คำเตือน ข้อมูลที่แสดงในหน้านี้อาจไม่ครอบคลุมทุกส่วนที่มีภายในตัวเครื่อง ซึ่งทางเว็บไซต์สยามโฟนสามารถทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ผู้ผลิตสินค้าโดยเข้าไปอ่านได้ที่ และควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ขายสินค้า ณ จุดวางจำหน่ายทุกครั้งเพื่อความถูกต้อง หากพบว่าข้อมูลรายละเอียดที่เราแสดงในหน้านี้มีความผิดพลาดหรือพบปัญหาในการแสดงผลของเว็บไซต์โปรดแจ้งให้เราทราบได้ที่ [email protected] ภาพที่แสดงเป็นเพียงภาพประกอบ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นโปรดสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้ากับบริษัท-ผู้จำหน่ายทุกครั้งก่อนตัดสินใจ ภาพที่แสดงเป็นเพียงภาพประกอบ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นโปรดสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้ากับบริษัท-ผู้จำหน่ายทุกครั้งก่อนตัดสินใจ โดยหลักของตัวเครื่องนั้นจะใช้วัสดุที่ทำมาจากอลูมิเนียมอัลลอยซึงซึ่งอลูมิเนียมที่นำมาประกอบนั้นเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตในอุตสาหกรรมการบินนั้นเองอีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาแข็งแรงคุณภาพดีจริงๆ อีกทั้งข้างหลังของตัวเครื่องนั้นเราจะไม่เห็นเส้นของเสาร์อากาศมากวนใจเพราะว่ามีตัวรับสัญญาณที่มีอยู่ในตัวนั้นเองจึงทำให้ได้ความรู้สึกของวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นพร้อมกับความบางของตัวเครื่องที่บางเพียง 6.8 มิลลิเมตร ถึงจะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่แต่มีน้ำหนักที่เบากับตัวเครื่องที่บางพอดีมือทำให้เวลาจับมีความรู้สึกสบายและไม่เมื่อยมือเวลาที่ถือใช้งานนานๆผมว่ามันดีออก ! สำหรับในรุ่นนี้นั้นมาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลแบบ Super IPS+ มีความละเอียดอยู่ในระดับ Full HD 1080p ยังพร้อมกระจกกันรอยอย่าง Gorilla Glass 4 และยังมีความสว่างของจอถึงระดับ 500 ints ที่ทำให้จอดูสว่างและทำให้สีนั้นดูสดมากขึ้นจากรุ่นก่อนๆ มาพร้อมหน้าจอการใช้งานขนาด 6.8 นิ้ว มีความละเอียด 1920×1080 พิกเซล ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 324 PPI สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านบน : มาพร้อมลำโพงสนทนา ไฟเเจ้งเตือน LED เซ็นเซอร์วัดระยะ เซ็นเซอร์วัดแสง คือเวลาที่เราเอามือถือไปแนบกับหูในระหว่างการสนทนาจะทำให้หน้าจอดับเอาออกมาจากหูหน้าจอจะเปิดพร้อมกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลและมีรูรับแสงกว้างอยู่ที่ F/2.0 สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านล่าง : ส่วนรุ่นนี้จะต่างจากรุ่นก่อนจะมาพร้อมปุ่ม ซอฟต์คีย์ หรือแถบการใช้งาน 3 ปุ่มหลัก ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ , โฮม , Recent Apps และจะมีไฟ Backlit ขึ้นทุกครั้งเวลากดใช้งานสามปุ่มนี้และยังมาพร้อมกับเชนเซอร์สแกนนิ้วมืออีกด้วย ( ปุ่มกลางจะเป็นแบบกดลงไปไม่ได้ใช้สัมผัสแบบรุ่นก่อนๆ ) สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : จะมีปุ่มพาวเวอร์มีช่องใส่ซิมและ Micro-SD อยู่ ตรงนี้จะเป็นถาดซิมแบบไฮบริดนะครับ สำหรับตัวเครื่องด้านบน : จะมาพร้อมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม เเต่สำหรับรุ่นนี้นั้นจะมีความพิเศษก็คือจะมีชิพเสียงพลังขับแบบ Hi-Res 24 Bit / 192Khz และไมค์ตัดเสียงรบกวน สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : นั้นก็จะมาพร้อมรูไมโครโฟนสำหรับเอาไว้พูดคุยสนทนา และ ช่องเสียบต่อสาย USB แบบ Type C ที่สามารถเสียบชาร์ได้ทั้งสองฝั่งทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นในการชาร์อีกทั้งยังมาพร้อมลำโพงคู่เเม่เหล็กถึง 5 ตัวที่ช่วยในการขับเสียงให้ออกมาดังเเละเก็บรายละเอียดเสียงได้ดอีกด้วย สำหรับตัวเครื่องด้านหลังของเครื่อง : จะมาพร้อมกลัองหลังความละเอียดอยู่ที่ 23 ล้านพิกเซลที่นูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อยมาพร้อมเชนเซอร์กล้อง Sony IMX 318 พร้อมไฟแฟลชคู่ LED เเละตัวกล้องจะมีความกว้างของรูรับแสงอยู่ที่ F/2.0 สำหรับตัวกล้องนั้นจะใช้ตัวกล้องแบบ 6 ชิ้นเลนส์ อีกทั้งยังมีเชนเซอร์อย่าง Laser focus ที่ใช้เวลาการจับภาพของวัสถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบที่เรียกว่า Tri-Tech Autofocus ทั้งยังมาพร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวอย่าง Ois แบบ 4 แกน และมาพร้อมโหมดการถ่ายภาพแบบ Super Resolution มีปุ่มเพิ่มเสียง,ลดเสียงและมีโลโก้ ASUS อยู่ด้านล่างปุ่มอีกทั้งข้างล่างของตัวเครื่องก็ยังมีโลโก้ของคำว่า Zenfone อีกด้วย เปิดเครื่อง หน้าตา Ui และ ฟังก์ชัน : Asus Zenfone 3 Ultra หน้าโฮมล็อก : ก็มีอะไรที่เหมือน Asus ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่เราจะเห็นเป็นอันดับแรกก็คือหน้าเมนูจอหน้าจอเพื่อทำการ Swipe up to unlock หรือทำการกวาดนิ้วขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่เมนูหน้าจอหลักนั้นเอง หน้าตา Ui : สำหรับรุ่นนี้จะมาพร้อม Ui อย่าง Zenui 3.0 และ Android 6.0 รูปแบบ Ui ก็ยังคงความเรียบง่ายในแบบฉบับของ Zenfone แถบการใช้งานลัด ,Notifications : ถ้าหากเราทำการรูดหน้าจอลงมาหนึ่งครั้งก็จะเห็นแท็บของการเเจ้งเตือนบน ( Notifications ) ในการเเจ้งเตือนของแอพต่างๆและถ้าเราทำการรูดลงมาอีกทีก็จะเห็นแถบเมนูการใช้งานในการเปิดปิดปุ่มทางลัดของฟังก์ชันต่างๆตามรูปด้านบนเลยนะครับ จัดการหน้าจอโฮม : แต่เมื่อเราทำการกดหน้าจอค้างเอาไว้ก็จะแสดงตัวเลือกจัดการหน้าโฮม ที่มีเมนูให้เราเลือกแก้ไขหรือเลือกเปลี่ยนแปลงแก้ไข ธีม,ไอคอน,วอลเปเปอร์ หรือเมนูต่างๆตามภาพ หน้า All Apps , วิดเจ็ต : แต่ถ้าเราทำการกดเข้าไปในปุ่มของหน้า All Apps เราก็จะเห็นแอพต่างๆที่เราทำการโหลดเอาไว้บนตัวเครื่องและก็ยังมีหน้าวิดเจ็ตทั้งหมดที่เราสามารถเลือกใช้เป็นทางลัดได้อีกด้วย คลังธีม : แต่สำหรับคนที่ชอบในการตกเเต่ง ธีมหรือไอคอนบนสมาร์ทโฟน Asus เขาก็มีคลังธีมสำหรับโหลดธีมสวยๆหรือไอคอนสวยๆทั้งในแบบฟรีและก็ทั้งในแบบเสียเงินมาให้เราได้โหลดกันอีกด้วยและเราก็ยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบของฟ้อนตัวหนังสือเพิ่มเติมได้ใน playstore ลูกเล่นฝาปิด Asus : สำหรับรุ่นนี้ก็จะไม่มีลูกเล่นฝาพับเหมือนรุ่นก่อนๆหน้านี้มีเพียงแค่ให้เราปรับการเปิดการทำงาน,และปลดล็อคเท่านัั้น ไฟฉาย,เครื่องคิดเลข : แอพไฟฉายเราก็ยังสามารถเลือกใช้ได้อย่างสบายพร้อมกับปุ่ม SoS สำหรับการเปิดไฟขอความช่วยเหลือและสำหรับหน้าตาของเครื่องคิดเลขก็จะเหมือนในรุ่นก่อนๆแต่ความพิเศษของเครื่องคิดเลขใน Zenfone สามารถกด .12345+= เพื่อกดทดสอบหรือเช็คตัวเครื่องตอนที่เราซื้อได้ด้วย โหมดง่าย : เป็นอีกฟังก์ชันที่ไม่พูดถึงไม่ได้ด้วยในการใช้งานที่มีไอคอนและตัวหนังสือขนาดใหญ่จึงจำเป็นมากๆสำหรับคนที่มีปัญหาทางด้านสายตาอีกทั้งยังใช้ง่าย ฟังก์ชันลายนิ้วมือ : สำหรับรุ่นนี้นั้นได้เพิ่มความสามารถในการใช้งานลายนิ้วมือในการปลดล็อกอุปกรณ์โทรศัพท์และ Asus ก็ยังใส่ความสามารถอื่นๆมาให้อีกอย่างเช่น แตะสองครั้งบนเชนเซอร์สแกนนิ้วเพื่อเปิดกล้อง , แตะค้างไว้เพื่อรับสาย ,แตะเพื่อถ่ายภาพ , แตะเพื่อใช้ลายนิ้วปลดล็อกหน้าจอ อีกทั้งเรายังสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือเลยทีเดียว ฟังก์ชัน ZenMotion (เจสเจอร์สัมผัส) : สำหรับฟังก์ชันนี้เป็นอีกฟังก์ชันที่ทำให้เราสามารถใช้งานบนตัวเครื่องได้สะดวกมากยิ่งขึ้นโดยที่เราไม่จำเป็นต้องพึงปุ่ม Power ของตัวเครื่องอีกต่อไปมันยังช่วยเซิฟปุ่ม Power ของเราแค่เรา เคาะสองครั้งที่หน้าจอเพื่อทำการเปิด,ปิด เเละเราก็ยังสามารถวาดตัวอักษรในตอนที่มือถือทำการปิดหน้าจอเพื่อเขาแอพต่างๆที่เราได้ทำการบันทึกไว้ได้เลยโดยมีตัวอักษรหกตัวได้แก่ W,S,E,C,Z,V โดยไม่ต้องทำการเปิดตัวเครื่องๆ ดูตัวอย่างตามรูปด้านล่างครับ ดูสิมันสะดวกมากๆเลยใช่ไหมหละ ฟังก์ชัน ZenMotion (เจสเจอร์เคลื่อนที่) : ก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่สำคัญและทำให้เราใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นไม่ต่างจากการเคาะหน้าจอเพื่อเปิดสำหรับโหมดนี้จะเน้นการใช้งานแบบพลิกมือถือเพื่อปิดเสียงเงียบในช่วงที่เราประชุมหรือยกมือถือแนบหูเพื่อทำการรับสายได้เลยโดยไม่ต้องรูดรับ ดูตัวอย่างตามรูปด้านล่างเลยครับ ยกมือถือแนบหูเพื่อรับสาย สำหรับมีสายเรียกเข้าถ้าเราพลิกอุปกรณ์ก็จะทำให้มือถือของเราเงียบทันที ในเวลาที่เราฟังเพลงถ้าเราทำการพลิกมือถือตัวเครื่องมันก็จะทำการพักเพลงที่เล่นให้เราทันทีสะดวกมากเลยใช่ไหมหละ ฟังก์ชัน ZenMotion (โหมดมือเดียว ) : สำหรับฟังก์ชันนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขับรถถือของเยอะๆไม่สะดวกในการใช้งานมือเดียวหรือในรุ่นที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ไปมันก็จะสามารถทำการย่อส่วนของหน้าจอการใช้งานให้เราสามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้ ตัวอย่างตามรูปด้านล่าง อีกทั้งเรายังสามารถปรับขนาดในการใช้งานมือเดียวได้อีกด้วยเเต่ถ้าเรากดติกที่ทริกเกอร์ด่วนเเล้วถ้าเรากดปุ่มโฮมสองครั้งมันก็จะย่อหน้าให้เราทันที พื้นที่จัดเก็บภายใน : สำหรับรุ่นนี้จะมาพร้อมความจำเครื่อง สูงถึง 64 GB และสามารถเพิ่มความจำภายนอกอย่าง MicroSD ได้สูงสุดถึง 2 TB และมันเหลือใช้ทั้งหมดประมาณ 56 GB Asus ตัวจัดการมือถือ : เป็นแอพที่สำคัญมากๆเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการ การใช้งานบนมือถือของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แบตเตอร์รี่ , ความเร็วตัวเครื่อง , ตัวช่วยในการล้างค่าแคลชต่างๆ คือเราไม่ต้องไปโหลดโปรแกรมมาเพิ่มใน Playstore ให้นักเครื่องอีกเลย Asus AudioWizard : สำหรับแอพนี้เป็นแอพที่เอาไว้สำหรับปรับเเต่งค่าเสียงต่างๆเหมาะสำหรับคนที่ชอบปรับเสียงอย่างเสียง เบส ไม่ว่าจะเป็นเสียงในการเล่นเกมส์หรือเสียงในตอนที่เราดูหนังเราก็สามารถเข้ามาปรับได้ในแอพนี้เลยอีกทั้งความพิเศษของรุ่นนี้นั้นจะมีชิพ Dts dts Headphone X 7.1 ที่เรายังสามารถมาแก้ไขรายละเอียดต่างๆได้อีกด้วย การอัพเดท : ในเรื่องของการอัพเดทนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยสำหรับในค่ายนี้มีปล่อยให้อัพเดทแก้ไขต่างๆตลอดเวลา เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่เราไม่ต้องกังวลอีกทั้งเรายังสามารถอัพเดทระบบเองได้โดยการเปิด Wifi จากที่บ้านได้เลย ประสิทธิภาพในการทำงาน : Asus Zenfone 3 Ultra พร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64 Bit Qualcomm Snapdragon 652 และมีความเร็วประมวลผล 1.8 GHz ,ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 510 , หน่วยความจำแรม (RAM) 4GB ,หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) 64 GB และยังรองรับหน่วยความจำเพิ่มเติม MicroSD ได้สูงสุด 2 TB และยังทำงานในระบบ Android 6.0 และ Zenui 3.0 ทดสอบการทำงานของ CPZ ผลทดสอบการทำงานของ Antutu ประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ : Asus Zenfone 3 Ultra ในเรื่องของการเล่นเกมส์บอกได้เลยว่าหายห่วงเกมส์ 3D ภาพสวยๆ GPU อย่าง Adreno 510 ที่อยู่บน CPU Snapdragon 652 นี้ก็ยังทำงานได้ดีมากๆบวกทั้งขนาดหน้าจอและก็ลำโพงคู่ทำให้เวลาเล่นเกมส์มีความมันสุดๆจากที่ได้รีวิวในหลายๆรุ่นผ่านๆมาอีกทั้งในเรื่องของแบตเตอร์รี่ 4,600 mAh ก็ยังทำให้หมดห่วงทั้งยังรองรับระบบชาร์ไวก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าเเบตเตอร์รี่จะเยอะแค่ไหนก็ชาร์เร็วอย่างแน่นอน !! อีกทั้งในขนาดที่เราเล่นเกมส์ ASUS ก็ยังมีระบบ Game Tool bar ตัวช่วยในการเล่นเกมส์เร่งความเร็วตัวเครื่องให้เร็วขึ้น หรือไม่ว่าเราจะทำการอัดเกมส์เพื่อเก็บไว้ดูหรือทำการสตรีมเกมส์สดๆผ่านทางช่องทาง Youtube หรือ ทวิตเตอร์เราก็สามารถทำได้ ประสิทธิภาพในการดูหนังและฟังเพลงผ่านหูฟัง : Asus Zenfone 3 Ultra ในเรื่องของการดูหนังหรือฟังเพลงสำหรับรุ่นนี้บอกได้เลยว่าจะโดนใจคนที่ชอบดูหนังและฟังเพลงเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเสียงขับจากลำโพงคู่แม่เหล็กหรือความดังขนาดหน้าจอหรือรวมไปถึงความชัดของหน้าจอที่เวลาๆดูนานๆทำให้ไม่ปวดตา สำหรับคนที่รักในเรื่องการฟังเพลงผ่านหูฟังก็หายห่วงในสำหรับรุ่นนี้นั้น ASUS ได้มีการผลิตหูฟัง ZenEar ที่สามารถรองรับ dts Headphone X แบบ 7.1 ได้อีกด้วยอีกทั้งยังรองรับเสียงแบบ Hi-Res 24 Bit อีกทั้งยังมีระบบที่สามารถดูวีดีโอในระดับ 4K ได้อีกด้วย ประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง : Asus Zenfone 3 Ultra กล้องหลังของรุ่นนี้นั้นจะมาพร้อมความละเอียด 23 ล้านพิกเชลใช้เชนเซอร์กล้องอย่าง Sony IMX 318 มีค่า F/2.0 มีระบบ OIS แบบ 4 แกนและ EIS แบบ 3 แกนสามารถอัดวีดีโอในระดับ 4K ได้โหมดถ่ายวีดีโอ TimeLapse , Slowmotion และโหมดปรับความคมชัดของภาพถ่ายอย่าง Super Resolution และยังมีลูกเล่นให้เราได้เลิอกใช้งานสูง 20 โหมดเลยทีเดียว โหมด Manual สำหรับโหมดนี้เรียกได้ว่าเอาใจได้คนที่ชอบถ่ายรูปโดยเฉพาะก็สำหรับโหมดนี้ก็จะมีลูกเล่นทั้งหมดมาให้เราปรับถึง 5 ลูกเล่นได้แก่การปรับค่า MF,S,ISO,EV,WB MF ( ช่วยในการโฟกัสเอาหน้าชัดหลังเบลอ ) สำหรับ MF จะเป็นตัวช่วยในการกำหนดภาพเวลาที่เราต้องการโฟกัสหน้าเบลอหลังชัดหรือหน้าชัดหลังเบลอนั้นเอง โหมด S [สปีดชัตเตอร์ สโลซัตเตอร์] สำหรับโหมดนี้มันเป็นอีกโหมดที่สำคัญมากๆสำหรับคนที่ชอบถ่าบรูปสำหรับรุ่นนี้นั้นเราก็ยังสามารถเปิดสปีดชัตเตอร์ได้สูงถึง 32 วิ และ สโลชัตเตอร์ได้ 1/1000 เลยทีเดียวสำหรับโหมดนี้มีเอาไว้สำหรับเอาไว้ลากท้ายไฟรถวิ่งที่วิ่งในช่วงกลางคืนหรือหยุดหยดน้ำนั้นเอง โหมด ISO สำหรับโหมด ISO ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการถ่ายรูปเช่นกันสำหรับโหมดนี้เราสามารถปรับ ISO ต่ำสุดได้ถึง 50 และสูงสุด 3200 เลยทีเดียวครับ โหมด EV [ชดเชยเเสง] สำหรับโหมดนี้ก็มีเอาไว้ช่วยในการปรับแสงให้ดูสว่างขึ้นหรือช่วยในการลดเเสงในดูมืดลงให้เหมาะสมกับสภาพเเสงที่เรากำลังจะถ่ายสามารถปรับได้ตั้งเเต่ -2 ถึง +2 โหมด WB [ไวท์บาลานซ์สี] สำหรับโหมดนี้จะเป็นการปรับสีที่เราสามารถเลือกปรับได้ตามที่เราต้องการนั้นเอง ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง : Asus Zenfone 3 Ultra ภาพทั่วไป ภาพกลางคืน เปิด Speed 6 วิ ตัวอย่างกล้องหน้า สรุปสเปคของ : Asus Zenfone 3 Ultra
สรุปข้อดีและข้อเสียของ : Asus Zenfone 3 Ultra สำหรับข้อดีนั้นได้แก่
สำหรับข้อเสียนั้นได้แก่
ราคาค่าตัวของ Asus Zenfone 3 Ultra อยู่ที่ 21,990 บาท จบไปแล้วนะครับรีวิวของพวกเราถ้าสนใจยังไงก็อย่าลืมไปหามาเป็นเจ้าของกันได้เเล้วนะครับทางเพจเราก็ต้องขอขอบคุณทาง Asus Thailand ที่กรุณาให้เครื่องเรามาทำการรีวิวในครั้งนี้ด้วยและอย่าลืมกดไลน์และกดแชร์เเฟนเพจของพวกเราด้วยนะครับและรีวิวในรุ่นต่อไปนั้นจะเป็นอะไรบอกเลยว่ามีทีเด็ดมาให้ชมแน่ๆสำหรับรีวิวนี้ผม MaxMoreji ต้องขอตัวไปก่อนพบกันรีวิวหน้าครับบบ |