแหนงภายในอาคาร UNAI

เสริมแกร่งธุรกิจจัดงานอีเวนต์

ึ ี ดร.ละออ โควาวิสารัช หัวหนาทีมวิจัย ซ่งขอมูลเหลาน้จะเปนประโยชนตอ ชวยใหทราบ ี ระบบระบุตําแหนงและบงช้อัตโนมัต ิ การนําไปพัฒนาคุณภาพการบริการ ขอมูลภาพรวมและ เนคเทค สวทช. กลาววา ใหดีย่งขึ้น หรือนาเสนอบริการเสริมนอก ํ ิ ี เหนือจากระบบอานวยความสะดวกท่ม ี ขอมูลเชิงลึกที่ ํ ทีมไดพัฒนาและทดสอบระบบ UNAI อยูแลว เชน เพิ่มระบบนําทางไปยังบูท สําคัญ

รวมกับสานักงานสงเสริมการจัดประชุม ท่ตองการไดอยางสะดวกรวดเร็ว ไมตอง ํ ี ํ ื และนิทรรศการ (องคการมหาชน) หรอ เสียเวลาเดินหา ทาใหมีเวลาเลือกสินคา TCEB และไดรับทุนสนับสนุนการวิจัย หรือเจรจาธุรกิจไดมากข้น รวมถึงประยุกต เชน ผูเขาชมงานสวนใหญอยู ึ ิ ื และพัฒนาเพ่มเติมจากหนวยบริหาร ใชเพ่อคนหาตําแหนงของผูเขารวมท ี ่ ที่ไหน สนใจกิจกรรมใดบาง ิ ี และจัดการทุนดานการเพ่มความ เปนเด็กหรือผูสูงอายุท่อาจเกิดการ นิทรรศการหรือสินคาประเภทใด สามารถในการแขงขันของประเทศ พลัดหลงจากผูดูแล ไดรับความสนใจมากที่สุด (บพข.) เพ่อพัฒนาฮารดแวรและปรับ การนําระบบระบุตําแหนงในอาคาร UNAI ื ิ ึ เทคนิคใหมีความแมนยําเพ่มมากข้น ไปประยุกตใชในการจัดงานนิทรรศการ ซึ่งขอมูลเหลานี้จะเปน และงานแสดงสินคา นอกจากชวยเพิ่ม ประโยชนตอการนําไป

ความสะดวกในการจัดเก็บและวิเคราะห

 ี ู ขอมลท่เปนประโยชนใหแกผจัดงานและ พัฒนาคุณภาพการ ู สรางประสบการณที่ยอดเยี่ยมใหแกผู บริการใหดียิ่งขึ้น เขาชมงานแลว ส่งสําคัญท่สุด คือ ิ ี ิ การนําเทคโนโลยีไปเพ่มโอกาสทาง ธุรกิจและเพิ่มมูลคาทางการตลาดให

ี อุตสาหกรรมไมซของไทยท่กําลังเติบโต ี ระบบ UNAI จะชวยใหผูจัดงานหรือ ใหมีศักยภาพท่แข็งแกรงและแขงขัน ู ผประกอบการไดทราบขอมูลภาพรวม ไดในระดับโลก และขอมูลเชิงลึกที่สําคัญ เชน จํานวน

ผูเขาชมงานสวนใหญอยูที่ไหน ผูเขา

ชมงานสนใจกิจกรรมใดบาง นิทรรศการ ดร.ละออ โควาวิสารัช หัวหนาทีมวิจัยระบบระบุตําแหนง  หรือสินคาประเภทใดไดรับความสนใจ และบงชี้อัตโนมัติ เนคเทค สวทช. “ “ มากที่สุด ฯลฯ

เนื้อหาและภาพประกอบจาก https://www.nstda.or.th/home/news_post/unai-mice/

ONSPEC

NECTEC SERS Chips

ชิปขยายสัญญาณรามาน

ONSPEC

NECTEC SERS Chips

ชิปขยายสัญญาณรามาน

ปจจุบันเทคนิคการตรวจวัดเอกลักษณของสารเคมีดวยเทคนิค

การตรวจสอบระบุสารเคมีด้วยเทคนิคสเปกโทรสโคปี สเปกโทรสโคปีตรวจวัดสัญญาณรามาน ไดรับความนิยมเพิ่ม

มีแนวโน้มที่จะมาทดแทนเทคนิคมาตรฐานแบบเดิม มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความกาวหนาของเทคโนโลยีแหลงกำเนิด

แสงเลเซอรแบบ solid-state สงผลใหเครื่องตรวจวัดมีราคาลดลง

ด้วยจุดเด่นในด้านการตรวจวัดที่รวดเร็ว พรอมทั้งยังมีขนาดที่เล็กลงและยังใหประสิทธิภาพที่สูงขึ้นอีกดวย

ไม่มีการปล่อยของเสียจากการเตรียมตัวอย่าง

และสามารถตรวจวัดนอกห้องปฏิบัติการได้ ทำใหมีความนิยมนำเอาระบบตรวจวัดสัญญาณรามานมาใชเปน

เทคนิคมาตรฐานในการตรวจระบุองคประกอบและเอกลักษณทาง

อยางไรก็ตามเทคนิคสเปกโทรสโคป เคมีทั้งภายในหองปฏิบัติการและการพกพาสำหรับตรวจในภาคสนาม

ยังมีขอจำกัดในเรื่องการตรวจวิเคราะหทางเคมี ที่มีปริมาณโมเลกุลตัวอย่างน้อยหรือความเข้มข้นต่ำมาก อยางไรก็ตามการตรวจวัดสัญญาณรามานมีขอจำกัดสำหรับ

(Trace Analysis) การวัดสารที่มีปริมาณหรือความเขมขนนอยมาก ๆ เนคเทค สวทช.

ที่โดยปกติจะไม่สามารถตรวจวัดได้ จึงพัฒนาพื้นผิวขยายสัญญาณรามาน (Surface-Enhanced Raman Spectroscopy: SERS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยาย

สัญญาณรามานดังกล่าวในการตรวจวัดและวิเคราะห์โมเลกุลของ

สารเคมีได้มากจนถึงระดับที่สามารถตรวจวัดสารตกค้าง

(Trace) ประเภทต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

นอกจากนี้เทคนิคการตรวจวัดดวยชิป

ื พ้นผิวขยายสัญญาณรามานสามารถใชงาน ื รวมกับเคร่อง Raman แบบพกพา (Handheld  Raman Spectrometer) ทําใหไมจําเปนตอง ี นําตัวอยางสงเขามาตรวจท่หองปฏิบัติการ เหมาะแกการตรวจวัด ณ พื้นที่หนางานได

ทันที

โดยการวิเคราะหดวย SERS ถือเปนเทคนิค

ี เนคเทค สวทช. พัฒนาชิปขยายสัญญาณ ท่ไดรับการยอมรับและเริ่มมีการใชงานอยาง ั รามาน ONSPEC ดวยเทคนิคการเคลือบ แพรหลายท้งในระดับงานวิจัยและภาคสนาม

ฟลมข้นสูง โดยพัฒนาฟลมบางโครงสราง สามารถนําไปประยุกตใชไดหลากหลาย ั ี นาโนของโลหะเงินท่มีคุณลักษณะเฉพาะตัว เชน การตรวจพิสูจนสารตกคางทางการ สามารถขยายสัญญาณรามานไดอยางม ี เกษตร ยาฆาแมลง การตรวจพิสูจนเชิงนิต ิ ประสิทธิภาพ วิทยาศาสตร เชน สารเสพติด สารระเบิด

สารหมึกปากกา และการตรวจพิสูจนทางการ โดย ONSPEC Prime มีประสิทธิภาพสูงในระดับโลกสําหรับผลิตภัณฑชิปขยายสัญญาณ

 โดยมีคาอัตราการขยายสัญญาณสูงกวา แพทย เชน สารชีวโมเลกุล เปนตน รามาน (SERS) โดยสามารถยืนยันดวยผลงานตีพิมพในวารสารวิชาการนานาชาต ิ ี ผลิตภัณฑประเภทเดียวกันท่มีขายใน มากกวา 10 ฉบับ การไดรับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ ผลิตภัณฑไดรับการคุมครอง ทองตลาดกวา 100เทา ในขณะที่มีตนทุนใน ดวยสิทธิบัตรในประเทศ

การผลิตท่ตํ่ากวา ี

ั ั ี ้ ั ี ี ุ ิ ่ ื ่ ี ิ อกทงยงสามารถแกไขขอจํากดเรองการตรวจวเคราะหทางเคมทมปรมาณโมเลกล พ้นผิวขยายสัญญาณประกอบดวยชิปใน ื ี บรรจุภัณฑพรอมใชงาน สามารถประยุกต ตัวอยางนอย หรือความเขมขนตํ่ามาก (Trace Analysis) ท่โดยปกติจะไมสามารถ   ั ้  ใชไดกับการตรวจวัดสารตัวอยางที่มีความ ตรวจวัดได และสามารถนําไปประยุกตใชงานตรวจวัดสารตกคางไดอยางหลากหลายทง เจือจางมากในระดับ Trace Concentration ดานนิติวิทยาศาสตร การตรวจวัดยาเสพติด, สารประกอบวัตถุระเบิด, หมึกปากกาบน ่  ั   ซงไมสามารถตรวจวดไดดวยเทคนิคการ เอกสารวัตถุพยาน, ดานการเกษตรและอาหาร การตรวจวัดยาปฏิชีวนะตองหามใชใน ึ ี ี ตรวจวัดสัญญาณรามานแบบปกต ิ การเล้ยงสัตวนํ้า, สารปนเปอนในนํ้านม, กลุมสารแคนนาบินอยดในกัญชา, สารตกคางท่ใช กําจัดศัตรูพืช ดานส่งแวดลอม การตรวจวัดชนิดของคราบนํ้ามันดิบท่ปนเปอนในทะเล ี ิ และดานการแพทย การตรวจวัดวัณโรค, ตัวบงช้ทางชีวภาพของโรคมะเร็ง และไวรัสไขเลือดออก ี เปนตน

ONSPEC:Prime “ “

ชิปขยายสัญญาณสารเคมีประสิทธิภาพสูง เมื่อเปรียบเทียบ

ประสิทธิภาพ

ของผลิตภัณฑชิปพื้นผิวขยาย

สัญญาณรามานอื่น ๆ ปจจุบันชิป ONSPEC Prime ผลิตจําหนาย ปจจุบันมียอดจําหนาย ONSPEC Prime

ั เชิงพาณิชยแลว โดยทีมวิจัยเทคโนโลยี 4,135 ชิป โดยกลุมลูกคาท้งหนวยงาน ที่จําหนายเชิงพาณิชยแลว เซนเซอรแสงไฟฟาเคมี กลุมวิจัยอุปกรณ ของรัฐ มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชน

สเปกโทรสโกปและเซนเซอร เนคเทค ภายในประเทศ รวมถึงบริษัทจากตาง

สวทช. ไดพัฒนาสรางหองปฏิบัติการ ประเทศอยาง B&W TEK INC ซึ่งเปน ONSPEC Prime

สําหรับผลิตชิป ในภายในหองจะ บริษัทผูผลิตจําหนายเครื่องตรวจวัด มีประสิทธิภาพ

ื ประกอบไปดวยเคร่องเคลือบ ONSPEC สัญญาณรามานของประเทศสหรัฐอเมริกา ดีกวา VULCAN, Glove Box ท่ใชในการบรรจ ุ ี ื ื ภัณฑ และเคร่องควบคุมความช้น โดยภาย ผลิตภัณฑอื่นๆ ี ็ ุ หลังจากการเตรียมผลิตภัณฑเสรจทกร นอกจากน้บริษัท ซายน อินโนวาเทค จํากัด ิ ิ อบการผลิตจะถูกทดสอบประสทธภาพ ไดยื่นซื้อขอใชสิทธิในการเปนตัวแทน กอนที่จะสงจัดจําหนาย จําหนายผลิตภัณฑ ONSPEC Prime มีความพรอมอยาง เปนเวลา 3 ป ปจจุบันมียอดส่งซ้อ มากสําหรับการผลิต ั ื ทั้งนี้เมื่อนําไปเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ONSPEC Prime จากบริษัทดังกลาว แบบเชิงพาณิชย ึ กับผลิตภัณฑชิปพื้นผิวขยายสัญญาณ แลวจํานวน 2,000 ชิป และขอข้นทะเบียน (Mass production) ี ํ รามานท่จาหนายเชิงพาณิชยแลว จะพบ บัญชีนวัตกรรมไทยเรียบนอยแลว วาชิป ONSPEC Prime มีประสิทธิภาพ “ “

ที่ดีกวาผลิตภัณฑอื่น ๆ มีความพรอม

อยางมากสําหรับการผลิตแบบเชิงพาณิชย

(Mass Production) ดร.นพดล นันนวงศ

ผูอํานวยการ กลุมวิจัยอุปกรณสเปกโทรสโกปและเซนเซอร เนคเทค สวทช.

AI for THAI

แพลตฟอรมบริการเทคโนโลย ี

ปญญาประดิษฐสัญชาติไทย

Thai Artificial Intelligence Service Platform

AI for Thai

แพลตฟอรมบริการเทคโนโลยีปญญาประดิษฐ

สัญชาติไทย

ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความสำคัญต่อความสามารถ ทางการแข่งขันของประเทศเป็นอย่างมาก การพัฒนาบุคลากร

ด้านปัญญาประดิษฐ์ของไทยจึงเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน

และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง AI for Thai

ศักยภาพของเทคโนโลยีปญญาประดิษฐ (AI)

ปรากฏใหเห็นแกสายตาคนทั้งโลกอยางตอเนื่อง ด้วยการพัฒนาบุคลากรด้าน AI บนพื้นฐานแพลตฟอร์มหรือ

โดยเฉพาะอยางยิ่งในสถานการณ เครื่องมือจากต่างประเทศนั้น จะทำให้เราอยู่ในสถานะ “ผู้ใช้” ไม่ใช่

การแพรระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 “ผู้พัฒนา” ดังนั้น การมีแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์เป็นของเรา

ไดมีการนำเทคโนโลยีปญญาประดิษฐ เอง จะสามารถพัฒนาคนด้าน AI ในเชิงลึกได้ อีกทั้งยังสามารถ สร้างบริการหรือเครื่องมือที่ตรงกับโจทย์ของไทยได้อีกด้วย มาประยุกตใชในมิติดานการแพทยอยางกวางขวาง

เชน การยนระยะเวลาในการคิดคนวัคซีนปองกัน AI for Thai เกิดจากความมุ่งมั่นของเนคเทค สวทช. ที่จะสร้าง

การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เดิมอาจใชระยะเวลาถึง 10 ป เทคโนโลยีฐานรากทางด้านดิจิทัล (Digital Infrastructure) ให้กับ

แตปจจุบันวัคซีนปองกันการติดเชื้อดังกลาวสำเร็จขึ้นได ประเทศไทย โดยนำผลงานวิจัยที่มีอยู่ทางด้านปัญญาประดิษฐ์