ม.7 2508 แก ไข2535พ.ร.บ.ส ญชาต พ.ศ2551

สถานที่ติดต่อ

ทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพมหานคร ยื่น ณ สำนักบริหารการทะเบียน ทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอ

เอกสาร/หลักฐานที่ใช้

1. สูติบัตร ฉบับจริง 1 ฉบับ สำเนา 2 ฉบับ หมายเหตุ (หรือหนังสือรับรองการเกิด ท.ร.20/1 หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด 2. บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย หรือบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน (ของผู้ขอ) ฉบับจริง 1 ฉบับ สำเนา 2 ฉบับ 3. รูปถ่ายขนาด 3 นิ้ว จำนวน 3 รูป 4. บัตรประจำตัวหรือเอกสารราชการอื่นที่มีภาพถ่ายของบิดามารดาผู้ขอ สำเนา 2 ฉบับ 5. หลักฐานการพ้นโทษ (กรณีผู้ขอสัญชาติเคยได้รับโทษจำคุก) ฉบับจริง 1 ฉบับ สำเนา 2 ฉบับ 6. หนังสือรับรองผลการศึกษาหรือหลักฐานการเรียน (ยกเว้นอายุต่ำกว่า 7 ปี) ฉบับจริง 1 ฉบับ สำเนา 2 ฉบับ 7. หนังสือรับรองว่าเป็นคนที่ไม่ปรากฎบุพการีหรือบุพการีทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์ หรือ หนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์ (ถ้ามี) ฉบับจริง 1 ฉบับ สำเนา 2 ฉบับ

ค่าธรรมเนียม

-

ระยะเวลา

180 วัน

หมายเหตุ

การพิจารณาให้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 และตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 การกำหนดสถานะตามกฎหมายตามมติ

คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ข้อ 1. บุตรของคนที่เข้าอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็เวลานาน ครอบคลุมชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่ง คณะรัฐมนตรีมีมติไว้เดิมรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร อาทิ กลุ่ม เวียดนาอพยพ อดีตทหารจีนคณะชาติ จีนฮ่ออพยพพลเรือน จีนฮ่ออิสระ ไทยลื้อ ลื้อ ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า เนปาลอพยพ ชาวเขา บุคคลบนพื้นที่สูง ลาวภูเขาอพยพ ม้งถ้ำกระบอก ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า อดีตโจรจีนคอมมิวนีสต์มาลายา ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา ชาวมอร์แกน และคนอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ที่ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไปภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ (1) บิดาหรือมารดาที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานานตามข้อ 1 ต้องมีหรือเคยมีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนประวัติ หรือเอกสารการทะเบียนราษฎร มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และต้องเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี นับถึงวันที่บุตรยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียนเพื่อขอมีสัญชาติไทย (2) มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด และต้องมีรายการบุคคลในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วแต่กรณี (3) ไม่ปรากฎหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น (4) พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ยกเว้นเด็กที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี (5) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (6) มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และถ้าเคยรับโทษอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ ข้อ 2. เด็กและบุคคลที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาแล้ว โดยบิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวอื่นที่ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ตามข้อ 1 หรือไม่ปรากฎบิดามารดาหรือบิดามารดาทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์ ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้

(1) มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด และต้องมีรายการบุคคลในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรแล้วแต่กรณี (2) ไม่ปรากฎหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น (3) พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ (4) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (5) มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและถ้าเคยรับโทษอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ (6) มีหลักฐานแสดงว่าจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษาในราชอาณาจักรซึ่งกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ แต่ถ้าเป็นผู้ที่เรียนจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา หรือเทียบเท่าจากสถาบันในต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ได้รับทุนการศึกษาจากหน่วยงานของรัฐ (7) สำหรับเด็กและบุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2 (1)-(5) และอยู่ระหว่างการศึกษาในสถาบันการศึกษาหากมีความจำเป็นต้องขอมีสัญชาติไทย ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน (8) สำหรับเด็กและบุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ2 (1)-(5) และเป็นผู้ที่ไม่ปรากฎบิดามารดา หรือบิดามารดาทอดทิ้งตั้งแต่วัยเยาว์ถ้าไม่จบการศึกษาตาม (6) ต้องมีหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้า จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และต้องมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ ในราชอาณาจักรติดต่อกันไม่น้อยกว่าสิบปีนับถึงวันที่ผู้นั้นยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียน เพื่อขอมีสัญชาติไทย ข้อ 3. ให้ผู้ที่เกิดในราชอณาจักรและไม่ได้รับสัญชาติไทย ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ จนเป็นที่ประจักษ์ ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย ภายใต้เงื่อนไขดังนี้ (1)มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด (2) มีภูมิลำเนาอยู่ต่อเนื่องในราชอาณาจักร โดยมีรายการบุคคลในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติ ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วแต่กรณี (3) ไม่ปรากฎหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น (4) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (5)มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและถ้าเคยรับโทษคดีอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ (6) ประกอบอาชีพสุจริต และ (7) เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศโดยมีผลงานหรือความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์ และเป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีหนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์หรือผลงานในสาขาต่างๆ จากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ระดับกรมหรือเทียบเท่ากรมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (ก) การศึกษาหรือการกีฬา (ข) ศิลปะวัฒนธรรม (ค) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ง) สาขาที่ขาดแคลน หรือสาขาอื่น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควร ข้อ 4. ผู้ใดได้รับสัญชาติไทยแล้ว ภายหลังปรากฎว่าการได้มาซึ่งสัญชาติไทยไม่เป็นไปตามลักษณะหรือเงื่อนไขตาม ข้อ 1 ถึง ข้อ 3 หรือบุคคลดังกล่าวกระทำการใดๆ อันเป็นการ กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐหรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้หน่วยงานรับผิดชอบถอนสัญชาติไทยบุคคลนั้นตามกฎหมาย